ตอนที่ 64 มุ่งหน้าไปทำภารกิจรอง
นอกจากเหล่าเด็กๆทั้งห้าคนนั้นจะรู้สึกอึ้งมากๆแล้วพวกเขายังรู้สึกเหลือเชื่อมากอีกด้วยที่ผู้ฝึกตนระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์ถูกฆ่าตายได้อย่างง่ายดายมากขนาดนั้น
"ท่านซู่เฉิงเฟิง ซู่เฉิงหลง ช่วยรอข้าอยู่ที่นี่ครู่หนึ่งก่อนเพราะข้าจะไปกวาดล้างพวกกลุ่มโจรเฮ่ยเฟิงไจ่ให้สิ้นซากก่อน
ซู่เฮาเที่ยนพูดออกมาเสียงดังๆ
“อะ..อะไรนะ เขาพูดว่าอะไรนะ? เขาบอกว่าจะไปกวาดล้างพวกเฮ่ยเฟิงไจ่งั้นรึ? เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน เขาคิดว่าเขาจะจัดการกับพวกกลุ่มโตรทั้งหมดนั้นด้วยตัวคนเดียได้จริงๆงั้นรึ?
หญิงที่สวมชุดสีน้ำเงินจ้องมองไปที่ซู่เฮาเที่ยนซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านบนของรถม้าและขมวดคิ้วคิดด้วยความสงสัย
ผู้ชายอีกสี่คนนั้นต่างพากกินคิดว่าซู่เฮาเที่ยนคงกำลังแกล้งทำเป็นแข็งแกร่งมากๆต่อหน้าพวกเขาอยู่
“สิงโตเก้าหัว เจ้าไปกับข้าส่วนคนอื่นๆให้รออยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะกลับมาเข้าใจไหม!?”
“เจ้าจะบ้าไปแล้วงั้นรึ เจ้ากำลังไปรนหาที่ตายเปล่าๆ แค่ฆ่าผู้ใช้พลังจิตวิญญาณสวรรค์คนเดียวได้ไม่ได้หมายความว่าจะจัดการกับพวกมันได้ทั้งหมดซักหน่อย!”
หญิงสวมชุดสีน้ำเงินนั้นคิดว่าซู่เฮาเที่ยนจะต้องแกล้งทำเป็นแข็งแกร่งอยู่แน่ๆ และแน่นอนว่าเธอไม่อยากให้ต้องไปตายอย่างเปล่าประโยชน์ เธอจึงตะโกนห้ามเขาออกมา
แต่เมื่อเธอพูดจบ เธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าชายหน้าสีทองที่ถือค้อนนั้นได้กลายเป็นเมฆสีทองแล้วพาชายหนุ่มผู้กล้าหาญคนนั้นพุ่งไปบนท้องฟ้า ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนที่เขาจะโบกมือแล้วจากไป
รอยยิ้มที่สดใสและเต็มไปด้วยความมั่นใจนั้นทำให้เธอตกในภวังค์อยู่ครู่หนึ่ง "รอยยิ้มของเขาช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน! ชายร่างใหญ่คนนั้นก็ทรงพลังมาก ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะบอกว่าจะไปกวาดล้างพวกให้สิ้นซากแบบนั้นได้"
"อย่าเป็นอะไรไปล่ะ ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปล่ะก็ข้าจะตามไปด่าเจ้าถึงที่เลย"
แม้ว่าเธอจะมีความกังวลแต่ตอนนี้เธอก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่ใบหน้าของเธอจะค่อยๆแดงขึ้น
แต่เพื่อนอีกสี่คนของเธอไม่ได้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของหญิงสาวเลย เพราะตอนนี้เขายังอึ้งกับเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่
เมื่อซู่เฮาเที่ยนจากไป ซู่เฉิงหลงก็จ้องมองตามหลังของเขาไปด้วยความตกตะลึงเช่นเดียวกับคนของตระกูลฉิน รวมถึงซู่ขลุ่ยกับซู่หนิงซื่อและคนในตระกูลซู่ที่มองไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลังจากนั้นเสียงของรถม้าอีกขบวนหนึ่งก็ดังขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆก่อนที่จะหยุดลงตรงหน้าพวกเขา
ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทีที่รีบร้อน
“ท่านพ่อ!”
