ตอนที่ 495 ประตูวาร์ป
ตอนที่ 495 ประตูวาร์ป
“เทพธิดาผู้พิทักษ์ถูกขังอยู่งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“พวกเยี่ยวพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอจัดตั้งกองกำลังสร้างเขตแดนของหุ่นยนต์ขึ้นมาใหม่ แต่เทพธิดายังคงลังเลใจ พวกมันจึงกักขังเธอเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง” ฮามิกล่าว
“เทพธิดาผู้พิทักษ์มีอำนาจสูงสุดไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอจะถูกกักขังได้ยังไง? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เมื่อเธอออกคำสั่งหุ่นยนต์ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของเธอได้ไม่เชื่อเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“เรื่องนั้นมันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอไม่ต่อต้านการถูกกักขังต่างหาก” ฮามิกล่าว
ปริศนาเกี่ยวกับหุ่นยนต์ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่การเห็นกระป๋องนอนอยู่เฉย ๆ ก็เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้กล่าวกับฮามิด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
“เอาล่ะฉันจะยอมไปพบเทพธิดาพร้อมกับนาย”
เมื่อเซี่ยเฟยตัดสินใจได้แล้วฮามิก็พาชายหนุ่มลงลิฟต์ไปยังพื้นที่ที่อยู่ทางด้านใต้ของหอคอย
“พื้นที่ข้างล่างของหอคอยทั้งสองแห่งมีทางเดินเชื่อมต่อกัน และมันก็มีประตูวาร์ปที่จะนำเราไปสู่ดินแดนแห่งความลับที่อยู่บนพื้นที่ชั้นที่ 13 ของหอคอยต่อสู้”
“ประตูวาร์ป? มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ประตูวาร์ปเป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้เราเดินทางผ่านมิติไปยังพื้นที่อีกแห่งหนึ่งได้ คล้ายกับการที่ยานอวกาศเคลื่อนที่ผ่านรูหนอน”
“แล้วดินแดนแห่งความลับคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“ดินแดนแห่งความลับคือเขตดาวลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ การจะเข้าไปยังพื้นที่ดาวบริเวณนี้ได้จำเป็นจะต้องมีการวาร์ปผ่านอุปกรณ์ระบุจุดหมายที่แน่นอนเท่านั้น ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของจักรวาล แต่มันก็เป็นพื้นที่ที่มีความเป็นอิสระแยกออกจากจักรวาลด้วยเหมือนกัน”
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับรูหนอน และพื้นที่ลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ท่ามกลางจักรวาลอันกว้างใหญ่
“ตามฉันมาได้เลย แต่พยายามอย่าให้พวกเหยี่ยวเห็นคุณเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากได้” ฮามิกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและเดินตามฮามิไปอย่างช้า ๆ ในความเป็นจริงแม้แต่เจ้าถิ่นอย่างประชาชนชาวเทียนโลหิตก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใต้หอคอยทั้งสองแห่งมีทางเดินใต้ดินเชื่อมต่อกัน และมันยังถูกซ่อนเอาไว้ในกำแพงของหอคอย
“การใช้ลิฟต์ในหอคอยต่อสู้ค่อนข้างอันตรายเกินไป พวกเราเดินขึ้นไปทางบันไดกันเถอะ” ฮามิกล่าว
จากนั้นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก็ผลักประตูด้านข้างเผยให้เห็นบันไดแคบ ๆ ซึ่งฮามิจำเป็นจะต้องก้มตัวงอร่างกายลงมาเขาถึงจะสามารถเดินทางผ่านบันไดแคบ ๆ นี้ไปได้
