บทที่ 50 - โลกอันแตกต่างที่ไร้ซึ่งเซลล์เกม
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 50 - โลกอันแตกต่างที่ไม่มีเซลล์เกม
"เป็นไปไม่ได้!"
เมื่อได้ยินหลินเฉินบอกว่าเขาเป็นชาวไซย่า เบจิต้าก็สะบัดมือ: “ชาวไซย่าเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้คือข้า คาคารอทและลูกชายของเรา จะยังมีชาวไซย่าเหลืออยู่ได้ยังไงกัน?”
เมื่อมองไปที่สีหน้าอันเหยียดหยามของเบจิต้า หลินเฉินก็ต้องยอมรับเลยว่าเมื่อเทียบกับเบจิต้าในจักรวาลของเขาที่ขอร้องเป็นศิษย์ช่างน่ารักกว่ามากโข
“เจ้าพูดถูกและผิดไป ข้าไม่ใช่ชาวไซย่าในโลกของเจ้า ข้ามาจากกาลอวกาศอื่น”
“กาลอวกาศอื่น?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาส่วนใหญ่ไม่เข้าใจสิ่งที่หลินเฉินพูด แต่อย่าลืมว่ามีสุดยอดอัจฉริยะอย่างบูลม่าอยู่ด้วย
นางกอดทรังค์ตัวน้อยที่ยังเป็นทารกในอ้อมแขน
“กาลอวกาศอื่นงั้นเหรอ? เจ้าเป็นชาวไซย่าจากจักรวาลคู่ขนานใช่ไหม? เหมือนกับทรังคซ์?”
“บูลม่าอยู่ห่างๆ เขาไว้ เจ้าคนนี้ยังน่าสงสัยมาก!” เบจิต้าตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นภรรยาของเขาเข้าไปใกล้อีกฝ่าย
ทรังคซ์อนาคตเองก็รู้สึกกังวลมาก “ท่านแม่ ระวัง!”
"ไม่เป็นไรหรอกน่า! เขาไม่ได้โกหก”
บูลม่าในโลกนี้ไม่กังวลอะไรเลยเหมือนกับบูลม่าในจักรวาลของหลินเฉิน นางพูดกับทรังคซ์อนาคตไปว่า “ข้าไม่คิดว่าเขาจะโกหกหรอก อย่าลืมสิทรังค์ เจ้าเองก็มาจากจักรวาลคู่ขนานไม่ใช่หรือ?”
หลังจากที่ทรังค์ได้ยิน เขาก็ชะงักไป
ดูเหมือนว่าแม่ของเขาจะพูดถูก เขามาจากอนาคตของจักรวาลคู่ขนานไม่ใช่เหรอ?
ถ้าอย่างนั้นการที่มีไซย่ามาจากจักรวาลคู่ขนานก็ต้องเป็นไปได้สิ
"นี่ นี่! แล้วเจ้ามาที่โลกของเราได้ยังไงเหรอ? เจ้ามีไทม์แมชชีนด้วยหรือ?” บูลมjาถามต่อด้วยความสงสัย
หลินเฉินจึงกล่าวตอบว่า: “ข้าติดอยู่ที่นี่เพราะอุบัติเหตุและไม่ใช่เพราะไทม์แมชชีน พอข้าตรวจพบผู้ที่มีพลังมากมายรวมตัวกันอยู่ด้วยเครื่องวัดพลัง ข้าจึงตรงมาที่นี่ แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะอยู่ที่นี่กัน”
เมื่อมองไปที่พวกเขา หลินเฉินก็รู้ว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงชมดอกซากุระอยู่ มันคงจะเป็นช่วงเวลาก่อนที่โครงเรื่องของ “ร้อนแรงสุดขั้ว ศึกระเบิดซูเปอร์ไซย่า” จะเกิดขึ้น
ในโครงเรื่องของ “ร้อนแรงสุดขั้ว ศึกระเบิดซูเปอร์ไซย่า” พารากัสจะปรากฏตัวขึ้นในระหว่างงานเลี้ยงชมดอกซากุระ
หลินเฉินสงสัยว่าพารากัสอาจปรากฏตัวเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตั้งใจที่จะอธิบายมากเกินไป
เมื่อบูลม่าเห็นว่าหลินเฉินไม่มีอะไรจะพูดต่อ นางก็ไม่ได้ถามซักไซ้ไป
ดังนั้นในไม่ช้า ทุกคนก็หยุดรบกวนหลินเฉินหรือถามเกี่ยวกับตัวตนของเขาเลย
