บทที่ 2: หากเจ้าต้องการโลภ จงโลภเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและมอบเพียงแค่เศษเหล็กให้กับจักรพรรดินีเสีย!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 2: หากเจ้าต้องการโลภ จงโลภเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและมอบเพียงแค่เศษเหล็กให้กับจักรพรรดินีเสีย!
ข้าราชการระดับต้นเงยหน้าขึ้นและมองไปทางหลินเป่ยฟานด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีคนกล้าพูดอาจหาญเช่นนี้! “หากเจ้าต้องการโลภ จงโลภเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่! มอบเพียงแค่เศษเหล็กให้กับจักรพรรดินีก็พอ! ที่เหลือเราเอาไปแบ่งกัน!” นี่เป็นคำพูดที่กล้าหาญมาก!
เขาเป็นข้าราชการมานานกว่ายี่สิบปี ได้พบกับคนรุ่นหลังที่มีความสามารถและข้าราชการที่ทุจริตมากมาย แต่เขาไม่เคยพบกับคนที่กล้าหาญและบ้าบิ่นเช่นนี้มาก่อน! เก็บเนื้อไว้กินเอง ให้จักรพรรดินีแค่น้ำซุป เจ้าหมอนี้มันไม่มีความกลัวเกรงเลยหรือ!
ถ้าถูกจับได้มีหวังหัวได้กลิ้งเล่นแน่นอน! “ท่านจ้าว เป็นอะไรไปล่ะ?!” หลินเป่ยฟานถามพร้อมกับยิ้มออกมา “ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะถือว่าเจ้าเองก็เห็นด้วยกับข้านะ!” ข้าราชการระดับต้นตัวสั่นด้วยความกลัวและรีบตอบไปว่า “ไม่ๆ ข้าไม่เห็นด้วยเด็ดขาด!” “ถ้าอย่างนั้นก็พูดออกมาสิว่าทำไมกัน!” หลินเป่ยฟานกล่าว
“ท่านหลิน สองล้านตำลึงมันมากเกินไปหรือเปล่า? ถ้าเราถูกจับได้ หัวเราจักต้องขาดเป็นแน่ เพียงแค่ 500,000 ตำลึงดีไหม? ถึงแม้จะยังเสี่ยง แต่ก็ไม่เป็นอันตรายเท่าที่ท่านเสนอมาหรอก” ข้าราชการระดับต้นแนะนำอย่างระมัดระวัง หลินเป่ยฟานรู้สึกไม่พอใจมาก
“500,000 ตำลึงจะไปพอได้ยังไงกัน? หลังจากแบ่งกับทุกคนแล้ว ข้าคงจะได้แค่ 300,000 ตำลึง ทุกวันนี้อสังหาริมทรัพย์ในเมืองหลวงมีราคาแพงขึ้นอย่างมาก ต้องใช้เงินหลายหมื่นตำลึงเพื่อจะซื้อบ้านดีๆ เท่านั้นยังไม่พอหรอก!”
ข้าราชการระดับต้นเหงื่อออกเต็มตัวและหวาดกลัวมาก "นั่นมันโลภเกินไปแล้ว ไม่มีทางที่จะรอดหรอก” เขากล่าว
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ข้าจะถามคำถามเจ้า เจ้ายังต้องการจะทำหรือไม่?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
"ไม่ ข้าจะไม่ทำแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะขอรับ ” ข้าราชการชั้นต้นรีบกล่าวตอบกลับมา เขาไม่กล้ารับเงินแม้แต่ตำลังเดียว เพราะกลัวว่าเขาจะพัวพันและถูกฆ่าไปพร้อมกับหลินเป่ยฟาน
“เหอะ เจ้ามันขี้ขลาด! ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข้าจะเอามันไปเอง!” หลินเป่ยฟานหยิบสมุดบัญชี ฉีกออกสองสามหน้าพร้อมกับเปลี่ยนตัวเลขเป็นสองแสนตำลึงและส่งคืน
"แค่นี้! เป็นอันเรียบร้อย!” หลินเป่ยฟานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและจ้องมองไปที่ข้าราชการชั้นต้น
“โอ้ ข้าลืมไปเลย อย่าปริปากล่ะ ไม่งั้นข้าจะพูดถึงเจ้า จากนั้นเราทั้งคู่คงถึงคราววาระแน่!” ข้าราชการระดับต้นพยักหน้าด้วยความกลัวและอับอาย
หลินเป่ยฟานกลับมาและปิดกล่องทั้งสองที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับ
จากนั้นเขาจึงตะโกนออกมา “ต้าหลี่!”