“โจวซื่อเหม่ย เกิดอะไรขึ้นงั้นรึ!? ทำไมเจ้าถึงได้ตกอยู่ในภาพแบบนี้กัน?”
"พวกเจ้ารออะไรอยู่ล่ะ รีบไปช่วยขึ้นมาเร็วเข้า!" หญิงสาวในชุดสีน้ำเงินตื่นขึ้นจากภวังค์ ในขณะที่หลายๆคนได้เดินลงไปช่วยเหลือเด็กๆทั้งห้าคนอย่างรวดเร็วทันที
……
ที่ไหนสักแห่งในโอเอซิส ลึกเข้าไปในป่าทึบมีศาลาสูงหลายร้อยหลังที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหมู่ไม้ลึก
นี่คือที่ตั้งของกลุ่มโจรเฮ่ยเฟิงไจ่ซึ่งกำลังถูกกวาดล้างจากเมืองจูหยานและเมืองฉูโจว
ในตอนนี้ด้านในห้องใต้หลังคาสูงตรงกลาง มีชายชราร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำมีใบหน้าบึ้งตึงและดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุดันกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่อยู่สูงที่สุดในห้องโถงอย่างภาคภูมิใจ ชายวัยกลางคนที่ไม่แสดงออกในเสื้อคลุมสีเขียวได้พูดขึ้น
"ท่านหมิงหวังชิ่งส่งข้ามาที่นี่เพื่อมาทำลายสิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเที่ยนซวนแห่งนี้"
“ท่านหมิงหวังชิ่งงั้นรึ? ดูเหมือนว่าแผนการของพวกเราจะยังดำเนินไปเหมือนเดิมสินะ!”
ใบหน้าของชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีเขียวนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก
"ท่านหมิงหวังชิ่งนั้นเป็นหนึ่งในสิบสองราชาแห่งธรรมแห่งนิกายเทพเจ้า ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่เหนือกว่าใครจะจินตนาการได้ การที่ท่านดำเนินคำสั่งด้วยตัวท่านเองแบบนี้ หมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอาณาจักรเที่ยนซวนคราวนี้จะต้องสะเทือนถึงสวรรค์เป็นแน่”
“เรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นได้ยังไงกัน? เฮ่ยเฟิงไจ่นั้นตั้งอยู่ที่นี่มานานกว่าสิบปีเพื่อปกป้องเรื่องนั้นเอาไว้ และในอนาคตท่านหมิงหวังชิ่งจะต้องกลายเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นถึงหนึ่งในสิบสองราชาแห่งธรรม และเมื่อถึงตอนนั้นผลงานของเจ้าในฐานะผู้พิทักษ์จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”
ยุ่นตงเหอชายในชุดคลุมสีดำจ้องมองไปที่ชายที่ยืนอยู่ด้านล่างเขาและพูดเสียงดัง
"การรับใช้ท่านหมิงหวังชิ่งนั้นเป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้วขอรับ"
หนิงซางเฉียวรองผู้นำของกลุ่มโจรเฮ่ยเฟิงไจ่โค้งคำนับด้วยความนอบน้อม
หนิงซางเฉียวนั้นรู้สึกตื่นเต้นมาก ถ้าเป็นคนอื่นที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้พวกเขาคงจะขาอ่อนหมดเรี้ยวแรงไปแล้ว
“ฮ่าห์!!!”
เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่และกำลังจะพูดต่อ แต่ในตอนนี้เสียงคำรามที่ดังจนสั่นสะเทือนภูเขาได้นั้นก็ดังขึ้น ซึ่งทำให้ห้องใต้หลังคาสั่นสะเทือนซึ่งทำให้ทั้งสองคนนั้นตกใจอย่างมาก