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ปีนบันไดขึ้นไปตามเส้นทาง และเมื่อพวกเขาได้ขึ้นมาจนถึงพื้นที่ชั้นที่ 2 ของหอคอยต่อสู้ เขาก็ได้พบกับหน้าต่างโปร่งแสงที่ได้มีร่างของเด็กนอนอยู่บนเตียงอีกฟากของกำแพง
ชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับร่างเข้าไปซ่อนตัวและได้พบกับหุ่นยนต์หลายตัวในชุดผ่าตัดกำลังส่งเครื่องมืออะไรบางอย่างเข้าไปทางโพรงจมูกของเด็กที่นอนอยู่บนเตียง
“หอคอยทั้งสองแห่งต่างก็ล้วนแล้วแต่มีโครงสร้างที่เหมือนกัน เด็กที่ถูกส่งตัวมาจากชั้นที่ 1 จะถูกส่งขึ้นมาคัดเลือกยังพื้นที่ชั้นที่ 2 ถ้าหากพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพวกเขาก็จะถูกส่งตัวกลับไปในทันที พร้อมกับอวัยวะบางส่วนที่ถูกตัดขาดหายไป”
“ส่วนคนที่ผ่านเกณฑ์จะถูกส่งไปยังพื้นที่ชั้นที่ 3 เพื่อจับคู่กับความสามารถที่เหมาะสม จากนั้นเด็กจะถูกส่งตัวไปยังพื้นที่ชั้นที่ 4 ซึ่งมีหุ่นยนต์วิศวกรรมช่วยเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ให้กับเขา แล้วค่อยส่งตัวเด็กคนนั้นกลับไปยังพื้นที่ชั้นที่ 1 อีกครั้ง” ฮามิกล่าวอธิบายขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันไม่เข้าใจ หุ่นยนต์วิศวะช่วยมนุษย์เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขึ้นมาได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถาม
“คุณรู้จักหุ่นยนต์นาโนไหม?”
“รู้จัก พวกมันคือหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดยมนุษย์โบราณ ว่ากันว่าหุ่นยนต์พวกนี้มีขนาดพอ ๆ กับแบคทีเรียเท่านั้น แต่พวกมันเป็นเพียงหุ่นยนต์กึ่งอัจฉริยะที่ไม่ได้มีความคิดเป็นอิสระเหมือนกับพวกนาย”
“ถูกต้อง สิ่งที่พวกเราทำคือการส่งหุ่นยนต์นาโนเข้าไปในสมองของมนุษย์ และพวกมันก็จะทำหน้าที่เป็นเหมือนคนงานที่คอยงัดแงะเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของมนุษย์ออกมา แน่นอนว่าการทำแบบนี้ย่อมสร้างความเสียหายบางส่วนให้กับสมองของมนุษย์ และมันก็ส่งผลกระทบให้มนุษย์ที่ถูกบังคับให้เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ไม่สามารถพัฒนาพลังไปจนถึงระดับสูงได้” ฮามิกล่าว
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมระดับของนักรบในอาณาจักรเทียนโลหิตถึงไม่สามารถก้าวข้ามผ่านระดับสตาร์ริเวอร์ขึ้นไปได้ เพราะแท้ที่จริงมันได้มีหุ่นยนต์นาโนคอยทำงานอยู่ในสมองของพวกเขานี่เอง”
“ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาออกห่างจากอาณาจักรเทียนโลหิตมากเกินไป หุ่นยนต์นาโนพวกนี้ก็จะหยุดทำงานเนื่องจากไม่สามารถรับคำสั่งจากเทพธิดาผู้พิทักษ์ได้ คอนสแตนตินจึงบอกว่าผู้คนในอาณาจักรของพวกเขาถูกสาป และเหตุผลที่ผู้คนในอาณาจักรนี้มีอายุขัยน้อย มันก็อาจจะเป็นเพราะหุ่นยนต์นาโนพวกนี้ที่อยู่ในสมองของพวกเขาด้วยก็ได้”
“แล้วทำไมพวกนายถึงจะต้องเอาอวัยวะของเด็กพวกนั้นไปด้วย?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“เรื่องนี้ก็เป็นความคิดของพวกเหยี่ยวเหมือนกัน พวกนั้นคิดจะเก็บอวัยวะของมนุษย์เอาไว้สร้างหุ่นยนต์ชีวภาพในอนาคต” ฮามิกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“นายกำลังหมายถึงหุ่นยนต์ที่ดูเหมือนมนุษย์ทุกอย่างน่ะนะ?”