ชายร่างสูงที่ดูทรงอำนาจและสวมเสื้อผ้าหยาบๆ ได้เดินเข้ามา ต้าหลี่เป็นคนรับใช้ที่หลินเป่ยฟานได้มาเมื่อเขามาถึงโลกนี้เป็นครั้งแรก พ่อของต้าหลี่เพิ่งเสียชีวิต และเขาก็ได้ขายตัวเองเพื่อที่จะได้ฝังศพพ่อของเขา
หลินเป่ยฟานรู้สึกเสียใจแทนเขา และด้วยความที่หลินเป่ยฟานเป็นคนเก็บหอมรอมริบเป็นอย่างดี เขาจึงใช้เงินทั้งหมดซื้อต้าหลี่มา จากนั้นต้าหลี่ก็อยู่เคียงข้างหลินเป่ยฟานอย่างซื่อสัตย์ ทั้งทำงานอย่างหนัก ทำงานแรงงานทุกประเภทให้กับเขา ด้วยการปกป้องของต้าหลี่ หลินเป่ยฟานจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การศึกษาของเขาและในที่สุดก็ผ่านการสอบของจักรพรรดินี
หลินเป่ยฟานสั่งให้ต้าหลี่แบกกล่องทั้งสองกลับเรือน ต้าหลี่ก็ทำตามคำสั่งอย่างไร้ความรู้สึก เย็นวันนั้น หลังจากจัดการกับเรื่องการยึดทรัพย์ไปแล้ว หลินเป่ยฟานก็กลับมายังเรือนของตน เขารีบล็อคตัวเองและกล่องขนาดใหญ่สองกล่องในห้อง จากนั้นจึงพูดกับตัวเองอย่างกระตือรือร้นว่า “ระบบ ชำระบัญชีของข้าทันที!”
"ติ้ง! ผู้ใช้ยักยอกเครื่องประดับทองคำและเงินไป 2 ล้านตำลึงเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นรางวัล ผู้ใช้จะได้รับการผสานร่างรวมเข้ากับเจ้าชายแห่งเจิ้นหนาน (ในช่วงยุคหลัง)!]
พลังที่น่าสะพรึงกลัวหลอมรวมเข้ากับร่างกายของหลินเป่ยฟาน เขารู้ว่ามันเป็นความแข็งแกร่งขององค์ชายผู้หนึ่ง องค์ชายผู้นี้ได้ฝึกฝนวิชา “เทวสิทธิ์แห่งทะเลเหนือ” และดูดซับกำลังภายในของผู้คนหลายสิบคน ทำให้กำลังภายในของเขามีพลังมาก ในเวลาเพียงครู่เดียว หลินเป่ยฟานก็รู้สึกเต็มไปด้วยพลัง
แต่มันไม่ได้จบแค่นั้น ความทรงจำจำนวนมากถูกหลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาเช่นกัน ศิลปะการต่อสู้ขององค์ชาย ประสบการณ์การฝึกฝนและทุกสิ่งได้พลุ่งพล่านอยู่ในจิตใจของเขา หลินเป่ยฟานได้แต่นั่งบนเตียงและดูดซับความแข็งแกร่ง กับความทรงจำที่กำลังไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะนั้นเอง ลึกเข้าไปในพระราชวัง มีองค์รักษ์เสือแพรกำลังรายงานต่อจักรพรรดินีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าหลินเป่ยฟานอยู่ที่นี่ เขาจะต้องประหลาดใจมาก เพราะมันเป็นรายงานเกี่ยวกับการยักยอกเงินของเขา รายงานมีทุกรายละเอียด บอกว่าเขายักยอกเงินอย่างไรและเขาเอาไปเท่าไร หลังจากฟังรายงานแล้ว จักรพรรดินีก็โกรธมากจนตบโต๊ะดังลั่น: “หลินเป่ยฟาน! มันเพิ่งกลายเป็นข้าราชการชั้นนำ ที่รองก้นยังไม่ทันอุ่นกลับริอาจกล้ายักยอกเงินไป 2 ล้านตำลึง มันทรยศต่อความไว้วางใจของข้าที่มีให้!”
