บทที่ 7: ช่วงเวลาที่ไม่มีความสุข
บทที่ 7: ช่วงเวลาที่ไม่มีความสุข
ณ เวลา 18.00 น.
ฉันทานอาหารเย็นกับน็อคตาร์ที่โรงอาหารของนักเรียนห้องฮีโร่
เป็นเรื่องยากที่คนต่างเผ่าพันธุ์จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนอกห้องเรียน แม้จะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันก็ตาม
มนุษย์ต่างก็อยู่กับมนุษย์
มนุษย์สัตว์ก็อยู่กับมนุษญ์สัตว์
ออร์คก็อยู่กับออร์ค
มนุษย์กิ้งก่าอยู่กับมนุษย์กิ้งก่า
ส่วนเอลฟ์ชอบการอยู่อย่างสันโดษ
แต่การทานอาหารเย็นกับออร์ค เป็นการดึงดูดสายตาที่อยากรู้อยากเห็นนับไม่ถ้วน
อึก...
ฉันทนความเจ็บปวดที่เสียดแทงในร่างกายของฉัน น็อคตาร์เสนอฉันว่าเขาจะสอนศิลปะการต่อสู้ให้ เพื่อแลกกับการให้ฉันสอนเขาเรียนหนังสือ
ปัจจุบันน็อคตาร์ อยู่ในอันดับที่ 71 จากนักเรียนปีหนึ่ง 200 คน ทว่าหากเราพิจารณาเฉพาะความแข็งแกร่ง เขาเป็นหนึ่งใน 10 อันดับแรกของปีหนึ่ง
ก็เหมือนกับที่นีกี้ตัวเอกของเรื่องที่ได้รับการสั่งสอนจากปรมาจารย์ ด้วยความช่วยเหลือของน็อคตาร์ มันก็จะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเขาตอนนี้มาก ซึ่งหากมันไม่อาจช่วยฝึกฝนร่างกายของฉันได้ แต่การฝึกด้วยกันก็จะทำให้ฉันดูตั้งใจฝึกฝนมากขึ้น เหมือนกับเป็นการสร้างภาพลักษณ์
หลังจากทานอาหารเสร็จ เราก็ได้ไปที่ห้องฝึกเฉพาะของห้องฮีโร่
สถานที่ตรงจุดนี้อยู่คนละชั้นกับห้องฝึกซ้อมที่ใช้โดยทุกสาย ซึ่งเป็นที่ที่นีกี้และปิเอลเคยไปเมื่อวันก่อนนี้
มีตู้ล็อกเกอร์สำหรับใช้ส่วนตัว รวมถึงพื้นที่สำหรับฝึกฝนเวทมนตร์และการต่อสู้ระยะประชิด มีกระทั่งพื้นที่ใช้ฝึกสำหรับเวลาเจอมือสังหาร
ห้องฝึกทั่วไปเทียบไม่ได้กับห้องนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่นักเรียนส่วนใหญ่หยุดพักจากการฝึกในวันอาทิตย์เมื่อห้องโถงนี้ปิดลง
ท่ามกลางห้องซ้อมมากมาย เราย้ายไปที่ห้องโถงซ้อม แม้ว่ามันถูกเรียกว่าห้องซ้อม แต่โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นเพียงแค่สนามประลอง
มีกฎว่าห้ามดวลกันในโรงเรียน
แต่ว่าห้องโถงซ้อมนี้เป็นข้อยกเว้น
โรงเรียนสนับสนุนการต่อสู้ระหว่างนักเรียน เพื่อกระตุ้นการแข่งขันขึ้น
พูดได้อีกอย่างว่าเป็นสถานที่ใช้ต่อสู้แบบถูกต้องตามกฎ
น็อคตาร์ กางแขนและขาออกกว้างแล้วพูดว่า "มาอุ่นเครื่องกันก่อนเถอะ"
ฉันพยักหน้าและเคลื่อนไหวตามเขา
หลังจากเสร็จสิ้นการอุ่นเครื่องท่าสุดท้าย น็อคตาร์ก็คว้าดาบไม้
"เริ่มต้นการซ้อม"
"จะดีเหรอ?"
