1059 - ข่าวร้าย
1059 - ข่าวร้าย
“ในโลกปัจจุบัน ใครคือปรมาจารย์อันดับหนึ่งในหมู่คนรุ่นใหม่และในหมู่ผู้อาวุโส” มีคนถามคำถามนี้
“มันยากที่จะกล่าว จักรพรรดิหนานเหยาสามารถต่อสู้กับเจ้าเมืองศักดิ์สิทธิ์ได้โดยไม่เป็นรอง ในบรรดาคนรุ่นใหม่ทั้งหมดข้าคิดว่าเขาน่าจะแข็งแกร่งที่สุด”
“โดยส่วนตัวแล้วข้าคิดว่าเป็นฮั่วอวิ๋นเฟย เมื่อสิบปีที่แล้วเขาถูกไล่ล่าหัวซุกหัวซุน แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาที่ไล่ล่าผู้อื่นแทน”
“เซี่ยจิ่วโหยวทรงพลังอย่างยิ่ง หลังจากที่นางข้ามผ่านภัยพิบัติครั้งนั้นก็แทบไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของนางได้ครบสามกระบวนท่า”
“ผิดแล้ว เจ้าละเลยคนๆ หนึ่งไป นั่นคือตัวอ่อนเต๋าโดยกำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง ตามข่าวที่ข้าได้รับมาล่าสุดนางกลายเป็นอัจฉริยะแปดต้องห้ามไปแล้ว!”
“โอ้ สิ่งที่เจ้ากล่าวเป็นเพียงส่วนน้อย พวกเจ้าไม่เคยได้ยินชื่อของจื่อเทียนตู หนวนกู่ หวงซูเต๋า นักพรตเสิ่นและอัจฉริยะมากมายจากเผ่าพันธุ์โบราณได้ปรากฏตัวขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้หลายคนก็สูดลมหายใจอย่างลึกล้ำ ชื่อเสียงของอัจฉริยะจากเผ่าพันธุ์โบราณนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“คนเหล่านี้น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง เผ่าพันธุ์โบราณล้วนมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด การที่พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้”
“แล้วเมื่อเปรียบเทียบกับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณที่จากไปเมื่อสิบสองปีก่อนหากเขาเติบโตมาถึงตอนนี้เขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ข้าไม่เชื่อว่าหวงซูเต๋า หยวนกู่ เทียนหวงจื่อ นักพรตเสิ่นจากเผ่าพันธุ์โบราณจะเปรียบเทียบกับเขาได้?”
“ไม่มีหวังเช่นเดิม เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้แม้แต่องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถูกตามล่าจนมีข่าวลือว่าตายไปแล้ว ต่อให้ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณยังคงอยู่ที่นี่ ผู้แซ่เย่จะทำอะไรได้”
“ข้าเกรงว่าโอกาสชนะมีไม่มากนัก ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่ทายาทของราชาโบราณเหล่านั้นล้วนมีมากมายนับไม่ถ้วน ข้าไม่เชื่อว่าพวกมันจะยอมต่อสู้กับเขาตัวต่อตัว”
“ถ้าไม่มีการสู้รบกันจริงใครจะบอกได้ชัดเจน ข้าไม่เชื่อว่าในเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าจะไม่มียอดคนผงาดขึ้นมาเลย”
หลี่เทียนชำเลืองมองไปยังเย่ฟ่านและหัวเราะ แต่เขาก็รู้สึกกดดันเช่นกัน จากที่เขาได้ยินตอนนี้ดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเย่ฟ่าน
“ไม่มีใครเอาชนะร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณได้ หวงซูเต๋า หยวนกู่ นักพรตเต๋าเสิ่น ที่พวกเจ้าพูดมาไม่อาจรับมือกับการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาได้ด้วยซ้ำ” ทันใดนั้นก็มีคนกล่าวขึ้น
“อัจฉริยะเผ่าพันธุ์มนุษย์สูญสิ้นแล้ว ต่อให้ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณยังคงอยู่เขาจะทำอะไรได้”
“ใช่ ถ้าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่จากไปสุดท้ายเขาก็จะตายไปพร้อมกับสหายของเขาอยู่ดี เจ้าดูสหายของเขาสิ ตอนนี้เหลืออยู่กี่คนกัน!”
เมื่อเย่ฟ่านได้ยินคำพูดเหล่านี้จิตใจของเขาก็เกิดความปั่นป่วนอย่างถึงที่สุด เขาก้าวไปข้างหน้าและจ้องมองชายที่กล่าววาจาคนนั้น!
