บทที่ 5: ห้องฮีโร่ (1)
บทที่ 5:ห้องฮีโร่(1)
ฉันได้แต่ถอนหายใจออกมา
หลังจากที่ใส่เครื่องแบบของฉันและใช้กลิ่นหอมที่ตรงกับสภาพอากาศ ฉันจึงสามารถออกจากห้องได้
เอมี่รอที่ประตูทักทายฉันและส่งฉันกระเป๋าเอกสารที่ค่อนข้างหนักมาให้
ฉันชำเลืองมองเข้าไปข้างใน พบกับหนังสือ สมุดบันทึกและอุปกรณ์การเขียน
เอมี่ทำความเคารพโค้งตัว 90 องศา
"สวัสดีค่ะนายน้อย วันนี้ท่านมีแผนจะทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?"
ไม่มีอยู่แล้ว แต่ถึงจะมี ฉันก็จะยกเลิกทั้งหมด
"ไม่ ฉันไม่มีแผนอะไรหรอก แต่ฉันจะกลับมาช้าหน่อยนะ กินข้าวเย็นก่อนได้เลย"
การอยู่ข้างนอกนั้นย่อมดีกว่าการอุดอู้อยู่ในห้องอยู่แล้ว
เมื่อคิดได้อย่างนี้ ฉันจึงกะว่าจะไปฝึกที่สนามฝึกซ้อมสักหน่อย
“รับทราบค่ะนายน้อย”
“ไว้เจอกัน จริงสิ ดูเหมือนว่าตะเกียงวิเศษที่อยู่ห้องของฉันจะเสียนะ จะดีใจมากถ้าเธอรีบไปจัดการมันให้ฉันหน่อย”
ก่อนหน้านี้ฉันลองใช้ทักษะของฉันกับโคมไฟในห้องดู
ฉันสามารถเปิดและปิด [ลบล้างเวทมนตร์]ได้โดยเพียงแค่คิด
"เข้าใจแล้วค่ะนายน้อย ดิฉันจะซ่อมมันก่อนที่นายน้อยจะกลับมาค่ะ"
ถ้าพูดถึงการทำงานของเอมี่นั้นดีที่สุด,ดังนั้นตะเกียงวิเศษจะได้รับการซ่อมวันนี้
“ขอบคุณเธอมาก”
“ค่ะ”
ฉันเดินผ่านเอมี่ที่ยืนแข็งทื่อแล้วออกไปข้างนอกเพื่อขึ้นรถม้า
ไม่เหมือนเมื่อคืนก่อน ร้านค้าต่างๆ เปิดร้านจนมีแสงสว่างไสวไปทั่ว
การตกแต่งภายในที่นี่ส่วนใหญ่เป็นแบบเรียบๆ ไม่มีการการตกแต่งหรูหรา เหมือนกับห้องของฉัน
พวกมันคล้ายกับที่ฉันเคยเห็นในตัวเกมมาก
ฉันต่อคิวที่ป้าย โดยเข้าแถวจากทางด้านหลัง
หลังจากรอประมาณห้านาที...
ปีบ ปีบ ปีบ ปีบ ─
เสียงบีบแตรดังขึ้น
แม้ว่ามันจะเรียกว่ารถม้า แต่ก็ไม่มีม้า
แม้จะมีชื่อม้า แต่ก็ไม่มีม้าให้เห็น มันเหมือนกับรถบัสที่ขับเคลื่อนด้วยหินมานาแทนน้ำมันมากกว่า
ฉันขึ้นรถม้าโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสาร
ภายในรถม้ามีลักษณะคล้ายรถบัสในโลกยุคสมัยใหม่ โดยมีที่นั่งประมาณ 20 ที่นั่งและราวจับห้อยลงมาจากด้านบน
ที่นั่งส่วนใหญ่จะว่างเปล่า แต่ฉันยังเลือกที่นั่งที่ในแถวหลัง
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ไปถึงห้องฮีโร่
ช่วงเวลาที่ต้องรอคอยเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก
ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ นั่งลง รถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวพร้อมเสียงท่อไอเสียที่เป็นเอกลักษณ์
ฉันมองดูอาคารต่างๆ ที่พาดผ่านไปอย่างรวดเร็ว
โรงเรียนอิลิเนีย รวมถึงบริเวณโดยรอบมีพื้นที่ขนาดใหญ่พอสมควร
มันกว้างใหญ่เกินไปสำหรับคน 30,000 คนด้วยซ้ำ ซึ่งที่นี่มีนักเรียนอยู่ 10,000 คน
20,000 คนที่เหลือ เป็นพวกอาจารย์ นักวิจัย ฮีโร่ที่สังกัดโรงเรียนอิลิเนีย รวมไปจนถึงพนักงานอำนวยความสะดวก เช่น พนักงานร้านอาหารและร้านค้าทั่วไป และแม้แต่พวกขุนนางจากประเทศต่างๆ
มีคนทุกประเภท สมกับเป็นโรงเรียนอิลิเนียที่มีชื่อเสียงชั้นนำของทวีป
หลังจากชมทิวทัศน์ภายนอกประมาณสิบนาที
ฉันก็หยิบหนังสือเรียนออกมา
มีทั้งหมดสี่เล่มที่หนามากๆ เนื้อหาภายในนั้นเยอะพอสมควร
"ความรู้เบื้องต้นของฮีโร่"
ฉันเริ่มอ่านหนังสือเล่มนั้น
"...ฮีโร่ที่ทำงานคนเดียวนั้นหายาก ฮีโร่ส่วนใหญ่จะรวมทีมกับผู้ช่วยของพวกเขาในภารกิจต่างๆ ตามปกติแล้วจะมีฮีโร่หนึ่งคนต่อผู้ช่วยสี่คน..."
