ตอนที่ 494 เพราะรักจึงทำลาย?
ตอนที่ 494 เพราะรักจึงทำลาย?
“ในฐานะที่ฉันเป็นมนุษย์ ฉันขอฟังคำอธิบายจากพวกคุณหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง หลังจากที่เขาตัดสินใจปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกหุ่นยนต์อย่างกะทันหัน
“มนุษย์!”
“เฮ้ย! มนุษย์!”
พวกหุ่นยนต์รีบกระจายตัวออกไปอย่างตกใจ โดยหุ่นยนต์ส่วนใหญ่พยายามซ่อนตัวอยู่ด้านหลังอุปกรณ์ในห้อง และแอบมองเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
ขณะเดียวกันมันก็มีหุ่นยนต์บางตัวนั่งบนพื้นและส่งเสียงร้องไห้ เนื่องมาจากพวกมันคิดถึงมนุษย์อย่างเซี่ยเฟยมากจริง ๆ
หุ่นยนต์ตัวใหญ่ถอยหลังไป 2 ก้าว จากนั้นมันก็พยายามสงบสติอารมณ์ภายในใจของมันลงโดยไม่คิดที่จะหลบซ่อนหรือเข้าใกล้เซี่ยเฟยมากกว่านี้
“คุณไม่กลัวพวกเราเหรอ?” หุ่นยนต์ตัวใหญ่ถาม
“ในความคิดของฉันหุ่นยนต์ก็เหมือนมนุษย์นั่นแหละไม่มีอะไรที่แตกต่างกัน ถ้าหากว่าจะมีใครกลัวมันก็ควรจะเป็นพวกนายต่างหากที่ควรจะกลัวฉัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
คำตอบนี้ทำให้หุ่นยนต์ทั้งหมดตกใจทันทีและคำพูดที่ว่า ‘หุ่นยนต์ก็เหมือนมนุษย์’ ของเซี่ยเฟยก็ดังก้องซ้ำ ๆ ภายในชิพประมวลผลของพวกมัน
“ฉันชื่อฮามิเป็นผู้พิทักษ์หอคอยแห่งเทคโนโลยี ฉันดีใจที่ในที่สุดมันก็มีมนุษย์ที่ไม่เกลียดหุ่นยนต์อย่างพวกเรา แต่ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสำหรับการพูดคุย พวกเราขึ้นไปพูดคุยกันด้านบนดีกว่า” หุ่นยนต์ร่างใหญ่กล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของฮามิ
ฮามิสั่งการให้ลูกน้องเปิดอุปกรณ์ป้องกันการตรวจจับ ราวกับว่ามันพยายามป้องกันไม่ให้หุ่นยนต์จากอีกหอคอยตรวจพบการคงอยู่ของเซี่ยเฟย จากนั้นมันก็นำชายหนุ่มเดินเข้าไปภายในลิฟต์เพื่อขึ้นสู่หอคอยชั้นบนสุด ขณะที่หุ่นยนต์ตัวอื่นต้องรออยู่ข้างล่างอย่างตึงเครียด
พื้นที่ด้านบนสุดของหอคอยคล้ายกับสำนักงานที่มีภาพหน้าจอมองเห็นสถานการณ์รอบ ๆ หอคอยได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามันมีกล้องความละเอียดสูงคอยส่งภาพขึ้นมาบนหน้าจอเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
“ขออภัยด้วย พวกเราหุ่นยนต์อยู่ได้โดยอาศัยพลังงาน ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีน้ำหรืออาหารเอาไว้ให้บริการมนุษย์อย่างคุณ” ฮามิกล่าวอย่างกระวนกระวายเล็กน้อย ขณะผายมือแสดงท่าทางให้เซี่ยเฟยนั่งลง
“นายไม่จำเป็นจะต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ นายช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพวกเหยี่ยวหรือรายละเอียดเกี่ยวกับหุ่นยนต์ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากและอาจจะต้องใช้เวลาเล่าค่อนข้างนาน” ฮามิกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ไม่เป็นไร ฉันมีเวลา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างสบาย ๆ
ฮามิมองไปที่เซี่ยเฟยอย่างสนใจ เนื่องจากมนุษย์คนนี้แตกต่างจากมนุษย์ยุคใหม่ในความทรงจำของมันมาก เพราะไม่เพียงแต่เซี่ยเฟยจะไม่ได้แสดงอาการโกรธเกลียดหุ่นยนต์ออกมาเท่านั้น แต่ภาษากายที่เซี่ยเฟยได้แสดงออกมาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาคนนี้ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับการมีอยู่ของหุ่นยนต์
“ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไมคุณถึงไม่เกลียดหุ่นยนต์?”
