บทที่ 10 เจ้าสารเลว! มันโลภมากและให้เพียงเศษเสี้ยวแก่จักรพรรดินีอีกแล้ว!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 10 เจ้าสารเลวนี้! มันโลภมากและให้เพียงเศษเสี้ยวแก่จักรพรรดินีอีกแล้ว!
ยามนี้หลินเป่ยฟานเหมือนกับกำลังเต้นรำบนขอบของใบมีด หัวของเขาสามารถหลุดได้ตลอดเวลา
ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส เขาจะแปลงมันเป็นความแข็งแกร่งทันที
เมื่อหลินเป่ยฟานตะโกนออกมาเสร็จสิ้น –
"ติ้ง! ผู้ใช้ยักยอกเครื่องประดับ ทองคำและเงินจำนวน 450,000 ตำลึง ได้รับรางวัลเป็นการผสานร่างกับเล่งฮู้ชง!]
พลังอันทรงพลังหลอมรวมเข้ากับร่างของหลินเป่ยฟานอย่างรวดเร็ว
ทันใดหลังจากนั้น ก็ได้มีความทรงจำที่รวมเข้ามาอยู่ในใจของเขา
หลินเป่ยฟานรู้ว่าเขากำลังซึมซับความอาจหาญของท่านอาจารย์เล่งฮู้ชง ดังนั้นเขาจึงนั่งขัดสมาธิและซึมซับมัน
ในเวลานี้เอง ภายในพระราชวัง
องค์รักษ์เสือแพรกำลังรายงานต่อจักรพรรดินี
“รายงานต่อฝ่าบาท ภายใต้การนำของข้าราชการระดับสูงคนใหม่ ความคืบหน้าของหลินเป่ยฟานเป็นไปอย่างรวดเร็ว! คฤหาสน์ของข้าราชการ 28 แห่งได้รับการตรวจค้นแล้ว พบว่ามีสมบัติมูลค่ารวม 600,000 ตำลึงที่ถูกปล้นไป! โปรดตรวจสอบด้วยฝ่าบาท!”
จักรพรรดินีกระแทกโต๊ะและลุกขึ้นยืน: “ช่างบังอาจนัก! ในฐานะข้าราชการ พวกเขาควรเป็นแบบอย่างของศีลธรรมอันดีแก่ราชสำนัก ทว่าไม่เพียงแต่พวกเขาไม่ได้จะไม่ทำดี พวกเขายังยักยอกสมบัติ 600,000 ตำลึง เฉลี่ยคนละ 20,000 ตำลึง! ดูสิว่าราชสำนักเสียหายมากน้อยเพียงใด? ข้าเกรงว่าสถานการณ์มันคงจะเลวร้ายกว่าที่คิดเสียแล้ว!”
“ฝ่าบาท ได้โปรดสงบสติอารมณ์!” องค์รักษ์เสือแพรก้มศีรษะลง
"จะให้ข้าใจเย็นได้ยังไง?!“จักรพรรดินีตวาดออกมาด้วยความโกรธ:”กินเงินเดือนราชสำนักไม่พอ ยังขัดขวางข้าอีก ข้าล่ะอยากจะจัดการมันให้สิ้นซาก! ตรวจสอบทุกคนอย่างละเอียดถี่ถ้วน! หากพวกเขาไม่รู้ ปรับเงินเดือนหนึ่งปีและคอยตรวจสอบตลอดเวลา! หากพวกเขามีความผิดอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ให้ถอดตำแหน่งออกแล้วโยนเข้าคุกทันที!”
“ขอรับฝ่าบาท!” องค์รักษ์เสือแพรกล่าวด้วยความเคารพ
หลังจากระบายความโกรธแล้ว จักรพรรดินีก็ยังไม่พอใจ
หากราชสำนักไม่ขาดผู้มีพรสวรรค์ นางคงไม่ต้องลงมือลงแรงมากถึงเพียงนี้
อาจเป็นเพียงเพราะนางเพิ่งมีอำนาจในช่วงเวลาสั้นๆ จึงมีคนที่เชื่อถือได้น้อยเกินไป
ราชสำนักไม่สามารถทำงานได้หากปราศจากคนเหล่านี้ ดังนั้นนางจึงได้แค่ฆ่าส่วนเล็กส่วนน้อย เพื่อระบายอารมณ์เท่านั้น!
เมื่อเห็นท่าทางลังเลขององค์รักษ์เสือแพร จักรพรรดินีก็ขมวดคิ้ว: "มีอะไรจะรายงานอีกไหม!?"
“รายงานฝ่าบาท เรื่องของข้าราชการระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟาน!”
“หลินเป่ยฟานงั้นหรือ?”
เมื่อเอ่ยชื่อหลินเป่ยฟาน ในที่สุดใบหน้าบึ้งตึงของจักรพรรดินีก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในบรรดาข้าราชการทั้งหมดในราชสำนัก นางชื่นชมเขามากที่สุด เขาไม่ได้เป็นเพียงข้าราชการที่มีภูมิหลังอันแสนบริสุทธิ์และความสำเร็จทางวิชาการที่โดดเด่น แต่ยังมีจิตใจที่เมตตาและไม่กลัวที่จะรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเลย
เขาเป็นคนที่มีความสามารถตามที่นางต้องการ นางมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนเขาให้เป็นเสนาบดีที่ทรงพลัง ซึ่งจะช่วยนางในอนาคตได้เป็นแน่ ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวคือเขายังเด็กเกินไป และขาดประสบการณ์ในด้านการเมือง ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถรับผิดชอบงานหนักได้ ไม่อย่างนั้นนางคงทำให้เขามีตำแหน่งที่สูงขึ้นในทันที
“มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขา?” จักรพรรดินีถามขึ้นพร้อมใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ฝ่าบาทคือเรื่องเป็นเช่นนี้!”
