บทที่ 52 - การเผชิญหน้าครั้งแรกกับโบรลี่และความน่าสนใจของสายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนาน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 52 - การเผชิญหน้าครั้งแรกกับโบรลี่และความน่าสนใจของสายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนาน
ณ ดาวเคราะห์เบจิต้าใหม่ที่ตั้งอยู่ในกาแล็คซี่ใต้
ยานอวกาศของพารากัสที่มีเทคโนโลยีจากต่างดาวที่ไม่มีใครรู้จักใช้เวลาเพียงวันเดียวก็มาถึงสถานที่แห่งนี้
บนยานอวกาศ พารากัสทำหน้าที่เหมือนลูกน้องและคอยประจบประแจงเบจิต้าตลอดเวลา
ผู้เฒ่าเต่าที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับทรังคซ์ว่า: “ทรังคซ์ พารากัสผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนดี เจ้าต้องระวังตัวให้ดี”
“ขอรับ” ทรังค์ซ์พยักหน้า
ในขณะเดียวกัน หลินเฉินก็นั่งอยู่ที่มุมห้องขณะที่เขาดึงข้อมูลทุกอย่างจากโกฮังผู้ไร้เดียงสาและแสนซื่อตรง
“โกฮัง ในหมู่เบจิต้าและโกคูพ่อของเจ้า ใครแข็งแกร่งกว่ากันเหรอ?”
“เอ่อ…หลังจากที่เซลล์ถูกกำจัดไป ลุงเบจิต้าก็อยากปะมือกับพ่อมาตลอด แต่ท่านพ่อไม่ว่าง ข้าก็เลยไม่รู้” โกฮังขมวดคิ้วและครุ่นคิด พลางเอียงศีรษะก่อนจะพูดตอบไป
“บางที….พ่อของข้าอาจจะแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยกระมัง? ถึงลุงเบจิต้าจะเอาชนะเซลล์ได้ก็เถอะ”
งั้น…..ระดับพลังของโกคูสูงกว่าเบจิต้างั้นเหรอ?
หลินเฉินเริ่มรู้สึกกังวล
ในตอนนี้ อย่างน้อยเบจิต้าก็สามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าขั้นสองได้
ทว่าเมื่อพิจารณาจากระดับพลังของร่างปกติที่ 1.5 ล้าน ความแข็งแกร่งสูงสุดของเบจิต้าน่าจะแข็งแกร่งกว่าของหลินเฉินพอสมควร
ส่วนโกคูคงไปร่างซูเปอร์ไซย่าเต็มขั้นแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่าเบจิต้าเสียอีก
แต่ถึงอย่างนั้น ในเนื้อเรื่องฉบับดั้งเดิม พวกเขาก็ยังคงไม่อาจต่อกรโบรลี่ได้เลย
เขาจะสามารถจัดการกับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ได้จริงหรือ?
ขณะที่หลินเฉินรู้สึกไม่แน่ใจ เสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้งในใจของเขา
"ติ้ง! ตรวจพบความสงสัยของผู้ใช้ กระตุ้นทางเลือกที่แข็งแกร่งที่สุด”
“ทางเลือกที่ 1: ใช้อุบายและไม่ก่อให้เกิดการนองเลือด เอาชนะโบรลี่และพารากัสโดยไม่ปล่อยให้โบรลี่กลายเป็นซูเปอร์ไซย่าในตำนาน รางวัล: พลัง +1 ล้าน!”
“ทางเลือกที่สอง: ร่วมมือกับโกคูและคนอื่นๆ เพื่อเอาชนะโบรลี่ รางวัล: พลัง +3 ล้าน!”
“ทางเลือกที่สาม: เอาชนะโบรลี่ตัวคนเดียว รางวัล:พลัง +5 ล้าน!”
ภารกิจที่จะมอบแค่พลังให้เป็นรางวัลงั้นเหรอ?
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลินเฉินเลือกรางวัลสูงสุด
“ระบบ ข้าเลือกทางเลือกสาม!”