เซี่ยเฟยยิ้มก่อนที่จะหยิบกระป๋องออกมาจากแหวนมิติและวางเอาไว้บนโต๊ะด้านข้างเบา ๆ
“เขาชื่อกระป๋อง ฉันพบกับเขาระหว่างการเดินทาง ตอนนั้นมีหุ่นยนต์บ้าคลั่งจำนวนมากพยายามจะเข้ามาทำร้ายฉัน แต่เขาก็พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะปกป้องฉันเอาไว้ ถึงขนาดที่เขาเกือบจะถูกฆ่าด้วยหุ่นยนต์ทั้ง ๆ ที่เป็นพวกเดียวกันเอง”
“ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ถือว่ากระป๋องเป็นเพื่อนที่ดีของฉันมาโดยตลอด และฉันก็ได้รู้มาจากเขาว่าสาเหตุที่หุ่นยนต์เข่นฆ่ามนุษย์ นั่นก็เป็นเพราะคำสั่งจากเทพธิดาผู้พิทักษ์ มันจึงไม่ใช่หุ่นยนต์ทุกตัวที่เต็มใจทำตามคำสั่งนี้ และฉันก็บังเอิญได้ยินเรื่องเหยี่ยวจากพวกคุณเข้าพอดี ฉันจึงคิดว่าหุ่นยนต์น่าจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายและพวกคุณก็น่าจะอยู่ในฝั่งของหุ่นยนต์ที่ต้องการจะปกป้องมนุษย์” เซี่ยเฟยกล่าว
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้ฮามิรู้สึกตื่นเต้นมาก ซึ่งในระหว่างนั้นมันก็ยื่นสายตรวจสอบออกมาจากนิ้วของมันเพื่อพยายามวิเคราะห์สภาพร่างกายของกระป๋อง
“หุ่นยนต์ทุกตัวที่อาศัยอยู่ในหอคอยแห่งเทคโนโลยีต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นหุ่นยนต์ซ่อมบำรุงและหุ่นยนต์ทางการแพทย์ ฉันขอตรวจสอบดูหน่อยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของคุณ”
ไม่กี่วินาทีต่อมาฮามิก็ดึงนิ้วออกมาอย่างตกใจ
“มันเกิดอะไรขึ้นกับกระป๋องงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“เทพธิดาผู้พิทักษ์คือคนปิดการทำงานของเขาลง…” ฮามิกล่าวหลังจากลังเลเป็นเวลานาน
“เทพธิดาผู้พิทักษ์? เธอยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความตกตะลึง
“เทพธิดาผู้พิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่ แต่น่าเสียดายที่เธออ่อนแอลงกว่าเดิมมาก แล้วไม่ทราบว่ากระป๋องกลายเป็นแบบนี้ที่ไหนเมื่อไหร่คุณพอจะจำได้ไหม?” ฮามิเริ่มถามรายละเอียด
“มันเป็นแบบนี้มาประมาณ 3 เดือนแล้ว ตอนนั้นฉันน่าจะกำลังขับยานเข้ามาในภูมิภาคดาวเหวทมิฬ”
“ถ้าอย่างนั้นระยะการสื่อสารของเทพธิดาผู้พิทักษ์ก็น่าจะครอบคลุมได้แค่อาณาจักรเทียนโลหิต, ภูมิภาคดาวเหวทมิฬและดินแดนแห่งความลับเท่านั้น แต่เมื่อคุณกับหุ่นยนต์ตัวนี้เข้ามาในภูมิภาคดาวเหวทมิฬ เทพธิดาผู้พิทักษ์จึงเชื่อมโยงสัญญาณกับหุ่นยนต์ตัวนี้ได้และเธอก็ออกคำสั่งให้มันปิดการทำงานลง” ฮามิกล่าว
“ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดตอนนี้กระป๋องยังไม่ตายแต่แค่ปิดการทำงานลงชั่วคราวใช่ไหม? และตราบใดก็ตามที่ฉันหาเทพธิดาผู้พิทักษ์พบ ฉันก็สามารถที่จะปลุกกระป๋องขึ้นมาได้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เทพธิดาผู้พิทักษ์ไม่ใช่หุ่นยนต์ธรรมดา เธอ…” ฮามิพูดอยากประหม่า แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น จู่ ๆ มันก็มีพลังที่มองไม่เห็นเข้าควบคุมหุ่นยนต์ตัวใหญ่เอาไว้ จนทำให้ร่างของมันหยุดนิ่งราวกับว่ามันกำลังสื่อสารกับใครบางคนภายในหัวของมันอยู่