เย่ฟ่านหัวหมุน เกิดอะไรขึ้นในสิบสองปีที่ผ่านมา? เพื่อนเก่าทั้งหมดจากอดีตพ่ายแพ้ไปแล้ว คำพูดเหล่านี้ทำให้เลือดในร่างกายของเขาเดือดพล่านอย่างรุนแรง
ในขณะนี้ดวงตาของเขาน่ากลัวอย่างถึงที่สุด เส้นผมสีดำของเขาโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง
“พี่เย่ ใจเย็นๆ”
เอี๋ยนอี้ซีส่งเสียง ในขณะที่หลี่เทียนดึงแขนเย่ฟ่านไว้
เย่ฟ่านไม่กล่าวอะไร ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมืดมน เขาจากโลกใบนี้ไปไม่กี่ปีเท่านั้นแต่กลับได้รับข่าวร้ายที่ทำให้จิตใจสั่นสะเทือน
ทำลายโลกใบนี้ ฆาสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!
นี่คือคำที่ดังก้องอยู่ในใจของเย่ฟ่าน หากสหายของเขาถูกทำลายจนหมดสิ้นโลกใบนี้ก็ไม่มีค่าอะไรกับเขาอีก
“สิบกว่าปีแล้วชีวิตคนพวกนี้ใช้ชีวิตลำบากจริงๆ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนส่วนหนึ่งที่รอดมาได้”
“พวกเขาทรหดอย่างยิ่ง ภายใต้การไล่ล่าของหลี่เสี่ยวม่านต่อให้เป็นครึ่งเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังยากที่จะเอาตัวรอดได้”
ชายผู้หนึ่งทอดถอนใจอย่างเศร้าโศก การที่ผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์มนุษย์ไล่ฆ่ากันเองนั้นเป็นความสูญเสียอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้
หลี่เสี่ยวม่าน?!
เย่ฟ่านเงยหน้าขึ้นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าคนที่ไล่ฆ่าหลี่เหอซุย อู๋จงเทียน เจียงฮั่วเหรินและคนอื่นๆ จะเป็นนาง
ในขณะนี้เลือดในร่างของเขาพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง หญิงสาวคนนี้ใจร้ายมาก นางไม่ละเว้นแม้กระทั่งผังป๋อซึ่งเป็นสหายที่มาจากบ้านเกิดเมืองนอนเดียวกัน
ในตอนนี้นางร่วมมือกับฮั่วอวิ๋นเฟยและยอดฝีมืออีกหลายคนทำการไล่ล่าสหายทุกคนของเย่ฟ่าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแค้นนี้จะต้องเกิดจากการที่นางไม่สามารถขึ้นโลงศพไปกับเขาได้
เย่ฟ่านโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด เขาต้องการข้ามความว่างเปล่ากลับสู่ตงหวงเพื่อไล่ล่าฮั่วอวิ๋นเฟยและชำระความแค้นจากเมื่อสิบสองปีก่อน
“ในเมื่อเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้า เราจะได้เห็นดีกัน” เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“หลี่เสี่ยวม่าน…” เย่ฟ่านพ่นคำสามคำนี้ออกจากปากนิ้วมือของเขาถูกบีบเข้าหากันจนซีดขาวไร้สีเลือด
เอี๋ยนอี้ซีและหลี่เทียนรู้เย่ฟ่านอยากรู้สถานการณ์ของเพื่อนเก่า ทั้งสองคนจึงไม่ได้พยายามสร้างความหงุดหงิดให้กับเขา
เย่ฟ่านยังคงนิ่งเงียบและฟังคำพูดของคนเหล่านี้ต่อไป ในเวลาไม่นานเขาก็ได้รับข่าวสำคัญบางอย่าง
จักรพรรดิแดนเหนือหวังเถิงยังไม่ตาย!
ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับเย่ฟ่านอย่างมาก ตอนนั้นเขาได้ฆ่าหวังเถิงไปแล้วอย่างแน่นอน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับรอดชีวิตมาได้
“คนผู้นี้แข็งแกร่งมากหรือ?” หลี่เทียนอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงต่ำเมื่อเห็นสีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
“เมื่อสิบสองปีที่แล้ว เขาได้ชื่อว่าเป็นร่างอวตารของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คนเล่าขานกันว่าเขาคืออัจฉริยะที่แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาคนรุ่นหลัง ฉายาของเขาคือจักรพรรดิน้อยแดนเหนือ”
“แล้วสิบสองปีให้หลังเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน?!” หลี่เทียนตกตะลึง
เย่ฟ่านพยักหน้า ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขาเผาหวังเถิงจนตายโดยอาศัยไฟศักดิ์สิทธิ์ในน้ำเต้าสีดำ
ในการต่อสู้ครั้งนั้นจักรพรรดิน้อยแดนเหนือมีความทรหดอดทนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะถูกเย่ฟ่านทุบตีมากแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมตาย แต่สุดท้ายเมื่อเผชิญกับพลังของโลงศพทองแดงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ
นับตั้งแต่เย่ฟ่านเกิดขึ้นมาเขายังไม่เคยต่อสู้กับอัจฉริยะคนใดที่มีความแข็งแกร่งเทียบกับหวังเถิงได้
“ในโลกยุคปัจจุบันหากจะถามว่าใครเป็นคนที่รอคอยการกลับมาของร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณมากที่สุด จะต้องเป็นหวังเถิงอย่างแน่นอน หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้นเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาบนรถศึกของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ และเขาเฝ้ารอที่จะแก้แค้นเย่ฟ่านอยู่เสมอ”
“การต่อสู้ครั้งนั้นจักรพรรดิเหนือพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง หากไม่ใช่ว่าเขามียันต์ศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองชีวิต เขาคงถูกร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณปราบปรามไปได้นับครั้งไม่ถ้วน”
“หุบปาก! ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อของเขาตรงๆ”
เย่ฟ่านเงียบไปชั่วขณะ ฟังคำบรรยายที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าตลอด 12 ปีที่ผ่านมาหวังเถิงจะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย
มรดกของจักรพรรดิแห่งความโกลาหลน่าทึ่งอย่างแท้จริง หวังเถิงถูกเย่ฟ่านฆ่าตายไปถึงสามครั้งแต่สุดท้ายเขาก็ยังฟื้นคืนชีพได้
เย่ฟ่านตระหนักได้ทันทีว่ายังมีศัตรูมากมายที่รอคอยการกลับมาของเขา
ราชวงศ์เป่ยหยวนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเผ่าพันธุ์โบราณ เมื่อพวกเขาไล่หลี่เหอซุยและคนอื่นๆ ทายาทของราชาโบราณหลายคนก็เคลื่อนไหว
ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีคนจำนวนไม่น้อยที่มองเห็นจื่อเทียนตูจากหุบเขาเทพฆ่าอู๋จงเทียนและโยนซากศพลงไปในหน้าผาอิงหยาเลือดของเขาไหลอาบไปทั่วยอดเขาจนกระทั่งหลายปีผ่านไปยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ตระกูลหวัง...ข้าจะไปเป่ยหยวน... ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมด”
หยวนกู่คือทายาทราชาโบราณที่ไล่ฆ่าผังป๋อ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือทักษะจักรพรรดิอสูรเก้าบาดแผลซึ่งเป็นทักษะระดับจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์อสูร แต่วานรศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏตัวขึ้นและต่อสู้กับเผ่าพันธุ์โบราณเหล่านั้น
และในปัจจุบันว่ากันว่าภายใต้การไล่ล่าของทายาทราชาโบราณหลายคน แม้แต่วานรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถูกฆ่าตายแล้ว
“แม้แต่นักพรตมังกรแดงและราชานกยูงก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด ดูเหมือนสถานการณ์จะเลวร้ายกว่าที่ข้าคิด” เย่ฟ่านทอดถอนใจ
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินชื่อของศัตรูผู้แข็งแกร่งอีกคน นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จากนิกายหยินหยาง สาเหตุสำคัญที่สหายของเขาถูกไล่ล่าถึงขนาดนี้ก็มาจากการกระตุ้นของนางนั่นเอง
“หญิงสาวคนนี้คือใคร” เย่ฟ่านใช้ความคิดอยู่นานแต่กลับไม่สามารถค้นหาได้ว่าเขาไปสร้างความแค้นกับหญิงสาวคนนั้นตั้งแต่เมื่อใด
ยิ่งกว่านั้น เขายังได้รู้โดยบังเอิญว่าหญิงสาวคนนั้นได้ประกาศตัวว่าเป็นศัตรูกับหลี่เสี่ยวม่านอีกด้วย แม้ว่าพวกนางจะมีความแค้นเย่ฟ่าน แต่ในทางตรงกันข้ามหญิงสาวทั้งสองกลับดูเหมือนมีความเกลียดชังกันมากกว่า
…………