ในทั้งสามทางเลือก ทางเลือกแรกง่ายที่สุด
หลินเฉินรู้วิธีแก้ปัญหาที่ไม่ต้องนองเลือดอยู่แล้ว
นั่นคือการควบคุมพารากัสทันที บังคับเขาและจากนั้นก็ต้องทำให้แน่ใจว่าโกคูจะไม่มาเจอกับโบรลี่
ตราบใดที่ทำทั้งสามสิ่งนี้เสร็จ ในอีกไม่กี่วันดาวหางก็จะพุ่งชนดาวเคราะห์เบจิต้าใหม่ โบรลี่จะไม่ตาย แต่เขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและพารากัสกับคนของเขาก็จะตกนรกไปพร้อมกับดาวหาง จากนั้นภารกิจก็จะสำเร็จได้อย่างง่ายดาย
ส่วนทางเลือกที่ 2 จะคล้ายกับเนื้อเรื่องของงานต้นฉบับ ในเวลานั้น โกคู ซูเปอร์ไซย่าอีกสี่คนและพิคโกโร่สามารถเอาชนะโบรลี่ได้ หลังจากผ่านการต่อสู้อันแสนดุเดือด ตอนนี้พอเมื่อรวมกับหลินเฉินแล้ว โอกาสที่จะชนะก็น่าจะสูงขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกที่หนึ่งหรือทางเลือกที่สอง สำหรับหลินเฉินมันล้วนเป็นทางเลือกที่แสนขี้ขลาด
หลินเฉิน ในฐานะราชาแห่งชาวไซย่าผู้ที่จะท้าทายแม้แต่เทพเจ้าในอนาคต ถ้าเขาถอยตั้งแต่ตอนนี้ เขาจะมีความกล้าหาญพอที่จะท้าทายเทพเจ้าในอนาคตได้อย่างไรกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโบรลี่ แต่หลินเฉินก็มีสุดยอดไพ่ตายในมือของเขาอยู่
"ติ้ง! ผู้ใช้ทำการเลือกเสร็จสิ้นแล้ว โปรดทำภารกิจให้เสร็จโดยเร็วที่สุด!”
“เดี๋ยวก่อนระบบ ข้าต้องการยืนยัน ในการเอาชนะโบรลี่ด้วยตัวข้าคนเดียว ถ้าเกิดก่อนหน้านั้นเขาต่อสู้จนเหนื่อยจะได้ไหม? หรือว่าข้าต้องต่อสู้กับโบรลี่ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตัวคนเดียว?”
หลินเฉินต้องยืนยันเรื่องนี้อย่างชัดเจนก่อน มิฉะนั้นเมื่อเขาต่อสู้และโกคูก็เข้ามาแทรกแซงพร้อมกับต่อยสองสามครั้ง มันคงไม่ดีถ้าเขาไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้
“ขอตอบกลับผู้ใช้ โบรลี่มีความแข็งแกร่งอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่ผู้ใช้แน่ใจว่าไม่มีคนช่วยสู้ระหว่างที่ท่านเริ่มต่อสู้ ก็ไม่มีปัญหา การที่มีคนต่อสู้ก่อนผู้ใช้จะสู้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำภารกิจให้เสร็จสิ้น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฉินก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากนั้น ยานอวกาศก็ลงจอดที่ดาวเคราะห์เบจิต้าใหม่
เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เห็นว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำบนดาวดวงนี้ ที่มีเพียงอาคารสูงลอยขึ้นมาจากซากปรักหักพัง
เอเลี่ยนสีเขียวขนาดเล็กจำนวนมากกำลังเคลื่อนย้ายหินและสร้างอาคารสูงใหม่
แต่หลินเฉินรู้ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นโดยพารากัสเพื่อหลอกลวงเบจิต้า
หลังจากลงจากยานอวกาศ พารากัสและทั้งกลุ่มก็มาถึงพระราชวังที่อยู่ไกลออกไป
ที่นั่นมีกลุ่มวายร้ายจากทั่วทั้งกาแล็กซี่ที่กำลังตะโกนชื่อของเบจิต้าเพื่อต้อนรับเขาอยู่
หลินเฉินที่อยู่ในฝูงชนก็เห็นเป้าหมายของภารกิจแล้ว โบรลี่ของจักรวาลนี้!
เมื่อเทียบกับโบรลี่ในจักรวาลของเขา โบรลี่ในโลกนี้ดูอ่อนแอกว่าด้วยรูปลักษณ์ที่เปราะบางและสีหน้าที่ราบเรียบ
แต่หลินเฉินรู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงการหลอก
ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่สงบนิ่งของโบรลี่ เขาซ่อนหัวใจของทรราชไว้อยู่
เมื่อเทียบกับโบรลี่ในโลกของเขา โบรลี่ในโลกนี้ชั่วร้ายและปราศจากความเมตตา
“ฝ่าบาท เขาคือลูกชายของข้าโบรลี่ ข้าหวังว่าท่านจะสามารถแนะนำเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” พารากัสพูดด้วยรอยยิ้มอันแสนปิติยินดี
เบจิต้าเหลือบมองโบรลี่ โดยที่ไม่ได้สนใจมากนัก
อันที่จริงในมุมมองของเบจิต้า โบรลี่ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าโกฮังด้วยซ้ำ
แต่หลินเฉินกับระบบของเขาสามารถเห็นได้ว่าระดับพลังร่างปกติของโบรลี่นั้นสูงถึง 1.6 ล้าน ซึ่งสูงกว่าหลินเฉินและเบจิต้าเสียอีก!
ทว่าตอนนี้โบรลี่กำลังสวมอุปกรณ์ปกปิดพลังงานที่เป็นที่คาดผมบนศีรษะของเขาอยู่ ดังนั้นเบจิต้าจึงไม่ได้สังเกตเห็นและคิดว่าโบรลี่เป็นเพียงคนอ่อนแอ
“สวัสดีขอรับ ข้าชื่อโบรลี่” โบรลี่ทักทายอย่างสุภาพ
เบจิต้าพยักหน้าตอบแล้วเดินเข้าไปในวังต่อ
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ ทหารคนหนึ่งก็รายงานว่า: "ขอรายงานขอรับ! ซูเปอร์ไซย่าในตำนานได้ปรากฏตัวบนดาวเคราะห์โทโดคามะแล้ว !”
"ว่ายังไงนะ?" เบจิต้าหยุดลงและพูดทันที “ไปกันเถอะ ข้าอยากเจอซุปเปอร์ไซย่าในตำนานคนนั้น! โบรลี่ ตามข้ามา!”
ทั้งสองคนเดินออกจากวังทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ทรังคซ์ก็อยากจะโน้มน้าวก่อน ทว่าเขาดันถูกพูดสวนกลับมาว่า “ถ้าเจ้ากลัวก็ไม่ต้องมา”
เมื่อพาโบรลี่เดินออกจากวังแล้ว ขณะที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปยังยานอวกาศ โบรลี่ที่เดินผ่านหลินเฉินก็หยุดลงทันที
"โบรลี่?" เมื่อเห็นลูกชายของเขาไม่ได้ติดตามเบจิต้าไป พารากัสก็ถามออกมา แต่พอเห็นโบรลี่จ้องมองไปทางหลินเฉิน สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
"เอ่อ?"
หลินเฉินเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าโบรลี่จะสัมผัสได้ถึงสายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนานในร่างกายของเขา
คนสองคนที่มีสายเลือดเดียวกันสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของพลังเดียวกัน ในร่างกายของกันและกัน
สายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนาน เป็นสายเลือดพิเศษที่ปรากฏในพันปี มันจึงถือได้ว่าเป็นสายเลือดราชวงศ์ที่แท้จริงของชาวไซย่า
ซึ่งจะมีราชาได้เพียงองค์เดียวเท่านั้น โบรลี่ ที่มีสายเลือดของราชารู้สึกเป็นศัตรูกับหลินเฉินได้โดยสัญชาตญาณ
แต่หลินเฉินไม่อยากทำอะไรออกนอกหน้า เขาจึงมองกลับไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ทั้งสองจ้องหน้ากันอย่างเงียบงันชั่วครู่หนึ่ง ออร่าที่ไม่ชัดเจนยังคงปะทะกันอยู่เนื่องๆ