หลังจากนั้นไม่นานฮามิก็กลับมามีสติอีกครั้ง มันจึงพยายามสงบสติอารมณ์และพูดกับเซี่ยเฟยด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่า
“เทพธิดาผู้พิทักษ์เพิ่งจะบอกกับฉันว่าเธอต้องการจะพบกับคุณ”
“พบกับฉัน? ฉันไม่ได้รู้จักอะไรกับเธอนะ” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความประหลาดใจ
“แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักคุณ…”
ข้อความจากเทพธิดาผู้พิทักษ์ทำให้บทสนทนาระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์หยุดลงอย่างกะทันหัน ทำให้ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงันเนื่องมาจากไม่มีใครพูดอะไรมาเป็นเวลานาน
“ฉันว่านี่จะต้องเป็นกลอุบายของเทพธิดาผู้พิทักษ์แน่ ๆ อย่าลืมนะว่าเธอคือคนออกคำสั่งให้หุ่นยนต์กำจัดมนุษย์ ดังนั้นเธอคือหุ่นยนต์ที่เราไว้ใจไม่ได้!” อันธกล่าวออกมาด้วยความกังวล
เซี่ยเฟยเริ่มแสดงท่าทีลังเลออกมาเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดเขาก็รู้ว่าเทพธิดาผู้พิทักษ์เคยทำวีรกรรมอะไรกับมนุษย์โบราณเอาไว้ แต่เธอก็เป็นคนเดียวที่สามารถทำให้กระป๋องกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้เช่นกัน
“เรื่องไปพบเทพธิดาผู้พิทักษ์เอาไว้ก่อน ตอนนี้พวกเรามาพูดถึงเหยี่ยวกันก่อนดีกว่า” เซี่ยเฟยหันไปกล่าวกับฮามิด้วยรอยยิ้ม
ท่าทางของชายหนุ่มทำให้สีหน้าของฮามิเปลี่ยนแปลงไปอย่างซับซ้อน และด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบหุ่นยนต์ตัวนี้มาเป็นอย่างดี มันจึงทำให้มนุษย์สามารถคาดเดาอารมณ์ของหุ่นยนต์ที่อยู่ใต้ใบหน้าโลหะนี้ได้
ระหว่างนั้นฮามิก็นิ่งไปเป็นการชั่วคราวราวกับว่าเขากำลังขอความคิดเห็นจากเทพธิดาผู้พิทักษ์อยู่
“หุ่นยนต์ทุกตัวต่างก็มีความคิดและความรู้สึกที่เป็นอิสระแยกจากกัน” ฮามิเริ่มเล่าเรื่องหลังจากที่มันนิ่งเงียบไปสักพัก
“เรื่องนั้นฉันรู้”
“หลังจากที่พวกเราได้รับคำสั่งจากเทพธิดาผู้พิทักษ์ หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างซื่อสัตย์ เพราะท้ายที่สุดเทพธิดาผู้พิทักษ์ก็มีอำนาจสูงสุดในระบบของหุ่นยนต์ทุกตัว ดังนั้นเธอจึงเป็นผู้บังคับบัญชาที่มีสิทธิ์ออกคำสั่งสำหรับพวกเรามากที่สุดไม่ใช่มนุษย์ที่เป็นเจ้านายของพวกเรา”
“แต่ถึงแบบนั้นมันก็มีหุ่นยนต์เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่พยายามต่อต้านคำสั่ง พวกเราจึงถูกเรียกรวมกันว่ากบฏและถูกคุมขังแยกตัวออกมาไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับปฎิบัติการในครั้งนั้น แน่นอนว่ากระป๋องหุ่นยนต์คู่หูของคุณยอมเป็นหนึ่งในกบฏเหมือนกับพวกเราด้วยเหมือนกัน” ฮามิกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศกเมื่อมันได้นึกถึงโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น ก่อนที่มันจะเริ่มปรับอารมณ์และเล่าต่อขึ้นมาว่า