องค์รักษ์เสือแพรที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสั่นเทาด้วยความกลัวและไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จักรพรรดินีเดินไปมาด้วยความโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ภายในใจก็รู้สึกเศร้ามากเช่นกัน หลินเป่ยฟานเป็นคนที่นางคาดหวังไว้สูง เขามีภูมิหลังที่ดีและไม่ได้มาจากตระกูลชนชั้นสูง ทั้งยังมีความสามารถมากเช่นกัน นางเลื่อนตำแหน่งให้เขาเป็นข้าราชการชั้นสูง แม้จะมีหลายฝ่ายค้านก็ตาม ทว่าหลังจากได้ทำงานเพียงครั้งเดียว เขากลับไม่สามารถต้านทานการล่อลวงได้ เขายักยอกเงินไป 2.2 ล้านตำลึงและให้เงินนางแค่ 200,000 ตำลึงที่เหลือเท่านั้น นี่มันเหมือขอทานที่เห็นอาหารไม่มีผิด นางไม่เคยเห็นคนโลภแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
นางไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปได้โดยไม่ลงโทษ นางเรียกองค์รักษ์เสือแพรที่หวาดกลัวและโบกมือสะบัดออกไป: "เจ้าไปได้แล้ว!“องค์รักษ์เสือแพรรีบออกไปอย่างเร่งรีบ จักรพรรดินีได้แต่ถอนหายใจและนั่งบนบัลลังก์ด้วยความเคร่งเครียด นัยน์ตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความโกรธ หลังจากนั้นไม่นาน นางเอ่ยปากออกมาเสียงเบา”พี่สาวฉิงเสวียน !”
ในแสงสลัว ทันใดนั้นร่างเพรียวบางก็ได้ปรากฏขึ้น “องค์จักรพรรดินีต้องการอะไรเพคะ?”
จักรพรรดินีกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “พี่สาวฉิงเสวียน เจ้าก็ได้ยินแล้วใช่ไหม! ข้าราชการระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟานได้ยักยอกเงิน 2 ล้านตำลึงก่อนจะได้รับตำแหน่งเสียอีก เขาไม่ผ่านการทดสอบของข้า! หากเขาได้รับตำแหน่งไปจริงๆ มีหวังความโลภของเขาคงจะทำร้ายประเทศและประชาชนเป็นแน่!”
“ฝ่าบาท ท่านวางแผนที่จะทำเช่นไรหรือ?” ร่างผิวขาวนวลตรงหน้านางเอ่าถามอย่างใจเย็น
“เจ้าช่วยข้าตรวจสอบที ถ้าเป็นเรื่องจริง จงยึดเงินทั้งหมดที่เขายักยอกไปมาให้ข้า! ส่วนทางด้านของเขา...”
“ท่านจะให้ฆ่าเขาเหมือนคนก่อนๆ หรือไม่?”
จักรพรรดินีพลันนึกถึงใบหน้าที่อ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาของหลินเป่ยฟานก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ “ไม่ พรสวรรค์นั้นหายาก เขายังเด็ก อาจขาดสติไปชั่วขณะและเลือกเดินผิดทาง! ดังนั้นข้าจะให้บทเรียนเขาก่อน! หากเขายังปฏิเสธที่จะกลับใจ ในอนาคตมันก็ยังไม่สายเกินไปที่จะฆ่าเขา!”
“เพคะฝ่าบาท!” ร่างสีขาวได้ค่อยๆ เลือนหายไป
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างสีขาวก็มาที่ลานบ้านของหลินเป่ยฟานด้วยความเงียบงัน
ผ่านแสงสลัว นางเห็นหลินเป่ยฟานอยู่ภายในบ้าน
"หืม? หลินเป่ยฟานผู้นี้รู้จักวิชาศิลปะการต่อสู้ด้วยเหรอ?”
ณ จุดนี้ หลินเป่ยฟานได้ดูดซับความแข็งแกร่งขององค์ชายเสร็จสมบูรณ์แล้ว เขารู้สึกพึงพอใจมาก
“ยามนี้ข้าคงมีระดับเป็นนักรบระดับ 7 ขั้นสูงแล้ว ในที่สุดข้าก็มีความสามารถในการป้องกันตนเอง!”
โลกนี้เป็นโลกแห่งการต่อสู้ ซึ่งหนึ่งในสิบคนที่พบเจอล้วนฝึกฝนศิลปะการต่อสู้กันทั้งนั้น
ระดับศิลปะการต่อสู้แบ่งออกเป็นเก้าอันดับ โดยอันดับแรกคืออันดับที่แข็งแกร่งที่สุดและอันดับที่เก้าคืออันดับที่อ่อนแอที่สุด!
ในหมู่พวกเขา อันดับที่ 1 ถึง 3 จะถูกเรียกว่าปรมาจารย์
พวกเขามีพลังมหาศาล สามารถต่อสู้กับทหารและม้าหลายพันนายได้ด้วยมือเดียว และเป็นระดับของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่หายากที่สุด ทั้งได้รับการยอมรับมากที่สุดว่าอยู่บนยอดพีระมิด!
แม้แต่ข้าราชการระดับสูงของราชสำนักก็ปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพ
ถ้าใครกลายเป็นปรมาจารย์ชั้นหนึ่ง แม้แต่จักรพรรดินีก็ต้องถึงขั้นปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง!