“พวกเราก็ไม่อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่พวกเหยี่ยวคือผู้ปกครองหุ่นยนต์ในปัจจุบันและเทพธิดาก็ไม่ออกมาขัดขวางพวกเหยี่ยวในเรื่องนี้ มันจึงไม่มีใครหยุดการตัดสินใจของพวกเหยี่ยวได้”
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด เพราะถ้าหากพวกหุ่นยนต์นำอวัยวะของเด็ก ๆ ไปหลอมรวมกับเครื่องจักรได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นหุ่นยนต์ชีวภาพที่ดูเหมือนมนุษย์ทุกประการ สิ่งที่เขาไม่รู้นั่นก็คือพวกเหยี่ยวคิดแผนการนี้ขึ้นมาทำไม แล้วหุ่นยนต์พวกนั้นมีจุดประสงค์แอบแฝงเอาไว้ภายใต้การพยายามดัดแปลงร่างกายของตัวเองให้กลายเป็นมนุษย์หรือเปล่า
เพียงแค่คิดว่าจำนวนอวัยวะที่ถูกสะสมมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน มันก็มากพอที่จะทำให้พวกหุ่นยนต์สามารถสร้างหุ่นยนต์ชีวภาพได้จำนวนหลาย 100 ล้านตัวแล้ว และถ้าหากว่าหุ่นยนต์ชีวภาพพวกนั้นกลมกลืนเข้าไปในสังคมของมนุษย์ มันก็อาจจะก่อให้เกิดหายนะตามมาในไม่ช้า
“พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” ฮามิกล่าวพร้อมกับดึงแขนเซี่ยเฟยให้เดินตามมาเบา ๆ ซึ่งหลังจากที่พวกเขาขึ้นบันไดไปจนถึงพื้นที่ชั้นที่ 13 เซี่ยเฟยก็ได้พบกับประตูโลหะทรงกลมที่อยู่ด้านหลังบานประตู
“นี่คือประตูวาร์ป คุณช่วยรอฉันสักครู่” ฮามิกล่าวก่อนที่เขาจะกรอกข้อมูลชุดหนึ่งลงบนแผงควบคุม ซึ่งมันน่าจะเป็นการระบุตำแหน่งเพื่อที่จะให้ประตูบานนี้นำทางพวกเขาไปยังจุดหมาย
“ดินแดนแห่งความลับเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก จุดหมายปลายทางที่ฉันจะพาคุณไปคือเมืองไอร่อนซึ่งเป็นสถานที่ที่เทพธิดาผู้พิทักษ์ส่งตำแหน่งมาให้ คุณภาพอากาศที่นั่นจัดว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี มนุษย์จึงสามารถหายใจเข้าออกได้เป็นปกติ แต่แรงโน้มถ่วงที่นั่นค่อนข้างรุนแรงมาก คุณควรเตรียมตัวให้พร้อมที่จะรับมือกับแรงโน้มถ่วงของที่นั่นด้วย”
เมื่อฮามิกรอกข้อมูลบนประตูจนเสร็จ เขาก็เริ่มดึงเซี่ยเฟยมายืนอยู่พื้นที่ด้านในประตูซึ่งเป็นโลหะรูปทรงกลม
แว้บ!