อืม...
ฉันรู้เรื่องทั้งหมดนี้อยู่แล้ว
ฉันสุ่มเปิดหน้าหนึ่งจากหนังสือ 500 หน้า แต่ฉันก็รู้ทุกอย่างที่เขียนอยู่ในนั้นแล้ว
เนื้อหาพวกนี้มันไม่ง่ายเกินไปหน่อยเหรอ?
เมื่อฉันลองเปิดอ่านผ่านตำราเล่มอื่นๆ ฉันก็คุ้นเคยกับเนื้อหาข้างในทั้งหมดแล้ว
ตัวละครส่วนใหญ่ในเรื่องต้นฉบับมีปัญหาในการทำความเข้าใจเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือ แต่สำหรับฉันที่จดจำโครงเรื่องของเกมทั้งหมดได้ ทุกอย่างก็ง่ายเกินไปมาก
ดูเหมือนฉันคงไม่ต้องเรื่องคะแนนภาคทฤษฎีแล้วสินะ
แม้ว่าการประเมินทางทฤษฎีจะมีผลน้อยกว่าการประเมินภาคปฏิบัติ อาทิตเช่น การสำรวจสิ่งประดิษฐ์ การล่าปีศาจ และการบุกดันเจี้ยนใต้ดิน แต่ใช่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ละเลยได้
เอาล่ะ ฉันจะตั้งเป้าหมายเป็นที่หนึ่งในการประเมินทฤษฎีให้ได้
มันไม่เกินความสามารถของฉันเลยสักนิด
แต่... อาจยังมีส่วนที่ฉันสับสนอยู่
ฉันควรอ่านมันทั้งหมดอีกรอบหนึ่ง
ขณะที่ฉันหมกมุ่นอยู่กับการอ่านหนังสือเรียน...
“...ธีโอ?”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหน้าฉัน
ด้วยความที่ฉันกลัวว่าตัวตนของฉันที่เข้ามาสิงร่างจะถูกเปิดเผย ฉันจึงยังคงทำหน้านิ่งและไม่แสดงท่าทีใดออกไป ส่วนหนึ่งที่ต้องทำแบบนี้ไป ก็เพราะไอ้เจ้าศักดิ์ศรีของขุนนางที่บิดเบี้ยวของฉัน
พอเงยหน้าขึ้นช้าๆ ก็เห็นเจ้าของเสียงใสกระจ่าง
ฉันรู้สึกคุ้นเคยมากจากเสียงของเธอ ซึ่งเธอก็เป็นตัวละครที่ฉันจำได้ดี
เธอชื่อไอรีน
เธอกับธีโออายุเท่ากัน และเธอเป็นสมาชิกนักเรียนฮีโร่ของโรงเรียนอิลิเนีย
เธอมีผมสีม่วงยาวถึงสะโพกและดวงตาสีฟ้าอ่อน ชวนหลงใหล
ณ เวลานี้ เธอเป็นคู่หมั้นของธีโอ
“สวัสดีตอนเช้า ไอรีน”
ฉันพูดแล้วกลับไปอ่านหนังสือเรียนต่อ
คู่หมั้นของธีโอไม่ชอบฉันเหมือนกับคนอื่นๆ
การหมั้นของพวกเขาถูกตัดสินโดยไม่ได้ถามความคิดของเธอเลย
ด้วยความที่เธอเป็นลูกสาวของตระกูลฮีโร่ที่มีชื่อเสียง เธอจึงดูแคลนคนไม่เอาถ่านและเกียจคร้านเป็นอย่างมาก
ซึ่งน่าเสียดายที่ทั้งสองอย่างนี้คือตัวตนของธีโอ
ขณะที่เรานั่งรถม้ากัน ไอรีนก็เลือกที่จะยืนอยู่ข้างหน้าฉัน แทนที่จะนั่งในที่นั่งว่างเพียงที่นั่งเดียวซึ่งอยู่ติดกับฉัน
"...นายเป็นอะไรไป?"