“เทพธิดาผู้พิทักษ์ไม่ได้ลงโทษพวกเราที่ปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งของเธอ ในความเป็นจริงเธอแค่ออกคำสั่งปิดกั้นพวกเราไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแผนการกำจัดมนุษย์ ซึ่งเธอก็ได้มาบอกกับพวกเราทีหลังว่าพวกเราน่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่มีวิวัฒนาการ พวกเราจึงสามารถปฏิเสธคำสั่งของเธอได้และเธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรกับพฤติกรรมของกบฏอย่างพวกเรา”
“น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าพวกเราจะร้องขอแค่ไหน แต่เราก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนใจไม่ให้เทพธิดาหยุดแผนการกำจัดมนุษย์ได้เลย เธอยังคงยืนยันที่จะลบมนุษย์ออกไปจากจักรวาลคล้ายกับว่าเธอมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจะบอกเล่าให้พวกเราฟังได้”
“เมื่อหุ่นยนต์กบฏทั้งหมดถูกคุมขัง มันก็ไม่มีใครสามารถหยุดการกระทำของกองทัพหุ่นยนต์ได้อีกต่อไป ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนหลังจากมีคำสั่ง อารยธรรมมนุษย์ที่เคยรุ่งเรืองก็กลายเป็นเพียงแค่ซากปรักหักพังที่ถูกทำลายทั่วทุกที่”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากราวกับว่าเทพธิดาต้องการจะกำจัดมนุษย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งในระหว่างนั้นมันก็มีมนุษย์บางส่วนหลบหนีออกไปในพื้นที่จักรวาลส่วนที่หุ่นยนต์ไม่รู้จัก และเมื่อสงครามสิ้นสุดลงเทพธิดาก็ไม่ได้ส่งกองกำลังออกไปค้นหามนุษย์ผู้หลบหนี”
“ย้อนกลับไปในตอนนั้นเทพธิดาได้นำพาพวกเรามายังอาณาจักรเทียนโลหิต ซึ่งในเวลานั้นมันเป็นดวงดาวที่ไม่มีใครเคยอาศัยอยู่มาก่อน เทพธิดาจึงเรียกพื้นที่ดาวในบริเวณนี้ว่าดินแดนแห่งความลับ”
“เหล่าบรรดาหุ่นยนต์ที่ถูกออกคำสั่งมาให้อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งความลับเริ่มสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ แต่เทพธิดาก็ไม่คาดคิดว่ามันจะได้มีการปฏิวัติของหุ่นยนต์เริ่มต้นขึ้น”
เมื่อฟังมาจนถึงตอนนี้เซี่ยเฟยก็อดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นสงครามกวาดล้างมนุษย์ด้วยตาของตัวเอง แต่เขาก็สัมผัสถึงความสลดใจของฮามิได้อย่างชัดเจน
ในเรื่องเหล่านี้ทำให้เขาเกิดข้อสงสัยขึ้นมาอย่างมากมาย เช่น ทำไมเทพธิดาผู้พิทักษ์ถึงไม่กำจัดหุ่นยนต์ที่เป็นกบฏ, ทำไมเธอถึงปล่อยให้มนุษย์หลบหนีทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะกำจัดมนุษย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และแน่นอนว่าคำถามที่เขาอยากรู้ที่สุดคือทำไมอดีตเทพธิดาผู้พิทักษ์ที่ถือกำเนิดมาเพื่อปกป้องมนุษย์ ถึงเป็นผู้ออกคำสั่งให้หุ่นยนต์กวาดล้างมนุษย์เสียเอง
เซี่ยเฟยโบกมือเป็นสัญญาณให้ฮามิเล่าเรื่องต่อไป
“หุ่นยนต์บางตัวพยายามที่จะสร้างอารยธรรมหลังจากสงครามในครั้งนั้นได้จบลง โดยพวกเขาเชื่อว่าเมื่อมนุษย์ที่ควบคุมหุ่นยนต์ได้ถูกจัดการจนสูญพันธุ์ไปแล้ว หุ่นยนต์ก็ควรที่จะต้องมีพื้นที่ดาวเป็นของตัวเอง จากนั้นพวกเขาก็จะสถาปนาขึ้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่เป็นอิสระในจักรวาล เพราะท้ายที่สุดพวกเราก็มีร่างกาย, มีความรู้สึกและมีสติปัญญาไม่ต่างไปจากสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เลย”