เซี่ยเฟยรู้สึกเหมือนกับร่างกำลังตกลงไปในหุบเขาลึก ซึ่งมันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเคว้งคว้างอยู่เล็กน้อย ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกคล้าย ๆ กับตอนที่เขาใช้ยานรบเคลื่อนที่ผ่านรูหนอน เพียงแต่ในคราวนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนเขาเคลื่อนที่ผ่านรูหนอนโดยใช้เพียงแค่ร่างกายของตัวเองเท่านั้น
นอกจากนี้รูหนอนของยานรบให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเดินทางไปยังพื้นที่ด้านหน้า แต่ประตูบานนี้ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขากำลังร่วงหล่นลงไปยังด้านล่าง
ในทันใดนั้นเองฮามิก็เริ่มแสดงท่าทางต่าง ๆ ออกมาอย่างกระวนกระวาย แต่เนื่องจากว่าในรูหนอนไม่สามารถที่จะส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้ เซี่ยเฟยจึงทำได้เพียงแต่เดาว่าจุดหมายปลายทางน่าจะมีอะไรบางอย่างเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ
การเดินทางผ่านรูหนอนใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 5 นาที ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งบนแท่นโลหะที่อยู่ในพื้นที่แห่งใหม่
ภาพโดยรอบทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงมาก เพราะมันเป็นเมืองขนาดมหึมาที่ถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะขนาดใหญ่ บนท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงดาวแพรวพราวอย่างมากมาย และมันก็มีเครื่องจักรและอาคารขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกประหลาดใจกระจายกันอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง
“นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ฉันว่าพวกหุ่นยนต์ไม่ได้สร้างเพียงแค่เมืองขึ้นมานะ แต่พวกมันน่าจะสร้างดาวเคราะห์ขึ้นมาเป็นของตัวเองด้วย!!” อันธอุทานด้วยความตกตะลึง
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่าทำไมมนุษย์โบราณถึงเรียกพวกหุ่นยนต์ว่าผู้เชี่ยวชาญการใช้โลหะที่แท้จริง ท้ายที่สุดหุ่นยนต์ก็ไม่จำเป็นจะต้องพักผ่อนและมีอัตราการทำงานผิดพลาดที่น้อยมาก พวกมันจึงสามารถสร้างดาวเคราะห์ที่ทำขึ้นมาจากโลหะทั้งใบ ที่ถึงแม้มนุษย์จะใช้เวลาสร้างเป็นพันปี แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างดาวเคราะห์โลหะขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
“ฉันลืมไปว่าคุณเป็นมนุษย์ เมื่อคุณปรากฏตัวในดินแดนแห่งความลับระบบป้องกันอัตโนมัติของดาวจะค้นพบตัวตนของคุณได้อย่างง่ายดาย ในเวลานั้นพวกเหยี่ยวก็คงจะเริ่มเดินทางมาจัดการกับคุณอย่างแน่นอน” ฮามิรีบกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง เมื่อตระหนักว่าเขาได้ลืมสิ่งสำคัญในเรื่องนี้ไป
“ถ้าอย่างนั้นนายเดินทางไปหาเทพธิดาผู้พิทักษ์ได้เลย เดี๋ยวฉันจะตามไปทีหลังเอง” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณจะตามฉันมาได้ยังไง?” ฮามิถามอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบร่างของเซี่ยเฟยก็หายไปในความมืดอย่างไร้ร่องรอย
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะตามนายไปแน่นอน แต่มันคงจะปลอดภัยกว่าถ้าหากว่าฉันได้เคลื่อนไหวเพียงคนเดียว” เซี่ยเฟยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งเพื่อพูดกับฮามิ
“เข้าใจแล้ว แต่อย่าจำฉันผิดไปล่ะ ในเมืองไอร่อนมันก็พอมีหุ่นยนต์รุ่นเดียวกับฉันเดินไปเดินมาอยู่บ้าง” ฮามิกล่าว
หลังจากนั้นหุ่นยนต์ตัวใหญ่ก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปตามทาง โดยมีเซี่ยเฟยคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ ขณะอาศัยความมืดเพื่อใช้ในการซ่อนตัว
“นายเชื่อใจเขาจริง ๆ เหรอ?” อันธถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันไม่เชื่อ”
“แล้วนายตามเขามาทำไม?”