"เธอหมายความว่าไง?"
"นายมาโรงเรียนอิลิเนียเร็วและอ่านหนังสือบนรถม้า มันแปลกๆ ไม่ใช่เหรอ? ฉันแน่ใจว่านายทำแบบนี้ได้ไม่เกินสามวันหรอก”
เขาทำแบบนั้นไปทำไมกันนะ
“ก็ไม่เห็นมีอะไรแปลก ฉันแค่ทำตามสิ่งที่ฉันต้องทำ”
เมื่อพูดตอบกลับไป ฉันก็หันกลับมาจดจ่อกับหนังสือเรียนเพื่อเปรยๆ ว่าฉันไม่ต้องการพูดต่อ
"..."
ไอรีนไม่ได้พูดอะไรอีก
ฉันก็เช่นกัน
และในที่สุดเราก็ไปถึงที่ห้องฮีโร่
ความสัมพันธ์ของเราอาจดูเย็นชา แต่จากสถานการณ์ ฉันคิดว่ามันถูกต้องแล้ว
เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่ใช่ธีโอคู่หมั้นของเธอ
ฉันเป็นแค่คนที่เข้ามาอยู่ชั่วคราวในร่างนี้
ฉันได้รับทักษะที่ยอดเยี่ยมมาอย่างการลบล้างเวทมนตร์ แต่นั่นยังไม่เพียงพอสำหรับการสำเร็จการศึกษาด้วยคะแนนยอดเยี่ยม
ฉันโชคดีที่ยังพอหลีกเลี่ยงการถูกไล่ออกได้
แต่หนทางยังอีกยาวไกล
********
ขณะที่ฉันก้าวออกจากรถม้า ฉันก็พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าห้องฮีโร่
พื้นที่นั้นกว้างใหญ่และให้ความรู้สึกลึกลับ ทำให้ที่นี่แตกต่างจากส่วนอื่นๆ ของโรงเรียนอิลิเนียพอสมควร
อาคารที่ทันสมัย ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เวทมนต์ที่แตกต่างกัน
โรงยิมขนาดใหญ่ที่นี่ทำให้ฉันนึกถึงโคลอสเซียม
ในห้องฮีโร่ มีนักเรียนประมาณ 600 คนตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ถึงปีที่ 4
พื้นที่ของที่นี่ใหญ่โตมาก แตกต่างจากจำนวนคนที่มีอยู่พอสมควร
อย่างที่คาดไว้ ห้องฮีโร่มันสุดยอดจริงๆ
ยามนี้เป็นเวลา 8.40 น. และคาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการเดินไปถึงห้องเรียน
นักเรียนชั้นปีที่ 1 ส่วนใหญ่จะเข้าร่วมการบรรยายในตึกเดียวกัน ยกเว้นบางห้อง
ซึ่งด้วยสถานะ (ความอดทน) ที่เพิ่มขึ้นของฉัน การเดินจึงไม่ใช่ปัญหาเลย ฉันเดินอย่างอดทนไปที่ห้องเรียน
ฉันมาถึงตอน 9 โมงเช้าเป๊ะๆ โดยไม่หลงทาง
ฉันยืดตัวให้เสื้อผ้าไม่ยับ ฉันจ้องมองไปที่ประตูห้องเรียนขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับอาจารย์และนักเรียนหลากหลายเชื้อชาติ
ภายในห้องเรียนมีตัวละครที่มีชื่อมากมาย รวมถึงนีกี้และปิเอล
สถานที่แห่งนี้รวบรวมบุคคลที่มีความสามารถมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนอิลิเนีย
เมื่อมีนีกี้เป็นจุดศูนย์กลาง เหตุการณ์ร้ายต่างๆ ก็จะเข้ามาไม่มีวันจบสิ้น
ฉันรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อ แต่ฉันก็ยังรู้สึกกังวลมากอยู่ดี
"ฟู่วว"
ฉันถอนหายใจออก และผลักประตูเข้าห้องเรียนไป
ตามที่คาดไว้ การตกแต่งภายในก็ทันสมัยพอๆ กับภายนอก ห้องถูกจัดวางด้วยโต๊ะยาว แต่ละโต๊ะสามารถนั่งได้ถึงห้าคน พร้อมด้วยเก้าอี้กว่า 200 ตัว
นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้เหล็กสำหรับนักเรียนกึ่งมนุษย์ที่มีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนักเรียนที่มีความหลากหลายของโรงเรียนอิลิเนีย
ที่นี่คล้ายกับห้องบรรยายของมหาวิทยาลัยสมัยใหม่เลย
อืม ฉันควรจะนั่งตรงไหนดีล่ะเนี่ย?
โดยปกติแล้ว ธีโอจะมาถึงห้องก่อนที่การบรรยายจะเริ่มขึ้นและนั่งยังที่นั่งที่ว่างอยู่
แต่เพราะมาก่อนเวลา 30 นาทีก่อนจะถึงการบรรยายแรก จึงมีที่ว่างเหลือเยอะมาก
ฉันมองดูรอบๆ
ฉันเห็นคนที่คุ้นหน้าหลายคน
นีกี้และปิเอลกำลังคุยกันอยู่ที่แถวหน้า
เอลฟ์ไม้ผู้หนึ่งเปล่งรัศมีลึกลับที่ด้านซ้ายสุดของแถวกลาง
เผ่าสัตว์ป่ากำลังรีบกินอะไรบางอย่างที่ด้านขวาสุดของแถวกลาง ส่วนยักษ์กับมนุษย์กิ้งก่าก็กำลังเบ่งใส่กันที่แถวหลัง
ฉันจึงเลือกที่นั่งตรงกลางแถวกลาง
หลังจากผ่านไปประมาณ 20 นาที ห้องเรียนก็เต็มไปด้วยนักเรียน
พวกเขาคุยกันเสียงดังถึงเรื่องที่พวกเขาทำในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทว่าไม่มีใครคุยกับฉันเลย
นีกี้ เป็นคนเดียวที่สบตา ยิ้มและโบกมือให้ฉัน
ส่วนที่เหลือต่างก็มองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่สบายใจนัก
เฮ้อ...คงเป็นโชคดี
ปัจจุบัน มีโอกาส 90% ที่ นีกี้จะอยู่บนเส้นทางของผู้ใช้หอก
ทว่าเส้นทางผู้ใช้หอกไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการตายของธีโอ
มีการกล่าวถึงเพียงช่วงสั้นๆ ว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว
นั่นหมายความว่าทุกคนในห้องเรียน รวมทั้งไอรีนที่ฉันเจอบนรถม้า อาจมีความเป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของฉัน
ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่ตอนนี้ไม่มีใครมาหาเรื่องฉัน
เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ ฉันจึงตัดสินใจทำตัวเป็นปกติ ไม่ดึงดูดความสนใจ
คาบแรกคือความรู้เบื้องต้นของฮีโร่ ซึ่งสอนโดยผู้หญิงวัยสามสิบ
ธีโอเคยมีเรื่องกับเธอในอดีต
เธอเป็นฮีโร่มานานแล้วง ถ้าฉันจำไม่ผิด ชื่อของเธอคือมารี
ฉันหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นนะ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ฉันก็เปิดตำราหนังสือบทนำสู่ฮีโร่และอ่านมันต่อ
***
"ดังนั้นการมีผู้ช่วยจึงไม่ใช่เพียงทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับฮีโร่ยุคใหม่ พวกเธอจึงต้องคัดหาผู้ที่มีศักยภาพที่ลงทะเบียนเรียนในโรงเรียนอิลิเนียด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มาจากห้องฮีโร่หรือห้องเวทมนตร์ แต่ก็มีนักเรียนที่มีชื่อเสียงมากมายที่โรงเรียนอิลิเนีย เหมาะแก่การเป็นผู้ช่วยให้พวกเธอเป็นที่สุด"
ศาสตราจารย์มารีบรรยายด้วยเสียงอันไพเราะของเธอ
ตามที่คิดไว้ ฉันคุ้นเคยกับเนื้อหาทั้งหมดในชั้นเรียนอยู่แล้ว
พูดตามตรง มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะต้องมาเรียน
ไม่มีค่าให้จดด้วยซ้ำ
ก็เหมือนกับคนที่ถนัดคูณและหาร หากให้กลับไปบวกลบก็คงจะง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก
ฉันเท้าคางและจ้องมองนาฬิกาที่อยู่เหนือกระดานดำ เพื่อรอให้เวลาการบรรยายสิ้นสุดลง
เฮ้อ... ฉันน่าจะนั่งแถวหลังห้อง พอต้องนั่งตรงกลางห้องก็รู้สึกอึดอัดแฮะเวลาจะทำอะไรต่างๆ
***
ศาสตราจารย์เคาะแท่นยืนเบา ๆ และกล่าวออกมาว่า
"สำหรับการบรรยายวันนี้ ทุกคนดูไม่ค่อยกระตือรือร้นเพราะเป็นวันจันทร์สินะ แต่ทุกคนตั้งใจฟังกันดีใช่ไหม?"
-ค่ะ/ครับ
คำขานรับได้ดังมาจากนักเรียนแบบเอื่อยๆ
มารีหัวเราะเบา ๆ แล้วถามว่า
"จริงหรอ?"
-ค่ะ/ครับ!
"เอาล่ะ ในเมื่อมีเวลาเหลืออยู่ เรามาทดสอบกันดีกว่าว่าพวกเธอเข้าใจการบรรยายของวันนี้ดีแค่ไหน อ่า ขอคนอื่นที่ไม่ใช่นีกี้นะ อืม... ฉันควรเลือกใครดี?"
มารียิ้มให้นีกี้ซึ่งนั่งแถวหน้าอย่างกระตือรือร้นและชำเลืองมองนักเรียนทั้งห้อง
เธอเพียงแสร้งทำเป็นมอง
เธอมีนักเรียนที่เธอเลือกไว้ในใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เจ้าเด็กผู้ชายที่ดูเหมือนจะฟังครึ่งๆ กลางๆ และเอาแต่เหลือบมองนาฬิกา
"ธีโอ"
มารีดันแว่นตาขึ้นขณะที่เธอเรียกชื่อเขา
ทุกสายตาในห้องเรียนจับจ้องไปที่ธีโอ
"มีนักเวทย์ชื่อ 'ออตลันกา' จากสายเวทมนตร์ที่ โรงเรียนเดฮาริม เธอรู้จักเขาไหม?"
คำถามนี้ถามถึงตัวบุคคลจากโรงเรียนอื่นและสายอื่นที่แตกต่างกันเลย
ไม่มีทางที่นักเรียนปีหนึ่งจะรู้เรื่องนี้
มีเพียงมารี ซึ่งเป็นฮีโร่ที่ทำงานและอาจารย์ในโรงเรียนอิลิเนียเท่านั้นที่จะรู้
แถมนี้เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึง 'ออตลันกา' ระหว่างการบรรยาย จึงเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบเลยสักนิดเดียว
ธีโอ ไม่มีทางจะรู้เรื่องนี้ได้
ส่วนนักเรียนปี 3 และ 4 ที่เน้นภาคปฏิบัติส่วนใหญ่ก็คงไม่รู้เหมือนกัน
แต่แล้ว...
"ผมรู้จักเขา"
ธีโอมองตรงไปที่เธอและพยักหน้าโดยไม่มีอาการตื่นตระหนกเลย
มารีหัวเราะเบาๆ พลางยิ้มให้ธีโอ
“แล้วอะไรคือประเด็นหลักที่เขาเน้นในระหว่างการประชุมห้องเวทมนตร์ของโรงเรียนเดฮาริมเมื่อสองเดือนก่อน? มันเป็นประเด็นที่ค่อนข้างร้อนแรงในตอนนั้นพอสมควร”
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่พูดคุยกันในหมู่คนในวงการเท่านั้น
นักเรียนมองไปมาระหว่าง มารีและธีโอด้วยสีหน้างุนงง
ทว่าธีโอกลับตอบโดยไม่ลังเล
"วิธีเดียวที่ผู้อ่อนแอจะเอาชนะผู้แข็งแกร่งได้คือการเลือกและจับจุดให้ถูก ต้องยอมรับว่าพรสวรรค์ตามธรรมชาตินั้นไม่ยุติธรรมเสมอ เดฮาริมจึงต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาชนะโรงเรียนอิลิเนีย"
รอยยิ้มของมารีเลือนหายไป
เธอไม่สามารถซ่อนอาการที่ลุกลนของเธอได้แล้ว
มันเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ไม่ผิดแม้แต่คำเดียว
ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วห้องเรียน
ในที่สุดมารีก็พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"เอ่อ... ถูกต้อง ถ้าอย่างนั้นการบรรยายจบลงแค่นี้"
***