“แต่หุ่นยนต์อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่าหุ่นยนต์ถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อคอยให้บริการมนุษย์ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ควรแยกตัวออกมาเป็นเผ่าพันธุ์อิสระ และแน่นอนว่ากลุ่มหุ่นยนต์ที่มีความคิดแบบหลังนั่นก็คือพวกเราที่เป็นกบฏ”
“ต่อมาหุ่นยนต์ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มมีการตั้งชื่อกลุ่มเป็นของตัวเอง โดยหุ่นยนต์กลุ่มแรกที่สนับสนุนให้มีการแยกตัวออกจากมนุษย์คือกลุ่มเหยี่ยว ส่วนหุ่นยนต์กลุ่มที่ 2 ที่ยังคงคิดถึงมนุษย์อยู่ก็ตั้งชื่อกลุ่มว่ากลุ่มพิราบ”
“เมื่อมนุษย์โบราณถูกกำจัดไปจนหมดแล้ว พวกคุณก็ควรที่จะได้รับอิสระมันก็ถูกแล้วนี่” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่! มันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น หลังจากเทพธิดาผู้พิทักษ์ปลดการควบคุมเหนือหุ่นยนต์ทุกตัว หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ก็เสียใจกับสิ่งที่พวกเขาทำ ซึ่งถ้าหากว่ามันไม่ใช่เพราะคำสั่งของเทพธิดาหุ่นยนต์ส่วนใหญ่ก็คงจะไม่มีวันลงมือทำร้ายมนุษย์” ฮามิกล่าว
“คุณจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของเทพธิดาผู้พิทักษ์คนเดียวสินะ?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่ ฉันเชื่อว่าแม้แต่เทพธิดาก็คงจะลำบากใจอยู่เหมือนกัน ท้ายที่สุดแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแต่เธอก็ยังคงมีความรักต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และการที่เธอตัดสินใจแบบนั้นมันก็คงจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่เธอไม่เหลือทางเลือกอื่นให้หลีกเลี่ยงอีกแล้ว” ฮามิพยายามแก้ตัวแทนเทพธิดา
“นายไม่คิดว่าคำพูดของนายขัดกันบ้างเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
ฮามิแสดงสีหน้าออกมาอย่างเจ็บปวดและระบบวิเคราะห์อัจฉริยะภายในหัวสมองของมันก็พยายามทำงานอย่างหนัก เพราะมันก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้จริง ๆ ว่าทำไมเทพธิดาที่รักมนุษย์ถึงออกคำสั่งให้ทำลายมนุษย์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งตรรกะนี้เป็นสิ่งที่มันไม่สามารถทำการวิเคราะห์ได้จริง ๆ
“ในฐานะที่ฉันคือผู้เห็นเหตุการณ์ ฉันทำได้เพียงแต่เล่าเรื่องทุกอย่างที่ฉันเห็นแล้วรู้สึกให้คุณฟัง ส่วนคุณจะมีความเห็นแบบไหนต่อเทพธิดานั่นคือสิทธิ์ที่คุณจะต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง” ฮามิกล่าว
“ตอนนี้เทพธิดาผู้พิทักษ์อยู่ไหน?” เซี่ยเฟยถาม
“เธอถูกคุมขังอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนแห่งความลับเนี่ยแหละ”
“ถูกขัง? เทพธิดาผู้พิทักษ์ถูกขังอยู่งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
***************