“ฉันก็แค่อยากรู้”
อันธถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะเขาไม่คิดว่าเซี่ยเฟยจะกล้าเดินทางเข้ามาในเมืองของหุ่นยนต์เพียงเพราะความอยากรู้ของตัวเองแบบนี้
ภูเขาโลหะที่พวกเขาอยู่ในปัจจุบันคือบริเวณชานเมืองของเมืองไอร่อน ซึ่งในระหว่างทางเขาก็ได้พบกับประตูวาร์ปอย่างมากมาย ซึ่งหุ่นยนต์ก็ได้ใช้ประตูวาร์ปพวกนี้ในการเดินทางไปไหนมาไหนในตำแหน่งต่าง ๆ ของดาวเคราะห์
เทคโนโลยีประตูวาร์ปของพวกหุ่นยนต์ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอิจฉา เพราะถ้าหากว่าเขานำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้ มันก็คงจะทำให้ชีวิตของประชาชนมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่อเซี่ยเฟยนึกถึงแรงฉีกขาดมหาศาลในระหว่างการเคลื่อนที่ผ่านรูหนอน มันก็ทำให้เขาต้องพักความคิดนี้เอาไว้ก่อน เพราะหุ่นยนต์มีลำตัวเป็นโลหะพวกมันจึงไม่จำเป็นจะต้องสนใจว่าร่างกายของพวกมันจะได้รับผลกระทบในระหว่างการเคลื่อนที่ผ่านรูหนอนหรือไม่ แต่สำหรับมนุษย์ที่มีร่างกายเป็นเลือดเนื้อ ความเปลี่ยนแปลงในระหว่างการเคลื่อนย้ายเพียงแค่เล็กน้อย มันก็อาจจะสร้างอันตรายให้กับร่างกายของมนุษย์ได้เลย
ยิ่งพวกเขาเคลื่อนที่เข้าใกล้เมืองพวกเขาก็ได้พบกับหุ่นยนต์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหุ่นยนต์ทุกตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่ของตัวเอง โดยไม่มีหุ่นยนต์ขี้เกียจให้มองเห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
วิชาพรางจิตทำให้เซี่ยเฟยกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ ได้ ส่วนความเร็วกับวิชาเล่ห์กายามันก็ทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านภูมิประเทศอันซับซ้อนไปไหนมาไหนได้ทุกที่
ฮามิมองไปรอบ ๆ อย่างกระวนกระวาย ขณะที่เท้าของเขาก็ยังคงเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเองมันก็ได้มีกระสวยอวกาศขนาดเล็กร่อนลงมาจากท้องฟ้า ก่อนที่มันจะมีหุ่นยนต์ต่อสู้ตัวสูงใหญ่ 2 ตัวกระโดดลงมาขวางทางฮามิเอาไว้
“หมายเลข 15785254 ท่านเซียน่าต้องการคำอธิบายว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงกลับมาที่เมืองไอร่อนโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และจากการตรวจสอบก็แสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้เคลื่อนที่ผ่านประตูวาร์ปเข้ามาแค่คนเดียว” หุ่นยนต์ต่อสู้ทั้งสองตัวพูดอย่างเย็นชา
ใบหน้าของฮามิเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด ซึ่งถ้าหากว่าเขาเป็นมนุษย์ ตอนนี้มันก็คงมีเหงื่อไหลออกมาทั่วทั้งร่างกายของเขาแล้ว
“จับเขาเอาไว้! แล้วพาเขาไปส่งให้ท่านเซียน่า” หุ่นยนต์ตัวหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ไม่! ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ” ฮามิรีบตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจ
น่าเสียดายที่หุ่นยนต์ต่อสู้ทั้งสองตัวนี้แข็งแกร่งมากจนเกินไป ดังนั้นถึงแม้ฮามิจะมีร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะหลบรอดจากการจับกุมของหุ่นยนต์ต่อสู้ทั้งสองตัวนี้ได้
“ปล่อยฉัน! ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องไปทำจริง ๆ” ฮามิพยายามส่งเสียงอ้อนวอน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรมากกว่านี้ มันก็ได้มีร่างสีดำปรากฏตัวขึ้นมาจากทางด้านหลังของหุ่นยนต์ต่อสู้ พร้อมกับใบมีดอันแวววาวที่อยู่ภายในมือของเขาทั้งสองเล่ม
***************
อันธคงต้องชินกับการเสี่ยงตายเพื่อสนองความความอยากรู้อยากเห็นของพี่เฟยได้แล้วนะ 555