“ฉันต้องรู้ระดับความสามารถของนายก่อนจึงจะสอนนายได้ เหมือนดั่งคำกล่าวตรงนั่น!” น็อคตาร์ชี้ไปที่วลีที่มีกรอบอยู่บนผนังด้านบน มันเขียนว่า "เอาชนะเพื่อเหนือกว่า"
เฮ้อ การประลองตัวต่อตัวกับออร์คเนี่ยนะ
ถ้าโชคดีคงจะรอดไปได้
"รอเดี๋ยว"
ฉันรีบมอง ไปที่ชั้นวางอาวุธ
มีอาวุธต่างๆ เช่น ดาบคาตานะ ดาบ ดาบสองมือ ดาบยาว กริช หอก ขวาน คันธนูและโล่
อาวุธทั้งหมดทำมาจากไม้
ฉันใช้อาวุธประเภทต่างๆ ในเกมมานับไม่ถ้วน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องใช้ในชีวิตจริง
ฉันหยิบดาบยาวและโล่ขึ้นมา ดาบยาวเป็นอาวุธหลักของธีโอในต้นฉบับ
ผู้เล่นใหม่อย่างฉันที่ไม่มีประสบการณ์ที่ต้องมาใช้อาวุธอยู่แล้ว
ฉันจึงลองเปิดหน้าต่างค่าสถานะดู
ดาบยาว [ระดับ: ปกติ] : ดาบยาวที่ทำด้วยไม้
คงหวังผลอะไรมากไม่ได้
โล่ [ระดับ: ปกติ] : โล่ซ้อมไม้
คงจะทนต่อแรงกระแทกอะไรได้ไม่มากนัก
ตามที่คาดไว้ ของจากอุปกรณ์ฝึกซ้อมไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ฉันติดโล่เข้ากับข้อมือซ้ายจนแน่น
แค่มีเกราะกำบังก็ทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้นบ้างแล้ว
มันทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวน้อยลง
เมื่อสวมอุปกรณ์พร้อมแล้ว ฉันยืนอยู่ตรงหน้าน็อคตาร์
ดวงตาของน็อคตาร์ดูมุ่งมั่นมากขึ้น
"เรามาเริ่มกันเลยไหม?"
"ได้อยู่แล้ว"
"ขยับเข้ามาสิ"
น็อคตาร์โบกมือ
ฉันพุ่งเข้าใส่เขาทันที
***
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงตั้งแต่เริ่มการฝึก
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก...”
ฉันนอนอยู่บนพื้น หายใจไม่ออก
...ฉันพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
น็อคตาร์ ใช้อาวุธต่างๆ ต่อสู้กับฉัน ทั้งดาบ หอก กริช และไม้พลอง
ฉันสามารถจัดการกับดาบ หอก กริช และไม้พลองได้ในระดับหนึ่ง
เพราะมันเป็นเทคนิคที่คุ้นเคยจากเกมต้นฉบับ
ฉันสามารถใช้เทคนิคของธีโอได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน
ฉันสามารถสู้เขาได้เกิน 10 นาที
ทว่าฉันไม่สามารถต่อสู้ได้เกิน 30 วินาทีเลยเมื่อเขาใช้ขวานมือเดียว
นี่คือความแข็งแกร่งระดับ 10 คนแรกของสายฮีโร่
น็อคตาร์หัวเราะอย่างชอบใจ และวางขวานมือเดียวไว้บนชั้นวางอาวุธ
“ทักษะดาบของนายค่อนข้างเงอะงะ แต่ก็ไม่เลว”
"...อย่างนั้นเหรอ?"
ฉันตอบทั้งที่ยังนอนกองอยู่บนพื้น
แม้ว่าจะขาดการฝึกฝน แต่ธีโอก็เป็นลูกชายของตระกูลฮีโร่ที่มีชื่อเสียง
เขาได้รับการศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์
หากเราพิจารณาเรื่องเฉพาะทักษะการใช้ดาบ จริงๆ แล้วเขาเก่งกว่าน็อคตาร์มาก
ทว่าด้วยส่วนสูง ความแข็งแกร่ง พลังกาย และความเร็วของฉันยังด้อยกว่าเขามาก
[ชื่อ: น็อคตาร์ เฮอร์ม็อด]
เพศชาย
อายุ: 11
เผ่าพันธุ์: ออร์ค
สังกัด: โรงเรียนเอลิเนีย ห้องฮีโร่ / เผ่าทะเลทรายเอเชียล
ความแข็งแกร่ง 12
กำลังกาย 12
มานา 5
ความอดทน 12
ทักษะติดตัว
สัญชาตญาณการต่อสู้ (ความสามารถติดตัว / ความสามารถสายเลือด) [ดูรายละเอียด]
พรแห่งเทพเจ้าสงคราม (ความสามารถติดตัว / ความสามารถสายเลือด) [ดูรายละเอียด]
เจ้าศาสตรา (ความสามารถติดตัว) [ดูรายละเอียด]
โลหิตโกรธา (ความสามารถติดตัว) [ดูรายละเอียด]
กายาแข็งแกร่ง (ความสามารถติดตัว) [ดูรายละเอียด]
หากไม่รวมมานา ค่าสถานะของเขาแทบจะไม่ต่างกับของนีกี้เลย
ความชำนาญในการใช้อาวุธอื่นที่ไม่ใช่ขวานมือเดียวน่าจะเกิดจากทักษะของ
(เจ้าศาสตรา)
น็อคตาร์ที่ฉันเผชิญหน้าไม่ได้เปิดใช้งาน (สัญชาตญาณการต่อสู้, โลหิตโกรธา)
ถ้าเปิดใช้งานทักษะพวกนั้น ฉันคงอยู่ได้ไม่ถึง 10 วินาที
ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังได้เปรียบกว่ามาก
ฉันสามารถใช้ความรู้ของฉันจากเกมดั้งเดิมได้ แม้ในการต่อสู้จริง
ขณะที่ฉันกำลังเรียบเรียงความคิด น็อคตาร์ก็พูดขึ้น
"พักมานานพอแล้ว ลุกขึ้น เรามาฝึกต่อไปกันเถอะ"
"ได้เลย"
ฉันตามน็อคตาร์ไปที่พื้นที่ฝึกร่างกาย
“ธีโอ เหนือสิ่งอื่นใด นายยังไม่มีพละกำลังที่เพียงพอ ยิ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์รุ่นราวคราวเดียวกัน การสร้างพละกำลังควรเป็นลำดับแรกที่นายควรให้ความสำคัญ”
เขาพูดถูก
ในโลกนี้ไม่มีปืน
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธแบบไหน ความแข็งแกร่งทางกายภาพเป็นสิ่งสำคัญ
"เอาล่ะ เรามาฝึกมันไปด้วยกันเถอะ เริ่มด้วยของพวกนี้"
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่บาร์เบล ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าที่ฉันยกเมื่อวานซะอีก
“ลดน้ำหนักลงหน่อยไม่ได้หรือไง?”
ฉันถามอย่างตรงไปตรงมา เพราะมันดูจะหนักเกินไป
“ไม่ นายยกมันได้ ฉันจะช่วยเอง เร็วเข้า!”
ฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีก
"ธีโอ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว! นายทำได้! ด้วยความหวังของเทพเจ้าสงครามผู้ยิ่งใหญ่ในมือซ้ายของนายและความคาดหวังของประชาชนในมือขวาของนาย จงยกมันขึ้นมาซะ! ดีมาก!!! ธีโอ อย่า อย่าหยุด! นายทำได้ นายทำได้!"
หลังจากได้รับการฝึกฝนแบบตัวต่อตัวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงจากน็อคตาร์ ในที่สุดฉันก็ได้กลับไปพักซักที
กว่าจะรู้ตัวเวลาก็ปาเข้าไป 22.00 น. แล้ว
ฉันมองไปที่ทางเข้าหอพัก
ความเหนื่อยล้ามันยังไม่หายไปหมด เพราะห้องของฉันอยู่บนชั้นที่ 20
ฉันหอบร่างกายที่อ่อนล้าและปีนขึ้นบันไดไป
ในที่สุดเมื่อมาถึงชั้นที่ 20 ก็ตามที่คาดไว้ เอมี่ยืนอยู่หน้าห้องของฉัน
"...!"
ฉันสบตากับเอมี่ เอมี่ดูประหลาดใจมาก
มีอะไรติดหน้าฉันหรือเปล่านะ?