ส่วนอันดับที่ 4 ถึง 6 เป็นผู้แข็งแกร่งโดยกำเนิด
เส้นพลังของพวกเขาไม่มีสิ่งใดกีดขวาง และพวกเขาก็สามารถดูดซับลมปราณของสวรรค์และผืนดิน เพื่อเสริมปราณที่แท้จริงของพวกเขาได้ตลอดเวลา ปราณที่แท้จริงอันทรงพลังของพวกเขาสามารถถูกปลดปล่อยออกมาภายนอก ทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับผู้คนนับร้อยเพียงลำพังด้วยพลังทำลายล้างอันแสนน่าทึ่ง!
คนระดับนี้เองก็ถือว่าหาได้ยากมาก โดยทั่วไปแล้วมักจะเป็นหัวหน้าและผู้อาวุโสของสำนักต่างๆ
หากพวกเขารับใช้ราชสำนัก อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถเลื่อนตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับหกได้เลย
ซึ่งหลินเป่ยฟานที่เอาชนะข้าราชการใหม่หลายพันคนก็เริ่มต้นในฐานะข้าราชการระดับหก
ส่วนอันดับที่ 7 ถึง 9 คือระดับผู้แข็งแกร่งถือครอง
ปราณที่แท้จริงของพวกเขายังไม่สามารถปลดปล่อยออกมาภายนอกได้ และพวกเขาก็ยังไม่สามารถดูดซับลมปราณของสวรรค์และโลกาได้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงมีจำกัดและพวกเขาก็สามารถต่อสู้ได้แค่หนึ่งต่อสิบเท่านั้น
"1.
องค์ชายเจิ้นหนานแห่งต้าหลี่ เป็นตัวละครสมมติในเรื่องกำลังภายในมากมาย ต้าหลี่ เป็นชื่อของอาณาจักรที่มีอยู่ในปัจจุบันทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนในสมัยราชวงศ์ถัง ในเรื่องราวนวนิยายกำลังภายในหลายเรื่อง องค์ชายเจิ้นหนานถูกมองว่าเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีทักษะการต่อสู้ ที่ซึ่งใฝ่หาความชอบธรรม
ในบางเรื่อง องค์ชายเจิ้นหนานก็ถูกวาดเขียนออกมาในฐานะผู้ปกครองอาณาจักรต้าหลี่ ที่ถูกบังคับให้หลบซ่อนหลังจากอาณาจักรของเขาถูกรุกรานโดยศัตรูที่ทรงพลังยิ่งกว่า จากนั้นเขาก็กลายเป็นวีรบุรุษพเนจรที่ใช้วิชาศิลปะการต่อสู้ของเขาเพื่อปกป้องผู้อ่อนแอและบริสุทธิ์ ในเรื่องอื่นๆ เขามักจะถูกวาดเขียนให้เป็นสมาชิกของสำนักศิลปะการต่อสู้ลับ ที่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตและผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ที่ชั่วร้าย
สรุปแล้ว องค์ชายเจิ้นหนานเป็นตัวละครยอดนิยมในเรื่องนวนิยายประเภทจอมยุทธ์ เนื่องจากความกล้าหาญ วิชาด้านศิลปะการต่อสู้และความยุติธรรมของเขา
2
องค์รักษ์เสื้อแพร Jin Yi Wei (锦衣卫) หมายถึงกองกำลังตำรวจลับที่มีอยู่ในประเทศจีน ในช่วงราชวงศ์หมิง (1368 -1644)
องค์รักษ์เสื้อแพรเป็นที่รู้จักในเรื่องความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิและความเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของจักรพรรดิ แม้ว่าสิ่งที่สั่งจะเป็นสิ่งที่โหดร้ายมากก็ตาม พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องจักรพรรดิ ตรวจสอบการทุจริตและกำจัดศัตรูทางการเมืองของราชวงศ์
องค์รักษ์เสื้อแพรได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในด้านวิชาศิลปะการต่อสู้ การลอบเร้นและเทคนิคการลอบสังหาร พวกเขามักถูกสั่งปฏิบัติภารกิจลับเสมอ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงภายในจักรวรรดิ
ด้วยความโดดเด่นนี้ องค์รักษ์เสื้อแพรจึงมักปรากฏในนวนิยาย ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ในฐานะนักสู้ที่มีทักษะและผู้พิทักษ์บัลลังก์ที่แสนน่าสะพรึงกลัว ทว่าพวกเขาก็มักจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องบทบาทของพวกเขาในเรื่องการปราบปรามทุจริตและวิธีการที่โหดเหี้ยมของพวกเขาอยู่เสมอ