ตอนที่แล้วบทที่ 130: เส้นตายที่ไม่อาจฝ่า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 132: เก็บกวาดสนามรบและประโยชน์ของโอเกอร์!

บทที่ 131: จับโอเกอร์!


เมื่อเหล่าโอเกอร์ที่มีความสูงถึงสี่ห้าเมตรพุ่งเข้ามามันย่อมทำให้ฝ่ายตรงข้ามที่เห็นรู้สึกว่าพวกมันช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกินจะกล่าว ปานว่าอีกอึดใจเดียวก็จะถูกพวกมันบดขยี้บี้แตกละจับกิน!

เหล่านักรบเชิ่งหลงที่เห็นพวกมันพุ่งเข้ามาก็ตึงเครียด

บางทีกำแพงเมืองที่สูงกว่า 10 เมตรอาจสามารถต้านทานมอนสเตอร์ธรรมดา ๆ ได้อยู่ แต่เมื่อเจอกับร่างยักษ์สูง 50 เมตรที่ฆ่าไม่ยอมตายง่าย ๆ แล้วแล้วมันก็ไม่แน่ว่าจะมีประโยชน์มากนัก เอาจริง ๆ แค่คิดก็สิ้นหวังแล้ว

ด้านถังเจิ้นย่อมแลเห็นปฏิกิริยาของทุก ๆ คน ทว่าเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะไม่ว่าจะเสกสรรค์ปั้นแต่งคำพูดสวยหรู่มากมายขนาดไหนออกมาก็ไม่เจ๋งเท่าตัดหัวศัตรูให้เห็นในสนามรบกันไปเลย ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำจึงไม่ใช่การพูดมากแต่เป็นการปิดฉากไอ้พวกโอเกอร์ตะกละพวกนี้ให้เรียบร้อย

“เตรียมตัวให้พร้อม! รอฟังคำสั่ง!”

ถังเจิ้นออกคำสั่งเสร็จก็ทะยานร่างออกไปและตกลงที่พื้นใต้กำแพงเมืองในพริบตา จากนั้นก็ไม่หยุดอยู่เฉย ๆ ร่างกายกระพริบวาบผ่านฝูงมอนสเตอร์เลเวลต่ำทั้งหลาย

และเมื่อเขาหยุดก็เห็นว่าในมือถืออาวุธเรียวยาวข้างละชิ้นซึ่งมีคราบเลือดติดและหยดติ๋ง ๆ แล้ว พร้อมกันนั้นพวกมอนสเตอร์ที่เขาพุ่งผ่านเมื่อกี๊ก็เหมือนกับมีใครเอาปากกาจุ่มเลือดขีดเส้นลากผ่านตัวพวกมันก่อนที่ร่างกายจะแยกออกเป็นสองส่วยตามรอยขีดนั้น

ตัวแรกล้มไปโดนตัวที่สอง ตัวที่สองก็ล้มไปโดนตัวที่สามเป็นทอด ๆ ไปเหมือนโดมิโน่เกิดเป็นเส้นทางที่ปูด้วยซากศพ

ฉากอันแสนเท่ห์ระเบิดนี้ทำให้ทุกคนในเมืองเชิ่งหลงต่างส่งเสียงเฮสนั่นอย่างพร้อมอกพร้อมใจกัน!

ถังเจิ้นเพิกเฉยต่อเสียงเชียร์ข้างหลัง สายตายังคงจับจ้องที่ไอ้ตัวยักษ์ที่วิ่งมาตรงหน้า หรี่ตาเล็กน้อยจากนั้นก็ออกตัววิ่งเข้าใส่โอเกอร์ที่สูงประมาณ 5 เมตรตัวหนาตึ้บปานกำแพงเมือง

โอเกอร์ที่วิ่งอยู่ข้างหน้าเห็นเผ่ามนุษย์พุ่งเข้ามาหาก็คำรามอย่างตื่นเต้นดีใจทันที มันยื่นมือโต ๆ พยายามที่จะคว้าตัวถังเจิ้นใส่ปากเคี้ยวกินให้สะใจในคำเดียว

มันมีความคิดที่เรียบง่ายมาก นั่นคือเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นอาหารอ่อนแอแต่อร่อยที่ชอบส่งเสียงเอะอะโวยวาย!

ยิ่งไอ้อาหารตัวตรงหน้านี่แล้วเหมือนจะกระเหี้ยนกระหือรืออยากฆ่าพวกตนแล้วมันก็...

อยากจะหัวเราะให้เขี้ยวหัก พวกมันคือผู้ที่ทั้งฆ่าทั้งกินมนุษย์มาโดยตลอด ไอ้การจะมาโดนมนุษย์ฆ่าเนี่ย... โอ๊ย ขำปอดโยก อาหารมันจะแว้งกลับมาล่าคนกินได้ไงกัน?

ที่เผ่าพันธุ์อื่นอาจมีบ้าง ไอ้การต่อต้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อยากฆ่าเผ่าพันธุ์ของพวกมัน... ...แต่อย่างน้อย ๆ เท่าที่ตัวมันจำได้ก็ไม่เห็นจะเคยมีเลยซักครั้ง

ดังนั้นยามเมื่อมันเห็นถังเจิ้นรีบวิ่งไปหาไอ้เจ้าโอเกอร์มันก็เลยตัดสินตามความเคยชินไปแล้วว่าไอ้มนุษย์ตรงหน้าก็แค่อาหารอร่อย ๆ ที่วิ่งเข้ามาหาด้วยตัวเองเท่านั้น!

ทว่าสิ่งที่มันไม่ได้คิดฝันมาก่อนแน่นอนคือคืนวันของมันหลังจากวันนี้จะต้องเลวร้ายยิ่งกว่าตายซะอีก

ถังเจิ้นเร่งความเร็วจนถึงขีดสุด เมื่อเขากับมันใกล้จะแตะตัวกันเขาได้ฉากหลบกรงเล็บขนาดใหญ่ยักษ์ของมันได้สำเร็จ แล้วฟันใส่หัวเขาของมันอย่างแรง

ฉับ! โฮกกกกกกกกกกก!

เกิดเสียงอะไรบางอย่างโดนตัดขาดพร้อมกับเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เข่าของมันถูกผ่าแยกออกอย่างกะทันหัน ไอ้เจ้าโอเกอร์ที่เสียสมดุลก็ล้มลงกับพื้นทันที ทว่ามันก็สมกับเป็นเผ่าโอเกอร์ เพราะมันไม่สนความเจ็บปวดยังคงพยายามสะบัดมือตบใส่ถังเจิ้นอยู่ดี แต่เขาก็สามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย

ถังเจิ้นซึ่งตอนนี้ถูกฝูงโอเกอร์รุมล้อมก็ไม่ได้กลัว เขาทำการตั้งค่าแอปไปด้วยหลบการโจมตีของพวกมันไปด้วย ในใจก็อยากลองดูเหลือเกินว่าแอปนี้จะใช้ได้ผลมั้ย ถ้าได้ผลล่ะก็มันจะเป็นอะไรที่แจ่มแมวมาก ๆ

พวกไทสันที่เห็นว่าถังเจิ้นซึ่งโดนกลุ่มโอเกอร์รุมอยู่เหมือนจะตกอยู่ในอันตรายก็ไม่กล้าลังเล จัดการเล็งปืนกลหนักยิงถล่มเข้าใส่พวกมันบริเวณเอวใหญ่ ๆ

ด้วยกระสุนของอาวุธหนักที่สาดออกไปอย่างต่อเนื่องส่งผลให้การเคลื่อนไหวของพวกมันช้าลง เลือดข้น ๆ สาดกระเซ็นออกมาทุกครั้งที่กระสุนยิงถูกเนื่องจากมีเนื้อที่ถูกแรงกระสุนฉีกจนกระเด็นออกจากตัว ทว่ากล้ามเนื้อของมันก็มีการแปรสภาพเหมือนมีตัวหนอนดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนจากบริเวณปากแผลทำให้เลือดหยุดไหลทันที และเมื่อกล้ามเนื้อดังกล่าวสามารถจับกันได้ก็จะสร้างเนื้อขึ้นมาใหม่ปิดปากแผลอย่างรวดเร็ว

ไอ้เจ้าพวกยักษ์ตัวใหญ่ได้แต่เอากระดูกอันมหึมาในมือหัวมั่วไปเรื่อยด้วยความเจ็บปวดจากการถูกยิง แม้พวกมันจะพยายามกระทืบเท้ายังไงแต่ก็ไม่อาจแตะต้องไอ้หนู่ท่อที่ว่องไวจัด ๆ ตัวนี้ได้เลย

จนในที่สุดถังเจิ้นก็ตั้งค่าแอปจนพร้อมแล้ว ก่อนอื่นเขาเปิดโดยการยกมือขึ้นแล้วกระซิบภาษาแปลก ๆ ออกมาก่อน จากนั้นก็ได้มีโซ่เส้นยาวที่หนาขึ้นในชั่วพริบตาเข้าพัวพันปิดล้อมไอ้พวกโอเกอร์ทั้งหลาย

และเมื่อถังเจิ้นตะโกนอีกครั้งและโซ่สีเขียวเส้นนั้นก็ได้กระชับรัดตัว ทุก ๆ คนที่เห็นต่างก็เหม่อลอยเพราะไม่รู้ว่าไอ้พวกโอเกอร์ที่ตัวใหญ่โตขนาดนั้นโดนโซ่ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้มัดจนดิ้นไม่หลุดได้ยังไง

โซ่บ้าอะไรกันวะเนี่ยยยยยยยยย!

ขณะที่ทุกคนกำลังงงอยู่นั้นเองถังเจิ้นก็ไม่ได้อยู่เฉย เขายิ้มเยาะไอ้พวกตัวยักษ์ที่โดนจับมัดรวมกันแล้วกดสั่งให้แอปพลิเคชันทำงาน

จิ้ว ๆ ๆ ๆ สับ ๆ ๆ ๆ...

ลำแสงเลเซอร์จำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาอย่างตัวตัดหัวเข่าของโอเกอร์ทั้งห้าตัวด้วยความเร็วชนิดที่ตาแทบจะมองตามไม่ทัน ไอ้พวกโอเกอร์ก็แหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

และเพราะความเจ็บปวดพวกมันก็ยิ่งดิ้น จึงทำให้พวกมันที่ลูกสะบ้าเข่าทั้งสิบโดนตัดกระเด็นไปหมดแล้วต้องล้มลงไปกองกับพื้น แผลรอยตัดนั้นประณีตเรียบเนียนไม่มีรอยเลือด แต่ก็มีเม็ด ๆ งอกออกมาดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ เหมือนตัวหนอนที่หมายจะจับกับชิ้นส่วนร่างกายและเชื่อมต่อกลับดังเดิม

ซึ่งผลงานในการตัดลูกสะบ้าได้เนี้ยบเฉียบขนาดนี้ขอยกความดีความชอบให้กับแอปเครื่องแกะสลักซุปเปอร์เลเซอร์ ซึ่งไม่นึกเลยว่านอกจากจะเอาไว้แกะสลักสิ่งของแล้วมันยังเอามาใช้ตัดร่างของมอนสเตอร์เป็น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพแบบนี้ด้วย!

เพียงแต่มันก็ยังมีข้อเสียอยู่ตรงที่เงื่อนไขในการใช้ เพราะว่าต้องใช้ในระยะใกล้ และเป้าหมายต้องอยู่เฉย ๆ ต้องมีการตั้งค่าเพื่อกำหนดขอบเขตบริเวณที่จะตัดและอื่น ๆ ทำให้มันกลายเป็นข้อจำกัดที่ไม่อยากเอามาใช้ได้ทุกครั้งยามที่ต่อสู้กับศัตรู

แต่กระนั้นไอ้พวกโอเกอร์ฝูงนี้ก็ถือว่าจบเห่แล้ว พวกมันไม่มีอนาคตแบบอื่นนอกจากการถูกจับไปทดลองทั้งเป็น!

เหล่าทหารหาญบนกำแพงพูดอะไรไม่ออกกับภาพที่เห็นไปตั้งนานแล้ว แววตาที่ถลนมองนั้นเต็มไปด้วยความตกใจปนเปไปกับความปีติยินดีรวมไปถึงความรู้สึกชื่นชมอย่างไม่รู้จบต่อถังเจิ้น

ดังนั้นการต่อสู้ป้องกันเมืองจึงได้มาถึงบทสรุป เพราะกองกำลังหลักของการบุกครั้งนี้ซึ่งก็คือโอเกอร์ทั้ง 5 ตัวถูกปราบปรามลงโดยสิ้นเชิงแล้ว เหล่ามอนสเตอร์เลเวลต่ำที่มาตามกฎของฟ้าดินเริ่มได้สติกลับมา ซึ่งพวกมันตกใจกับฉากที่เห็นกันสุด ๆ จนต้องแย่งกันวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทำให้เพียงแค่พริบตาเดียวก็ไม่เหลือพวกมันให้เห็นอีกเลยซักตัวเดียว จะมีก็แต่พวกที่กลายเป็นซากศพไปหมดแล้วเท่านั้น

“ชนะแล้วโว่ยพี่น้อง!”

ทุกคนที่อยู่บนกำแพงทยอยพากันใช้เชือกโรยตัวลงจากำแพงแล้วมาดูไอ้โอเกอร์ทั้ง 5 ตัวที่แม้ลูกสะบ้าเข่าจะโดนตัดไม่เหลือแต่ยังคงดิ้นรนไม่รู้จักหยุดหย่อนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ท่านเจ้าเมืองสวดยวดเกินไปแล้ว!”

จิมมี่พูดกับถังเจิ้นอย่างตื่นเต้น แต่สายตาของไอ้หนุ่มนี่กลับเอาแต่จ้องมองปากของพวกโอเกอร์พร้อมกับคิดคำนวณอยู่ในใจว่าจะเอาฟันของไอ้ตัวไหนมาทำสร้อยคอดี

โอเกอร์ทั้ง 5 ที่เคยอหังการในแดนทุรกันดารบัดนี้ไม่ต่างจากปลาบนเขียงที่รอให้คนมาแล่ อารมณ์อันหาได้ยากที่เรียกว่าความกลัวได้เข้ากัดกินหัวใจของพวกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือไอ้อาหารตัวแห้งนั่นไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงได้มองปากของพวกมันด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ

หรือว่าจะถูกไอ้พวกอาหารนี่จับกิน!

เมื่อนึกถึงเรื่องถูกกินกินขึ้นมาพวกมันก็จิตตก เพราะการตายแบบนั้นมันน่าอับอายไปยันบรรพบุรุษเลยทีเดียว...

ส่วนถังเจิ้นนั้นไม่รู้หรอกว่าไอ้พวกโอเกอร์มันคิดอะไรอยู่ ซึ่งถ้ารู้เขาคงจะถุยน้ำลายใส่หน้าพวกมันให้ครบทุกตัว เพราะตัวเขาที่มีอาหารดี ๆ กินอย่างไม่ขาดจะมาเสียเวลาสนใจอยากกินเนื้อเหม็น ๆ ของพวกมันทำไม ที่เขาจะทำคือเอาพวกมันมาศึกษาอย่างละเอียดต่างหาก

ซึ่งหากพวกมันรู้ว่าถังเจิ้นคิดอะไรอยู่ล่ะก็ พวกมันคงคิดว่ายอมให้ไอ้พวกอาหารนี่เอาตัวเองลงหม้อไปเลยดีกว่าจะได้จบ ๆ โดยไม่ต้องทรมาน!

เหล่าชาวเมืองเชิ่งหลงที่ได้ยินข่าวชัยชนะในการต่อสู้ต่างโห่ร้องยินดีวิ่งไปที่ด้านล่างของกำแพงเมืองและรีบเคลื่อนย้ายกระสอบทรายที่ใช้ปิดทางเข้าทำให้เปิดทางได้ในเวลาอันสั้น

เมื่อมองดูซากศพของมอนสเตอร์และโอเกอร์ 5 ตัวที่ขาหักทุกคนก็กระซิบกระซาบกันอีกครั้ง จากนั้นก็โค้งคำนับให้แก่ท่านเจ้าเมืองและทหารหาญที่ปกป้องเมืองด้วยความเคารพอย่างถึงที่สุด

นี่คือสิ่งที่ชาวเมืองต้องทำเพื่อแสดงออกแก่เหล่านักรบอยู่แล้ว แค่ยอมรับมันด้วยความสบายใจไม่จำเป็นต้องหลบหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด