ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 28
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 30

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 29


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 29

“อาจารย์พึ่งบอกว่าจะสอนผมเรื่องคุณสมบัติเหรอครับ?”

ราอนขมวดคิ้ว มองผมและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของริมเมอร์ เขาดูไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดเดียว

“ฮ่าๆ! เธอดูเหมือนไม่เชื่อฉันนะ”

ริมเมอร์หัวเราะคิกคักออกมา

“รู้ไหมว่าฉันสอนเก่งมากเลยนะ! ถึงจะ…ขี้เกียจไปหน่อย”

“…”

ที่ริมเมอร์พูดนั่นก็จริง การสอนของเขาไม่ได้ช่วยเด็กได้ทุกคน แต่ก็ช่วยให้เด็กบางคนพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด

“เลิกสงสัยเถอะน่า แล้วตามฉันมานะ”

“ไม่ได้สอนที่นี่เหรอครับ?”

“ไม่ๆ ไปเตรียมตัวให้พร้อมแล้วตามฉันมาเร็วเข้า”

“… เข้าใจแล้วครับ”

ราอนไปที่ห้องของเขาและถอดเสื้อผ้าชั้นนอกเก็บไว้

ได้เจอหน้าไอ้หูแหลมนั่นแต่เช้าเลย วันนี้เจ้าต้องโชคร้ายแน่ๆ

'ก็ได้เห็นหน้าเขาทุกวันไม่ใช่รึไง?'

เขาออกจากอาคารรองทันทีหลังจากแต่งตัวเสร็จ

"เราต้องไปที่ไหนเหรอครับ?"

“ไปภูเขาสุสานตอนเหนือ”

ริมเมอร์ชี้ไปที่ภูเขาสูงตระหง่านหลังอาคารรอง มันเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบที่ดินของซีกฮาร์ททั้งหมด ไม่เพียงอยู่ติดกับอาคารเสริมเท่านั้น แต่ยังอยู่ติดกับอาคารหลักด้วย

"ไปกันเลยเถอะ!"

"ได้ครับ"

ราอนเดินขึ้นไปบนภูเขาตามริมเมอร์

“ตรงนี้ก็น่าจะได้นะ”

ริมเมอร์หยุดเดินหลังจากขึ้นเขามาประมาณยี่สิบนาที  บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราบโล่งๆ และไม่มีต้นไม้เลย

“เรามาที่นี่ทำไมครับ?”

น้ำเสียงของราอนนั้นดูไม่ใส่ใจ แต่จริงๆ

แล้วเขากำลังรอคอยสิ่งที่ริมเมอร์กำลังจะสอนเขาอยู่

“ไม่ต้องประหม่าไป ฉันอยากให้เธอค่อยๆ สัมผัสมัน”

“สัมผัสเหรอครับ?”

"ใช่"

ทันใดนั้นเองก็มีลมสีเขียวเข้มก็พัดเข้ามาทางพวกเขา

“เชื่อใจฉันนะ ยืนอยู่นิ่งๆ ตรงนั้นแหละ”

“จะบอกให้ผมเชื่อใจคุณ… หืม?”

ผมด้านหน้าของเขาปลิวไสวไปตามสายลมซึ่งคล้ายกับกลิ่นหอมของฤดูใบไม้ผลิ

ครั้งต่อมาก็เป็นลมเย็นๆ ที่สัมผัสได้เฉพาะในป่าฤดูร้อน ลมที่พัดมาช่วยให้เขาหายเหนื่อยล้าจากการไต่เขา

ลมที่สามคือลมฤดูหนาว  ลมเย็นๆ พัดมาปะทะผิวของเขา มันทำให้เขาหนาวไปถึงกระดูกราวกับอยู่ในพายุฤดูหนาว

จากนั้นสายลมก็เปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่ง

ลมสีเขียวเข้มทั้งสี่ฤดูกลายเป็นใบมีดที่แหลมคมและโอบล้อมราอน

“ฉันสามารถสร้างสายลมให้เป็นใบมีดเพื่อปกป้องใครก็ได้”

เสียงของริมเมอร์ดังผ่านคลื่นลมเข้ามา

ฉับ!

พายุใบมีดตัดทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวราอนให้ขาดออกจากกัน แต่ราอนก็ไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่นิด

“นี่คือคุณสมบัติสายลมของฉันเอง”

ราอนยืนนิ่งหลังจากได้สัมผัสพลังของลมพายุสีเขียว

ซูม!

แรงลมที่รุนแรงหายไปแล้ว และริมเมอร์ก็ยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์

“เธอไม่กลัวหน่อยเหรอ?”

“ก็คุณไม่ได้จะโจมตีผมนี่ คุณบอกผมเองว่าอย่าขยับ”

“เธอดูไม่เหมือนเด็กทั่วๆ ไปจริงๆ ด้วย ไม่ว่าฉันจะดูยังไงก็ไม่เหมือนเด็กเลย”

ริมเมอร์ฉีกยิ้มค้างและดีดนิ้วให้แรงลมที่หลงเหลืออยู่หายไปจนหมด

“การเรียนรู้เทคนิคการปลูกฝังที่เกี่ยวข้องกันกับพลังในตัวจะทำให้มันทรงพลังมากเป็นพิเศษ แต่ก็เรียนรู้ได้ยากกว่าปกติอยู่เหมือนกัน”

หลังจากสิ้นเสียงของเขาสายลมก็โบกสะบัด ราวกับว่ามันกำลังเต้นรำ

“ฉันสัมผัสได้ถึงสายลมตั้งแต่เกิดมาเลยเพราะฉันเป็นเอลฟ์ แต่กับเธอมันไม่เหมือนกัน เธอเป็นมนุษย์  วงจรมานาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำแข็งอีก มันจะต้องยากแหงๆ”

"ใช่ครับ"

ราออนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย 'การปลูกฝังหมื่นเปลวเพลิง' เป็นเทคนิคที่ซับซ้อน แล้วมันยิ่งยากขึ้นไปอีกสำหรับการที่เขาจะเรียนรู้ เพราะเขาต้องควบคุมพลังงานไฟที่ตรงกันข้ามกับน้ำแข็งในวงจรมานาของเขาด้วย

“สายลมสามารถเป็นได้หลากหลายรูปแบบ จะเปลี่ยนให้เป็นลมแบบอุ่น แบบเย็น หรือแหลมคมก็ได้  ฉันเคยอยากได้ดาบแห่งสายลมที่สามารถแทงทะลุทุกสิ่งได้ และตอนนี้ฉันก็ทำมันได้สำเร็จแล้ว”

สีหน้าของริมเมอร์มีความภูมิใจเอามากๆ ขณะที่เขาพูดถึงสิ่งที่เขาคิดค้นขึ้นมาได้

“เธอเองก็ต้องพยายามค้นหามันด้วย  ลองสร้างจินตภาพจากพลังไฟที่เธอมีดูสิ”

“จินตภาพ…”

“เพื่อที่จะสร้างจินตภาพ สำคัญที่สุดคือต้องรู้สึกถึงความสัมพันธ์ของสิ่งนั้น”

“แต่ที่นี่อยู่ทางเหนือ จะให้ผมหาเปลวไฟจากที่ไหนล่ะ… หรือว่าจะให้ผมก่อไฟบนภูเขาเลย?”

“ถ้าเธอทำอย่างนั้น หัวของเราจะได้หลุดออกจากบ่าไปพร้อมกันแน่”

ริมเมอร์หัวเราะคิกคักแล้วโบกมือ ลมสีเขียวปรากฏขึ้นจากปลายเท้าของเขา

"คอยตามฉันมาละกัน"

“คราวนี้จะไปไหนอีกล่ะครับ?”

“ในเมื่อเธอสัมผัสถึงลมได้แล้ว คราวนี้ก็ไปหาไฟกันเถอะ”

***

ราอนวิ่งตามริมเมอร์ไปตามเส้นทางบนภูเขา  หลังจากวิ่งต่อเนื่องไปประมาณ 20 นาที ริมเมอร์ก็ลดความเร็วลง

ข้างหน้าเขามีหมอกควันหนาทึบลอยขึ้นมาจากป่าที่หนาวเย็น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างกะทันหันทำให้เขารู้สึกระคายเคืองตามตัว

'มันมาจากที่นั่นเหรอ?'

มีเตาดินเผาสีเทาติดกับตัวบ้านหลังหนึ่งที่ก่อด้วยอิฐสีแดง ความร้อนมาจากเตาเผาอันนั้นนั่นเอง

'ร้อนจัง…'

ภูเขาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่หนาวที่สุดในทวีปนี้แล้ว แต่เขากลับรู้สึกร้อน  เพราะไอร้อนที่ปล่อยออกมาจากเตาอันนั้น

“นี่! ตาแก่! ฉันมาเยี่ยม!”

ริมเมอร์เดินเข้าไปในบ้านราวกับว่าเป็นบ้านของเขาเอง และราอนก็เดินตามหลังเขาไป

ยิ่งเข้าใกล้เตาหลอมเขายิ่งรู้สึกร้อน เสื้อผ้าของเขาเริ่มเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ

“อืม…”

น้ำแข็งในวงจรมานาของเขาสั่นคลอนเพราะความร้อนที่ไม่คุ้นเคย  ราอนถึงกับขมวดคิ้วเมื่อความเจ็บปวดเริ่มเพิ่มมากขึ้น

ภายในบ้านหลังนี้มีเครื่องมือเพียงอย่างเดียว

เตาเผา มันเป็นเตาเผาที่สร้างขึ้นจากดินเหนียว ซึ่งปล่อยความร้อนมากพอที่จะทำให้บ้านทั้งหลังดูบิดเบี้ยว

ชายชราผมขาวนั่งอยู่หน้าเตาเผา แม้ตัวเขาจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแต่เขาก็ไม่ยอมละสายตาจากมัน

'นี่คือไฟจริงๆ เหรอ?'

ราอนกลืนน้ำลาย เขาเคยเห็นเปลวไฟมาหลากหลายรูปแบบในชีวิตที่แล้ว ตั้งแต่กองไฟที่เขาก่อเองไปจนถึงเวทมนตร์ไฟขั้นสูงที่นักเวทย์ใช้

เขาไม่เคยเห็นสิ่งใดที่เทียบได้กับความร้อนที่เกิดจากเปลวไฟตรงหน้ามาก่อน

พรึ่บ!

น้ำแข็งในวงจรมานาของเขาเริ่มกรีดร้อง มานารอบตัวเขาเริ่มเคลื่อนไหวไปตามกระแสของ'หมื่นเปลวเพลิง'ซึ่งเขายังไม่ได้รับมันมาด้วยซ้ำ

เสียงของเปลวไฟที่ลุกโชนดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา คลื่นความร้อนทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น  เขาละสายตาจากเตาหลอมไม่ได้เลยราวกับถูกมนต์สะกด

“นี่ตาแก่! ไม่สนใจผมเลยนะ”

ริมเมอร์ปัดเป่าความร้อนบนตัวเขาด้วยลมสีเขียว

“เปลวไฟจะมอดก็เพราะเจ้าเนี่ยแหละ!”

“เดี๋ยวก็ล้มเหลวอีกอยู่ดี..”

“ชิ…”

หลังจากหันมามองที่ริมเมอร์ ชายชราก็ถอนหายใจและโยนอะไรบางอย่างที่มีสีเทาเข้าไปในเตา

ซู่ว

และแล้วเปลวไฟที่ลุกโชนก็ค่อยๆ สงบลง ไฟอ่อนลงมากจนรู้สึกอบอุ่นแทน

“เอ่อ…”

ราอนเผลอถอนหายใจโดยไม่รู้ตัว  ทันทีที่เปลวไฟหายไป กระแสของ'หมื่นเปลวเพลิง'ที่ไหลผ่านวงจรมานาของเขาก็หายไปเช่นเดียวกัน ความเสียใจนี้ทำให้เขาตัวสั่น

“วันนี้แกเอาอะไรมาให้ฉันอีกล่ะ?  แล้วสิ่งนั้นคืออะไรกัน?”

ชายชราขมวดคิ้วมองไปที่ราอน มุมปากที่ต่ำลงและคิ้วที่เลิกขึ้นแสดงถึงบุคลิกที่หัวรั้นของเขา

"เอ๋!? 'สิ่งนั้น'เหรอ?  ตาแก่กล้าเรียกหลานชายของเจ้าตระกูลแบบนั้นได้ยังไงกัน!”

ริมเมอร์กำลังสอนมารยาทให้ชายชรา แต่ราอนคิดว่าเขาควรจะสอนตัวเองก่อนมากกว่า

“ฮึ่ม..  ฉันก็เป็นเพียงคนแก่ที่เกษียณไปแล้ว เว้นแต่ว่าท่านเจ้าตระกูลจะมาบอกฉันเองว่า… หืม?”

เขายืนขึ้นและหยุดมองหลังจากเห็นดวงตาและเส้นผมของราอน

“เส้นผมสีทองและนัยน์ตาสีแดง?  แล้วหน้าตาแบบนั้น…”

“เขาดูเหมือนท่านเจ้าตระกูลใช่ไหมล่า?  แต่ผมว่าราอนหล่อกว่านะ”

“อืม”

ชายชราพยักหน้าเห็นด้วย

“ฉันชื่อวัลแคน  อย่ามาถามหามารยาทจากฉันล่ะ”

'วัลแคน!'

ราอนพยายามควบคุมสีหน้า สายตาที่เขามองไปที่ชายชรานั้นดูตื้นตันอย่างมาก

'ไม่คิดเลยว่าเขาจะอยู่ที่นี่'

เขาเป็นช่างตีเหล็กที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เขาถูกเรียกว่าเป็นช่างตีเหล็กที่มีฝีมือที่สุดของทวีปนี้เลย เขามีชื่อเสียงจากการสรรสร้าง ดาบศรัทธาสวรรค์ ของเกล็น ซีกฮาร์ท

เขาหยุดการเป็นช่างตีเหล็กไปเมื่อ 30 ปีก่อน และเขาไม่ได้สร้างดาบที่มีชื่อเสียงออกมาอีกเลยนับตั้งแต่ดาบศรัทธาสวรรค์

“ผมราอน ซีกฮาร์ทครับ!”

ราอนโค้งคำนับให้โดยที่ไม่ได้สนใจกิริยามารยาทของวัลแคน  เขารู้เพียงต้องแสดงความเคารพต่อบุคคลผู้ยิ่งใหญ่

“หืม…”

สีหน้าไม่พอใจของวัลแคนอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อเจอการทักทายอย่างสุภาพของราอน

“หรือแกบอกเขาเกี่ยวกับฉันแล้ว…?”

"ไม่นะ"

ริมเมอร์ส่ายหัวแล้วหันกลับมาหาราอน

“ตาแก่คนนี้เป็นช่างตีเหล็กของซีกฮาร์ท”

“ฉันเลิกไปแล้ว!”

“อ๋อใช่ ช่างตีเหล็กที่เกษียณไปแล้วน่ะ และเขาก็พยายามจุดไฟที่นี่มานานกว่าสิบปีแล้วด้วย”

ริมเมอร์หันไปชี้เตาหลอมที่ไฟอ่อนลงไปแล้ว

“ที่นี่แหละ เธอจะสัมผัสได้ถึงเปลวไฟที่ร้อนแรงที่สุดในตอนเหนือได้จากที่นี่เท่านั้น”

* * *

* * *

“เทคนิคการปลูกฝังสำหรับคุณสมบัติไฟ อ้ะ…”

วัลแคนขมวดคิ้วหลังจากได้ยินคำอธิบายของริมเมอร์

“นี่แกพาเขามาที่นี่ทำไม?”

“เพราะที่นี่มีคนคอยจุดไฟอยู่ตลอดไง ไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่จะเหมาะสมในการเรียนรู้คุณสมบัติไฟเท่าที่นี่”

“แล้วที่ห้องทำงานของช่างตีเหล็กล่ะ?”

“สถานที่แบบนั้นมันเป็นจุดสังเกตมากเกินไป  ถ้าเขาถูกสังเกตเห็นก่อนที่จะเรียนรู้เทคนิคการปลูกฝังได้มันจะแย่เอาน่า”

"แล้วทำไมถึงให้ใครเห็นไม่ได้ล่ะ?"

“เพราะราอนเป็นลูกชายของซิลเวียไงครับ”

เมื่อได้ยินว่าเขาเป็นลูกชายของซิลเวีย ดวงตาของวัลแคนก็จับจ้องไปที่ราอนอีกครั้ง

“เฮอะ…”

เขาหันกลับมามองดูเปลวไฟสีส้มอย่างพิจารณา

“ผมจะไม่รบกวนคุณเลยครับ  ได้โปรดให้ผมสัมผัสพลังไฟนั้นด้วยนะครับ”

ราอนโค้งคำนับให้วัลแคนอีกครั้ง

'อยากเห็นมันอีกครั้งจัง…'

เปลวไฟของวัลแคนทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นและวงจรมานาของเขาก็สั่นคลอน เขาต้องการที่จะรู้สึกถึงเปลวไฟนั้นอีกครั้ง

“ฉันแค่กำลังจะทำถ่าน”

"ถ่านเหรอครับ?"

“ถ่านสีทองน่ะ มันจะทำให้ประสิทธิภาพในการตีดาบสูงมากกว่าถ่านสีขาวหรือสีดำ ถ้าเธอไม่เข้ามารบกวนในระหว่างที่ฉันทำมัน ฉันก็ไม่สนใจเธอหรอก”

"ขอบคุณมากเลยนะครับ!"

“อืม…”

ราอนโค้งคำนับอีกครั้ง วัลแคนหันหน้าหนีเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนกับความสุภาพของราอน

“ยอมได้สักทีสินะ… เอาล่ะราอน เธอจะต้องมาฝึกฝน'หมื่นเปลวเพลิง'ที่นี่ในตอนเช้ามืด แถวนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่แล้ว ชายแก่คนนี้ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเทคนิคการปลูกฝังหรอก เธอไม่ต้องกังวลอะไรเลย”

“เข้าใจแล้วครับ”

ราออนพยักหน้าตอบรับ เขาไม่รู้สึกถึงมานาใดๆ จากตัววัลแคนอย่างที่ริมเมอร์บอก

“ตาแก่, ออกมาคุยกันหน่อยสิ”

ริมเมอร์นำวัลแคนออกจากบ้านด้วยความดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาวางแผนไว้

“ใจดีเหมือนเดิมเลยนะตาแก่”

ริมเมอร์ยิ้มออกกว้าง แขนของเขากำลังวางพาดอยู่บนไหล่ของวัลแคน

“ช่วยดูแลราอนให้หน่อยแล้วผมจะเอาอะไรดีๆ มาให้ ชอบไวน์ผลไม้ไหมล่ะ?”

“ฉันไม่ได้ยอมเพราะแกหรอกนะ”

“หือ?”

“เมื่อกี้พอเด็กคนนั้นมาถึงเปลวไฟในเตาก็ปะทุรุนแรงขึ้นมาเลย ฉันคิดว่าเขาน่าจะช่วยฉันได้”

วัลแคนขมวดคิ้ว เขาหันไปมองถ่านที่มีสีเหลืองอ่อนๆ

“นานมากแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นถ่านมีสีแบบนี้”

“ตาแก่ก็รู้สึกเหมือนกันล่ะซี่~”

“ฉันเป็นช่างตีเหล็กนะ เปลวไฟที่ฉันเห็นมาตลอดกำลังเปลี่ยนไป ไม่มีทางที่ฉันจะไม่รู้สึกหรอก”

ดวงตาสีเถ้าถ่านของวัลแคนเป็นประกาย

“ลมหายใจของเด็กคนนั้นมีพลังในการควบคุมเปลวไฟ…”

***

เช้าวันต่อมาก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ราอนวิ่งขึ้นภูเขาไปที่เตาเผาถ่านของวัลแคน ด้วยควันสีแดงที่พวยพุ่งขึ้นบนภูเขาอันมืดมิด การมองหาเตาเผาจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย

แม้จะได้ยินเสียงฝีเท้าของราอนเข้ามาแต่วัลแคนก็ยังเฝ้าดูเตาเผาแทนที่จะมองไปหาเขา

สายตาของวัลแคนยังคงจ้องมองไปที่เตาเผาอย่างจดจ่อแม้เหงื่อจะไหลย้อยไปทั่งร่างกาย ตอกย้ำความจริงที่ว่าเขาไม่ได้รับฉายาช่างตีเหล็กแห่งทวีปโดยไม่มีมูล

'ความร้อนนี่มัน...'

ราอนยืนอยู่หน้าเตาในจุดที่เขาสัมผัสถึงความร้อนได้มากที่สุด

คลื่นความร้อนอันรุนแรงได้แผดเผาผิวหนังของเขาโดยตรง และน้ำแข็งก็เริ่มทิ่มแทงภายในวงจรมานาของเขา

“ฮื่ม…”

เขากัดฟันกับความเจ็บปวดที่เข้ามา เขาหายใจเอาไอน้ำสีเทาออกจากปากของเขา

มันเจ็บปวดซะจนเขาอยากจะวิ่งหนีไปเลย แต่หัวใจของเขากลับเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นจากไฟตรงหน้า

เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก หลังจากเขาเมินผ่านความเจ็บปวดไปได้ เขาก็เริ่มทบทวนพื้นฐานของ'การปลูกฝังหมื่นเปลวเพลิง'

ลมหายใจร้อนๆ ถูกเพิ่มเข้าไปในมานาที่เขาหายใจเข้าไป อากาศที่ขุ่นมัวถูกหายใจออกจากร่างกายของเขา

ราอนหลับตาลง เขาควบคุม'วงแหวนแห่งไฟ'ให้เริ่มหมุน และเริ่มต้นฝึกฝน'การปลูกฝังหมื่นเปลวเพลิง'ทันที

ครืน!

เมื่อไปถึงจุดสูงสุดของการทำสมาธิ ความเจ็บปวดที่มีอยู่ก็หายไป ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจากความร้อนเข้ามาอยู่ร่างกาย

“……”

วัลแคนหันมามองราอน เขาเคลื่อนไหวมือของเขาช้าลงหลังจากได้เฝ้าดูราอนทำสมาธิ

ตุบ

เป็นเสียงที่เขาโยนกิ่งไม้เข้าเตาเผาอีกครั้ง

***

สามเดือนผ่านไป นับตั้งแต่ราอนเริ่มการปลูกฝังออร่าที่เตาเผาถ่านของวัลแคน

เขาทำทุกวันจนเคยชินไปแล้ว ตอนนี้เขาสามารถไปถึงบ้านที่มีเตาเผาถ่านได้ภายในสิบนาที

เปลวไฟซึ่งรุนแรงกว่าครั้งแรกที่เขาเห็นกำลังปกคลุมไปทั่วบริเวณ  รอบๆเตาเผาเต็มไปด้วยคลื่นความร้อนขนาดใหญ่

'เขายังเหมือนเดิมเลย..'