องค์รักษ์เสือแพรมองไปที่สีหน้าของจักรพรรดินีและพูดอย่างระมัดระวัง “ในระหว่างการค้นหาทรัพย์สินในเรือน ข้าราชการระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟานได้ยักยอกสมบัติมูลค่า 450,000 ตำลึงและฝากเหรียญตราที่เหลือไว้ในคลังของชาติเพียง 150,000 ตำลึง!”
รอยยิ้มของจักรพรรดินีพลันเริ่มเลือนหายไป
นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่านางต้องการทุบตีใครสักคนให้ตาย
ไอ้สารเลวนี้!
เขายักยอกเงินก้อนโตและให้เพียงเศษอาหารที่เหลือแก่นางงั้นหรือ!
ไม่แปลกใจเลยที่เขากระตือรือร้นที่จะทำให้นางประทับใจมาก กลายเป็นว่าเขาวางแผนเรื่องนี้มาตลอดเลยหรือ!
ไอ้สารเลวบัดซบเอ้ย!
นี่มันคือการก่อความผิดฐานไม่เคารพและไม่จงรักภักดีต่อจักรพรรดินี ไม่เข้าใจหรือไง?
เจ้ามีความจงรักภักดีต่อจักรพรรดินีเหลืออยู่ในใจของเจ้าบ้างหรือไม่?
“เจ้าไปได้แล้ว!” จักรพรรดินีโบกมืออย่างอ่อนแรง
“ขอรับฝ่าบาท!” องค์รักษ์เสื้อแพรรีบถอยกลับไป
หลังจากนั้นไม่นาน จักรพรรดินีก็กล่าวอย่างใจเย็น “พี่สาวฉิงเสวียน เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม? มาช่วยข้าตรวจสอบที!”
“เพคะฝ่าบาท!” ร่างสีขาวได้ลอยออกไป
ในขณะนี้ หลินเป่ยฟานได้ซึมซับการรู้แจ้งจากปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้เล่งฮู้ชงแล้ว พลังบ่มเพาะของเขาไม่ได้เติบโตขึ้นเลย แต่ความแข็งแกร่งของเขาดีขึ้นอย่างมาก จนเขาสามารถจัดการกับยอดฝีมือโดยกำเนิดทั่วไปได้โดยไม่มีปัญหาเลย
ทว่าความแข็งแกร่งของท่านปรมาจารย์เล่งฮู้ชงหาได้เทียบเท่ากับองค์ชายเจิ้นหนาน เขาขาดทั้งความแข็งแกร่ง ทักษะและวิชายุทธ์อันเลิศล้ำก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าองค์ชายเลย
ถึงจะเป็นเช่นนั้น เล่งฮู้ชงที่เป็นผู้นำเจ้าสำนักก็มีจุดแข็งหลายประการ ตัวอย่างเช่นเขาได้รับการศึกษาศิลปะการต่อสู้อย่างเป็นระบบตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์ชายเจิ้นหนานไม่สามารถเทียบได้
เขารู้ทักษะศิลปะการต่อสู้มากมาย เช่นวิชาหมัดและวิชาเท้า เพลงดาบฮวาซาน, เพลงดาบอู๋เยว่, วิชาแม่เหล็กและแม้แต่คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ซึ่งทำให้เทคนิคการโจมตีของเขารุนแรงจนชดเชยข้อบกพร่องก่อนหน้านี้ของเขาไปจนหมดสิ้น
ที่สำคัญคือ...
เก้ากระบี่เดียวดาย!!!
ชุดวิชาดาบชั้นยอดนี้สืบทอดมาจากปีศาจดาบและเป็นที่ใฝ่ฝันถึงของผู้คนนับไม่ถ้วน!
ไม่มีใครสามารถเอาชนะวิชานี้ได้ ทำให้มันเป็นวิชาที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง!
“ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นนักดาบระดับปรมาจารย์ได้แล้ว!” หลินเป่ยฟานมีความสุขมาก
ในฐานะบุรุษคนหนึ่ง ใครบ้างเล่าที่ไม่มีความฝันอยากจะชำนาญดาบ?
เมื่อมาถึงโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงนี้ คงน่าเสียดายที่จะไม่ออกไปสำรวจ!
ทว่าเขาจะทำตามแผนที่ตนวางไว้ก็ต่อเมื่อ เขาไม่ได้เป็นข้าราชการอีกต่อไปแล้ว
เขาจักท่องโลกด้วยดาบ ต่อสู้กับพวกโจรในพงไพรอันเขียวขจี!
ลิ้มรสความความสงบนิ่งในสายธาร!
วาดดาบของเขาเพื่อช่วยผู้ถูกกดขี่และฆ่าเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตเช่นเดียวกับตัวเขาเอง!
แค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกดีแล้ว!
“ยามนี้เรามามุ่งเน้นไปที่ระบบดีกว่า ข้าจักต้องโกงกินให้มากกว่านี้!” หลินเป่ยฟานบดขยี้หีบสมบัติทั้งสองกล่อง เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าเป็นสีดำอีกครั้งและออกไปกระจายทรัพย์สมบัติของเขา
เขาไม่รู้เลยว่าได้มีร่างขาวคอยติดตามเขามาจากเบื้องหลัง
1.
เล่งฮู้ชง เป็นตัวละครสมมติจากนวนิยายกำลังภายในจีนเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" เขาเป็นตัวเอกของเรื่องและเป็นผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่มีทักษะ ผู้ถูกบังคับให้ต้องเผชิญหน้าการทรยศและความขัดแย้งในโลกศิลปะการต่อสู้ เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความเป็นนักดาบและความจงรักภักดี ความแน่วแน่ต่อสหายและครอบครัว