“… คุณกลับมาแล้วสินะคะ นายน้อย”
เอมี่เข้ามาใกล้และก้มศีรษะลงเหมือนเมื่อวันก่อน
"อืม"
แต่เอมี่มารอที่นี่นานเท่าไรแล้ว? เธออาจจะเป็นนักฆ่า แต่เธอไม่น่าจะได้ยินเสียงฉันมาจากนอกประตูสิ
“มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
"... ตั้งแต่ 6 โมงเย็นแล้วค่ะ"
กว่า 4 ชั่วโมงที่รอ ถ้าฉันไม่พูดอะไรไป เธอก็คงจะทำแบบนี้ต่อไป
" ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเธอไม่ต้องมารอฉันแล้ว"
ทางที่ดีฉันควรลดโอกาสเสียชีวิตของตัวเองให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ฉันยังวางแผนที่จะกลับดึกทุกวันด้วย
วันศุกร์หน้ามีการสอบภาคปฏิบัติ มันเป็นการดวลกันระหว่างนักเรียน ก็เหมือนการสอบกลางภาคในมหาวิทยาลัย ซึ่งผลคะแนนจะส่งผลออกมาเป็นเกรดด้วย
อันดับปัจจุบันของฉันคืออันดับที่ 181 จากนักเรียนทั้งหมด 200 คน
ฉันต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและไปเอาชิ้นส่วนที่ซ่อนอยู่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ โชคดีที่น็อคตาร์ตกลงที่จะช่วยฉันฝึก
“…การรอนายน้อยยังเป็นหน้าที่ของฉันอย่างหนึ่งค่ะ”
เอมี่ก้มหัวขอโทษ
“อย่าให้ฉันพูดซ้ำสอง ถ้าเธอยังรอแบบนี้อีก ฉันจะไม่เตือนแล้ว”
“ว่าแต่เธอซ่อมตะเกียงวิเศษที่พังแล้วหรือยัง?”
เอมี่ลังเลก่อนจะพูดตอบ
"...ฉันเปลี่ยนอันใหม่ให้แล้วค่ะ"
"ดีมาก ทำงานได้ดี"
“ขอบคุณค่ะ นายน้อยคงเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ช่วยส่งกระเป๋าของท่านให้ฉันทีค่ะ”
"ได้"
ฉันหยิบห่อที่ได้รับจากน็อคตาร์ออกมาแล้วยื่นกระเป๋าเอกสารให้เอมี่
เอมี่รับกระเป๋าเอกสารของฉัน พลางเหลือบมองของในมือที่ฉันถืออยู่ด้วยความประหลาดใจ
“ราตรีสวัสดิ์นายน้อย พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะคะ”
เช่นเดียวกับเมื่อวานนี้ เธอพูดราวกับเป็นหุ่นยนต์
เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้อารมณ์ ราวกับว่าเธอไม่ใช่นักฆ่า
“ใช่ ไว้เจอกัน ฝันดีนะเอมี่”
ฉันตอบด้วยคำเดิมและเข้าห้องทันที แล้วนอนลงบนเตียง
โชคดีที่ฉันแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย
ดีจริงๆ ที่ตัดสินใจ อาบน้ำที่โถงฝึกซ้อม
เตียงอันอ่อนนุ่มคล้ายกับโอบกอดร่างของฉันไว้
ความเมื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ฉันราวกับคลื่นยักษ์
“จริงสิ”
ฉันเปิดห่อที่น็อคตาร์ให้มา
ข้างในเป็นผงละเอียดสีน้ำตาลอ่อน
เขาบอกว่ามันเป็นยาของชนเผ่าโบราณใช่ไหม?
ดีต่อการพัฒนากล้ามเนื้อ และฉันควรกินมันทุกๆ 3 ชั่วโมงด้วย
ฉันตักผงเล็กน้อยผสมกับน้ำแล้วกลืนลงไป
“อึก”
รสชาติแย่มาก
ถ้าฉันไม่เห็นผลภายในสองสัปดาห์ ฉันจะไม่ใช้ยานี้อีกต่อไปแน่
***
สี่วันผ่านไป
สัปดาห์สุดท้ายของการเรียนมาถึงแล้ว และมันก็เป็นวันศุกร์พอดี
***