ในทางตรงกันข้าม โกฮังน้อยและคนอื่นๆ ก็ได้เชิญหลินเฉินผู้เร่ร่อนจากอีกจักรวาลหนึ่งให้เข้าร่วมงานเลี้ยงชมดอกซากุระของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ซุนโกฮังบอกเขาว่าเมื่อพ่อของเขามาที่นี่ โกฮังจะแนะนำหลินเฉินให้รู้จักกับเขา
งานเลี้ยงชมดอกซากุระได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ทุกคนนอนลงบนพื้นหญ้าและเริ่มร้องเพลงคาราโอเกะกัน
เบจิต้าซึนเดเระได้กลับไปที่ซ่อนของเขา เอนตัวลงบนต้นไม้และหลับตาลง
ทุกอย่างเหมือนกับโครงเรื่องของ “ร้อนแรงสุดขั้ว ศึกระเบิดซูเปอร์ไซย่า” ในความทรงจำของหลินเฉินไม่มีผิด
เมื่อรู้ว่าพารากัสจะมาถึงในไม่ช้า หลินเฉินก็ไม่รีบร้อนที่จะตามหาโบรลี่อยู่แล้ว เขาให้เนื้อเรื่องมันค่อยเป็นค่อยไป
จะรีบไปทำไมกัน การได้พูดคุยกับตัวละครที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหล่านี้ย่อมเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากสำหรับหลินเฉินมาก
ตัวละครเหล่านี้ในจักรวาลของหลินเฉิน บ้างก็ยังไม่เกิด บ้างก็เป็นเพียงแค่เด็ก ทว่าพวกเขาในช่วงวัยนี้เป็นสิ่งที่หลินเฉินคุ้นเคยด้วยมากที่สุด
เมื่อคุริรินเริ่มร้องเพลง หลินเฉินก็ถามโกฮังเกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกนี้ เพราะเขาต้องการรู้เรื่องชาวไซย่าบนโลกด้วย
เป็นผลให้หลินเฉินได้รู้ว่า จักรวาลคู่ขนานนี้เป็นจักรวาลที่แตกต่างจากโลกดราก้อนบอลที่เขารู้จัก
หากจักรวาลดราก้อนบอลของงานดั้งเดิมที่หลินเฉินรู้จักได้รับการยกย่องว่าเป็นจักรวาลหลักแล้ว จักรวาลที่หลินเฉินทะลุมิติเข้ามาก็ถือว่าเป็นจักรวาลคู่ขนานของดราก้อนบอล
โลกนี้ก็เช่นเดียวกับจักรวาลของหลินเฉิน มันคือหนึ่งในจักรวาลคู่ขนาน
เพราะโลกนี้ไม่มีเซลล์เกมเกิดขึ้น
แม้ว่าทั้งมนุษย์จักรกลและเซลล์จะปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว แต่เนื้อเรื่องนั้นแตกต่างจากโลกหลักของดราก้อนบอลที่หลินเฉินรู้จัก ที่เซลล์จะดูดพลังของหมายเลข 17
ในโลกนี้ เพื่อที่จะเอาชนะหมายเลข 17 และหมายเลข 18 เบจิต้า โกคูและคนอื่นๆ ได้เข้าสู่ห้องกาลเวลาจนมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าซูเปอร์ไซย่า
เป็นผลให้เมื่อเซลล์อยู่ในร่างที่สองของเขา เบจิต้าได้หยุดยั้งไม่ให้เซลล์ดูดกลืนหมายเลข 18 เหมือนโลกหลัก แต่คราวนี้เขาสังหารมันทันที
ตั้งแต่นั้นมา เนื้อเรื่องก็เปลี่ยนไป
เนื่องจากไม่มีเซลล์ที่สมบูรณ์แบบในจักรวาลนี้ จึงไม่มีเซลล์เกมเกิดขึ้น ทำให้มนุษย์ไม่ได้รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่บนโลก ดังนั้นทั้งโลกจึงยังคงความสงบสุขเหมือนกับที่หลินเฉินเห็นอยู่ในภาพตรงหน้า
เป็นอย่างนั้นเองสินะ...
หลังจากฟังคำอธิบายของโกฮัง หลินเฉินก็ขจัดข้อสงสัยที่เขามีจนถึงตอนนี้ได้เสียที
เพราะเขาได้เคยดู “ร้อนแรงสุดขั้ว ศึกระเบิดซูเปอร์ไซย่า” มาก่อน ตอนที่เขามาในจักรวาลนี้ เขาจึงรู้สึกสับสนอยู่ประมาณหนึ่ง เส้นเวลาของ "ร้อนแรงสุดขั้ว ศึกระเบิดซูเปอร์ไซย่า" คือ 10 วันก่อนเซลล์เกมจะเริ่มต้นขึ้น ถ้าหากการต่อสู้สำคัญกำลังจะเปิดฉากในไม่ช้าและมีศัตรูทรงพลังอย่างเซลล์อยู่ ทำไมเบจิต้าและคนอื่นถึงได้เดินทางไปยังกาแล็คซี่ใต้กันล่ะ?
วันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง แต่ทำไมผู้คนบนโลกถึงเข้าแถวเพื่อลงทะเบียนบุตรหลานในโรงเรียนกัน?
ผลสรุปคือ เซลล์ได้ตายไปแล้ว...
“ทรังคซ์ พ่อของเจ้าช่วยโลกไว้งั้นเหรอ?” หลินเฉินอดไม่ได้ที่จะถามทรังคซ์ที่อยู่ข้างๆ เขา
ฝ่ายหลังก้มหน้าลงและหน้าแดงจนไม่รู้จะตอบยังไง
ในตอนนั้นเอง บูลม่ายิ้มและพูดว่า “แต่ถึงเขาจะช่วยโลกไว้ได้ ก็ยังร้องเพลงได้ไม่เก่งอยู่ดีนั้นแหละ เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเขาถึงหมกตัวอยู่มุมตรงโน้น เป็นเพราะเขาอายที่ตนเองร้องเพลงไม่เก่งเท่าคุริรินน่ะ”
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
คนอื่นๆ ที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา
“บูลม่า!” จู่ๆ เบจิต้าก็กระโดดออกมาจากหลังต้นซากุระและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
จากนั้นเหนือศีรษะของพวกเขาทุกคนกลับมืดลงและทันใดนั้น ยานอวกาศขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
มาแล้ว!
ดวงตาของหลินเฉินพลันเบิกกว้างขึ้น
ส่วนคนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นยืนทีละคนด้วยแววตาว้าวุ่น
"ทรังคซ์! นั่นยานอวกาศเหรอ?” โกฮังเอ่ยถาม
“ใช่ ดูเหมือนจะมีชาวไซย่าอยู่บนนั้นด้วย!” ทรังค์ซ์พยักหน้า
"หืม! วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน? เหตุใดไซย่าอีกคนจึงโผล่มาอีกคนกัน? ลิงค์ เขาเป็นเพื่อนของเจ้าหรือเปล่า?” เบจิต้าเอ่ยถามใบหน้าอันแสนหยิ่งผยอง
“ไม่ ข้าจำยานอวกาศลำนี้และชาวไซย่าที่อยู่บนนั้นไม่ได้” หลินเฉินกล่าว
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ยานอวกาศก็ได้ลงจอดบนทุ่งหญ้าไม่ไกลจากพวกเขา จากนั้นเอเลี่ยนกลุ่มใหญ่ในชุดเกราะสีม่วงก็เดินลงมาจากยานอวกาศแล้วพุ่งเข้าหาทุกคน