บทที่ 3: ริดรอนจากผู้คน ใช้มันเพื่อผู้คน!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 3: ริดรอนจากผู้คน ใช้มันเพื่อผู้คน!
ขณะนี้ หลินเป่ยฟานอยู่ในระดับเจ็ดขั้นสูงสุด แข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือทั่วไป แต่ก็ยังด้อยกว่ายอดฝีมือโดยกำเนิด ทำให้เขาเหมือนอยู่ในสภาวะระหว่างกึ่งกลางของทั้งสอง สาเหตุที่เขามาถึงระดับนี้ได้ ก็เพราะเขาผสานความสามารถเข้ากับเจ้าชายเจิ้นหนาน
ทำให้เขาได้รับวิชาอย่างเช่น “เทวสิทธิ์แห่งทะเลเหนือ” และ “ย่างเก้าเมฆทะยานฟ้า” ทั้งยังได้รับความแข็งแกร่งกำลังภายในที่ทรงพลังอีก ถือได้ว่าเขาโชคดีอย่างมาก ทว่าตัวไม่ได้ชอบศิลปะการต่อสู้และไม่ได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก เป็นผลให้รากฐานศิลปะการต่อสู้ของเขาอ่อนแอ จนทำให้เขามีปัญหา
ไม่อยา่งนั้นเขาอาจก้าวไปสู่ระดับถัดไปและกลายเป็นยอดฝีมือโดยกำเนิดอย่างแท้จริง! “ไม่เป็นไร เป็นโชคดีแล้วที่ได้มันมา หากไม่ได้ก็เพียงโทษโชคชะตา! การผสานร่างกายกับเจ้าชายเจิ้นหนานเป็นสิ่งคุ้มค่ามาก เพราะข้าได้ทักษะที่ยอดเยี่ยมสามอย่างและความแข็งแกร่งกำลังภายในที่ทรงพลัง ตราบใดที่ข้าฝึกฝนเป็นอย่างดี ข้าก็มีโอกาสที่จะไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตต้นกำเนิด!”
“นอกจากนี้ ข้ายังมีโอกาสที่จะผสานรวมเข้ากับร่างที่แข็งแกร่งอื่นๆ อีกในอนาคต!”
“แต่ครั้งนี้ ข้าได้มามากพอแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง!”
หลินเป่ยฟานมีความสุขมาก เขาไม่ได้รักเงิน แต่เขาหวงแหนชีวิตของเขามากกว่า ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้อันแสนวุ่นวาย การไม่มีทักษะศิลปะการต่อสู้ถือว่าอันตรายอย่างมาก! ดังนั้นเขาจึงเสี่ยงที่จะยักยอกเงิน 2 ล้าน ซึ่งหากเทียบกันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
ด้วยสุดยอดศิลปะการต่อสู้ระดับเจ็ด แม้ว่าจะไม่อยู่ยงคงกระพัน แต่ตราบใดที่เขาไม่ไปหาเรื่องผู้เยี่ยมยุทธ์โดยกำเนิดหรือคนที่มีระดับสูงกว่า เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย กรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาแค่ต้องหนี! เขามีทักษะเทพระดับสูงสุดอย่าง “ย่างเก้าเมฆทะยานฟ้า” ที่ทรงพลังมากในการใช้หลบหนี! ผู้ที่ต่ำกว่าระดับปรมาจารย์ไม่มีทางไล่ตามเขาได้ทัน!
ดังนั้นหลังจากทำงานหนักมาสามปี ในที่สุดเขาก็มีความสามารถในการปกป้องตัวเองในโลกนี้เสียที!
หลินเป่ยฟานกระโดดลงจากเตียงและเปิดกล่องสองกล่อง เผยให้เห็นสมบัติทองคำและเงินที่ทำให้ผู้คนมากมายต่างอยากจะได้มาครองไว้ในมือ ร่างขาวนอกหน้าต่างหรี่ตาลง ข้อมูลที่ได้มายืนยันว่าถูกต้องแล้ว หลินเป่ยฟานยักยอกอัญมณี ทองคำและเงินไป 2 ล้านตำลึง เจ้าหน้าที่ตัวน้อยผู้นี้โลภมากเกินไปแล้ว!
ขณะที่นางกำลังจะลงมือ หลินเป่ยฟานก็ถอนหายใจและพูดว่า “สามปีในฐานะผู้ตรวจสอบที่ไร้มลทินและซื่อสัตย์ กับเงินหนึ่งแสนตำลึง! ไม่ว่าจะเป็นราชวงศ์ใด ข้าราชการล้วนมีชีวิตที่สะดวกสบายที่สุด ในขณะที่ประชาชนทั่วไปกลับต้องประสบกับความยากลำบากและความเหน็ดเหนื่อยมากที่สุด! ความเจริญรุ่งเรืองย่อมมาพร้อมกับความทุกข์ทรมานของผู้คน! ความพินาศก็ย่อมมาพร้อมกับความทุกข์ทรมานของประชาชนเช่นกัน!”
ร่างขาวที่อยู่นอกหน้าต่างหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อการปกครองเป็นไปได้ด้วยดี ประชาชนก็ต้องทนทุกข์ทรมาน! เมื่อการปกครองเลวร้าย ประชาชนเองก็ต้องทนทุกข์ทรมาน!
คำพูดที่เรียบง่าย แต่ช่างลึกซึ้งยิ่งนัก! แม้นรู้เช่นนี้ เหตุไฉนยังต้องโลภมากขนาดนี้กันเล่า?
ในขณะนั้นเอง หลินเป่ยฟานคว้าแท่งทองจากกล่องและบีบมันอย่างแรงจนกลายกองเศษที่แตกสลาย จากนั้นเขาก็คว้าทองคำแท่งอีกแท่งหนึ่งและบีบลงในเศษทองคำ เขาทำมันอย่างต่อเนื่อง
ร่างขาวเริ่มรู้สึกสับสนและขมวดคิ้ว “เขาตั้งใจจะทำอะไรกัน?” นางเฝ้ามองดูอย่างเงียบๆ
หลังจากใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูป เขาก็ได้เปลี่ยนทองคำทั้งหมดเป็นเศษทองคำ แท่งเงินทั้งหมดเป็นเศษเงิน และยังแบ่งสร้อยคอมุกเป็นไข่มุกแต่ละเม็ด
ผ่านไปสักพัก หลินเป่ยฟานก็เปลี่ยนเป็นชุดสีดำแล้วหยิบผ้าสีดำออกมาปิดบังใบหน้าของเขา หลังจากเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ห่อทองคำ เงินและอัญมณีทั้งหมดด้วยผ้าผืนใหญ่และเร้นกายออกมาจากเรือนของตน
ด้วยการกระโดดเบาๆ เขาก็ได้หายไปจากลานบ้าน "เขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่?" ร่างขาวได้พุ่งตามไป ในขณะนี้ หลินเป่ยฟานได้ใช้วิชา “ย่างเก้าเมฆทะยานฟ้า” เดินผ่านถนนและตรอกซอกซอยอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาพบบ้านที่มีสภาพค่อนข้างทรุดโทรม เขาก็เข้าไปและทิ้งเงินบางส่วนไว้ ก่อนที่จะหายตัวไปอีกครั้ง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาก็เดินผ่านไปเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง เงินทั้งหมดที่เขานำติดตัวมาได้หายไปหมดสิ้นแล้ว
“นี่แหละคือวิถีที่เรียกว่าริดรอนจากผู้คนและใช้มันเพื่อผู้คน!”
“เรียบร้อย วันนี้ก็หมดเสียที!” หลินเป่ยฟานตบมือของเขาและกลับไปพักผ่อน
แต่ร่างขาวที่ติดตามเขามานั้นรู้สึกตกใจมาก: "แท้จริงแล้วเขา..."
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับไปที่วังและพบกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินียังคงตื่นอยู่และมีความสุขมากที่ได้พบกับนาง: “พี่สาวฉิงเสวียน เหตุใดเจ้าถึงกลับมาเร็วนัก? สถานการณ์เป็นเช่นไรไรบ้าง? เขาขโมยเงินไปจากข้าจริงๆ เหรอ?”
ใบหน้าของหญิงสาวร่างขาวที่แฝงตัวอยู่ในเงาดูซับซ้อนมาก: “อาจพูดได้ว่าเขาขโมยมันไป หรืออาจพูดได้ว่าเขาไม่ได้ขโมยมันไป!”
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” จากนั้นผู้มีเลือนร่างขาวก็รายงานต่อจักรพรรดินีอย่างละเอียดถึงสิ่งที่นางได้ประจักษ์
จักรพรรดินีตกใจมาก: “พี่สาวฉิงเสวียน เจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? เจ้ากำลังจะบอกว่าเขาแจกจ่ายทองคำ เงินและอัญมณีที่ขโมยมาทั้งหมดให้กับคนยากจนและไม่ได้เก็บไว้เองเลยหรือ?”
“ฝ่าบาท เป็นความจริงโดยแท้! ข้าเห็นมันด้วยตาของข้าเองและไม่มีความเท็จเลย!” เงาสีขาวดูจริงจังมาก
“น…นี่มันเยี่ยมมาก!”
จักรพรรดินีตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้นและอุทานออกมา: “เขาเป็นข้าราชการที่ดี ใส่ใจประชาชนและเป็นคนที่มีความสามารถตามที่ข้าต้องการ! หลินเป่ยฟาน เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังเลย! ฮ่าฮ่าฮ่า....”
เงาสีขาวพลันเริ่มรู้สึกลังเล: “แต่ฝ่าบาท เขาขโมยมาจากคลังสมบัติของประเทศชาติเรานะ…”
จักรพรรดินีไม่สนใจและหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น: "ปัญหามันคืออะไรงั้นหรือ? เงินที่เข้าคลังไป แต่เดิมก็ถูกยักยอกโดยข้าราชการที่ทุจริตพวกนัน้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? หลินเป่ยฟานจึงเป็นผู้ที่เลือกเก็บมันไว้แทน! อย่างน้อยเขาก็ให้เงินมันกับประชาชนทั่วไป! แต่สิ่งที่ทำให้ข้ามีความสุขยิ่งกว่าคือนิสัยของเขา! ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับการศึกษาสูงเท่านั้น แต่เขายังมีมาตรฐานทางศีลธรรมที่สูงอีกด้วย ข้าจะให้รางวัลเขาอย่างมากมายเป็นการตอบแทนแน่นอน!”
วันรุ่งขึ้น หลินเป่ยฟานก็ตื่นแต่เช้าตรู่และได้ยินเสียงวุ่นวายภายนอก เขาจึงถามออกมาว่า “ต้าหลี่ เกิดอะไรขึ้นข้างนอกกัน? ทำไมเสียงดังเหลือเกิน?”
“นายท่าน มีเรื่องสองเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนนี้ ทำให้ทุกคนกำลังพูดคุยเรื่องนี้กันอยู่!” ต้าหลี่พูดด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ
“เรื่องแรกคือ เมื่อคืนก่อนที่ทุกคนนอนหลับอยู่ จู่ๆ ชาวนาที่ยากจนในเมืองหลวงก็ได้รับเงินจำนวนหนึ่งเป็นตำลึงไม่กี่เหรียญ! ทุกคนตื่นเต้นมากและพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้! บางคนบอกว่ามันเป็นฝีมือของเทพเจ้า ในขณะที่บางคนบอกว่ามันเป็นฝีมือของวีรบุรุษ…”
หลินเป่ยฟานพยักหน้า “เข้าใจแล้ว เรื่องที่สองคืออะไรกันล่ะ?”
“เรื่องที่สองเป็นเรื่องของท่าน…”
“เรื่องของข้างั้นเหรอ?”
ต้าหลี่รู้สึกลังเลที่จะพูด “พวกเขาบอกว่าเมื่อท่านไปยึดทรัพย์สมบัติมา ท่านได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ในการขโมยเงินจำนวนมาก ซึ่งทำให้ประชาชนรู้สึกโกรธแค้นอย่างยิ่ง! ตอนนี้ทุกคนกำลังสาปแช่งท่านอยู่ข้างนอก!”
“เป็นเช่นนั้นเอง” หลินเป่ยฟานพยักหน้าอย่างใจเย็นและตระหนักว่าข่าวได้รั่วไหลไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าไอ้สารเลวตัวไหนทำข่าวรั่วไหลออกไป แต่ถ้าให้โอกาสอีกครั้ง เขาก็จะยังคงทำมันอยู่ดี!
ในเมื่อเขาถูกลิขิตให้ตาย ทำไมไม่ลองไขว่คว้าเงินและต่อสู้เพื่อความหวังที่ริบหรี่ดูล่ะ?
อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจได้ถูกต้อง! ไม่เพียงแต่เขาจะได้รับโอกาสในการอยู่รอด แต่เขายังทำให้ชีวิตของใครหลายคนดีขึ้นด้วย
ส่วนเจ้าพวกคนนั้น อยากสาปแช่งมากเพียงใดก็เชิญเลย!
เขาไม่เสียใจเลยสักนิดเดียว!
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเป่ยฟานก็สั่งว่า “ต้าหลี่ อย่าใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกมากนักเลย! เช้านี้ข้าจะต้องไปที่ราชสำนัก เจ้าแอบออกจากเมืองและรอข้าในสถานที่นัดพบเก่าของเรา ถ้าข้าไม่มีปัญหาอะไร ภายในสามวันเจ้าค่อยกลับมาได้!”
“นายท่าน ท่านจะ…” ต้าหลี่เริ่มรู้สึกกังวลมากกว่าเดิม
“วางใจได้ต้าหลี่ ข้ามีเทพธิดาแห่งโชคชะตาอยู่เคียงข้าง ข้าจะไม่เป็นอะไร! แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเป็นข้าราชการได้อีก แต่ข้าก็จะยังปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดีเช่นเดิม! ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวไปก่อน!”
แม้ใจของหลินเป่ยฟานพร้อมจะหลบหนีไปทุกเมื่อ แต่เช้าวันนี้เขาก็ยังตรงไปราชสำนักก่อน