วัลแคนไม่หันกลับมาหรือพูดอะไรทั้งๆที่รู้ว่าเขามาถึงแล้ว เขาเพียงแค่จดจ่ออยู่กับการเฝ้าดูเตาเผาถ่าน

ราอนเดินเข้าไปใกล้เตา พยายามไม่ให้เกิดเสียง

ทุกครั้งที่เขาก้าวไปหน้าเตาเผาจะมีอากาศร้อนๆเคลื่อนไปทั่วๆร่างกายของเขา

อากาศนั้นทำให้เขาหายใจลำบาก หลังของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ และน้ำแข็งในวงจรมานาของเขาก็ยังคำรามราวกับเป็นสัตว์ป่าอันดุร้าย

“ฮื่ม…”

มันเป็นความเจ็บปวดที่เขาไม่ชินสักที แต่ราอนก็ยังยิ้มได้อยู่ การได้มองไปที่เปลวไฟก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขารู้สึกดี

'ไฟ…'

เขาเริ่มเข้าใจมันแล้ว

หลังจากได้ใช้เวลาข้างกองไฟและได้ทำตามคำแนะนำของริมเมอร์ ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่าไฟคืออะไร

ผู้คนเคยกล่าวไว้ว่าไฟเป็นคุณสมบัติที่น่ากลัวที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด ถ้ารู้วิธีใช้อย่างเหมาะสมมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่สุดยอดที่สุดในบรรดาคุณสมบัติทั้งหมด

ราอนก้าวเข้าไปใกล้เตาไฟอีกก้าวหนึ่ง

พลังของ'หมื่นเปลวเพลิง'เคลื่อนไหวได้เองหลังจากได้ดูดซับความร้อนเหล่านี้

เปลวไฟภายในเตาหลอมปะทุขึ้นคล้ายกับลิ้นของปีศาจ มันกำลังตอบสนองต่อมานา

“ฮ้า…”

ราอนหายใจเอาอากาศที่เหลืออยู่ออกจากปอดและรับมานาร้อนๆเข้ามาไว้ในตัว

เขานำทางมานาที่กำลังร้อนไปยังวงจรมานาของเขา  เหล่าน้ำแข็งพยายามหนีจากความร้อนนี้ มันไหลไปตามกระแสของ'หมื่นเปลวเพลิง' และเข้าไปในศูนย์พลังงาน

“จินตภาพ…”

เมื่อการปลูกฝังเริ่มมั่นคง ราอนก็นึกถึงคำแนะนำของริมเมอร์ขึ้นมา ริมเมอร์บอกว่าเขาจำเป็นต้องสร้างจินตภาพขึ้นให้ได้

'อันดับแรกก็ไฟ...'

ราอนคิดถึงเป้าหมายหลักของเขา

นั่นคือการทำให้ซิลเวียเป็นส่วนหนึ่งของสายตรงอีกครั้งและตัดหัวของเดรุส โรเบิร์ตออก มันจะเหมือนกับการเดินผ่านความมืดมิดที่เขามองไม่เห็นอะไรเลย

เขาต้องการเปลวไฟที่สามารถกลายเป็นคบเพลิงเพื่อส่องสว่างบนทางของเขา เป็นเปลวไฟที่สามารถกลายเป็นดาบเพื่อกำจัดศัตรู

เขาต้องการเปลวไฟที่จะไม่ยอมมอดดับไม่ว่าจะเจอหิมะตกหรือฝนตกก็ตาม เป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันมอด …เขาต้องการเปลวไฟแบบนั้น

ขณะที่เขากำลังจินตนาการถึงเปลวไฟอยู่นั้น เหมือนกับมีสายฟ้าฟาดเข้าใส่จิตใจของเขาตรงๆ และหัวใจของเขาก็เต้นแรงไปหมด

วงจรมานาของเขาขยายขึ้นและหดตัวลงซ้ำๆ

ด้วยความร้อนที่ไหลผ่านอย่างรวดเร็วเหมือนกับลาวาที่ไหลละลายธารน้ำแข็ง ความร้อนวิ่งผ่านวงจรมานาของเขาและในที่สุดก็มาถึงศูนย์พลังงานของเขา

ก-แกร๊ก!

ก่อนที่พลังงานจาก'หมื่นเปลวเพลิง'ทั้งหมดจะรวมเข้าด้วยกัน ก็มีเสียงที่น่ากลัวดังกึกก้องภายในตัวของเขา

ถึงเวลาของราชาแห่งแก่นแท้แล้ว…

ราอนถึงกับขนลุกเสียวสันหลังวาบ แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในภวังค์ก็ตาม

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด