บทที่ 40 - การฟื้นคืนชีวิตและเทพเจ้ามังกรของดาวเคราะห์ทั้งสองดวง
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 40 - การฟื้นคืนชีวิตและเทพเจ้ามังกรของดาวเคราะห์ทั้งสองดวง
“นี่คือ…ดาวเคราะห์นาเม็กงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นดาวเคราะห์นาเม็กที่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเป็นครั้งแรก พระเจ้าก็ตัวสั่นเทา
ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขากำลังเพรียกหา เขาสูดลมหายใจเข้าลึก
แม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะเป็นกลิ่นอันแสนคุ้นเคย
“มาเถอะพระเจ้า ข้าจะพาเจ้าไปพบกับผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กเอง!”
หลินเฉินตบไหล่พระเจ้า จากนั้นก็พาเขาไปที่บ้านของผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก
หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าก็ได้พบกับชาวนาเม็กคนแรกในชีวิตของเขา นอกเหนือจากราชาปีศาจผู้ยิ่งใหญ่พิคโกโร่
คนที่ทักทายพวกเขาทั้งสองคนยังเป็นเนล ผู้คุ้มกันของผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก
เขาโค้งคำนับให้หลินเฉินและพูดว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ หลินเฉิน ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กบอกให้ข้ามาต้อนรับชาวดาวนาเม็กที่หวนคืนกลับสู่บ้านเกิด”
จากนั้นพวกเขาก็ได้พูดคุยกัน ภาพที่เห็นเหมือนกับลูกหลานมาพบบรรพบุรุษก็ไม่ปาน พระเจ้าได้รู้จากผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กว่าเขาเป็นลูกของชาวดาวเคราะห์นาเม็กชื่อ กะตะ โดยเขาถูกส่งมาที่โลกเนื่องจากภัยพิบัติสภาพภูมิอากาศบนดาวเคราะห์นาเม็ก
ในช่วงเวลานี้ หลินเฉินยืนก็อยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ คอยมองดูทุกอย่าง
หลังจากที่พระเจ้ากำลังถามถึงเรื่องราวในอดีตกับผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กกํหันมาพูดกับหลินเฉิน “หลินเฉิน เจ้าได้นำลูกแก้วมังกรมาหรือเปล่า?”
“ขอรับ ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก ถ้าข้าต้องการใช้ลูกแก้วมังกรเพื่อขอพร ข้าจำเป็นต้องผ่านแบบทดสอบอีกหรือเปล่า?”
“เหอ เหอ เหอ หลินเฉิน เจ้าสามารถใช้ลูกแก้วมังกรของดาวเคราะห์นาเม็กได้เสมอ”
ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กสามารถมองเห็นอนาคตได้ ในอดีตเขาก็เห็นแล้วว่าหลินเฉินได้ช่วยเหลือชาวดาวนาเม็ก
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กก็พบว่าทุกครั้งที่พวกเขาพบกัน หลินเฉินจะแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างเขา
เมื่อได้รับอนุญาตจากผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก หลินเฉินก็รวบรวมลูกแก้วทั้งเจ็ดของดาวดวงนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อรวบรวมลูกแก้วมังกรเจ็ดลูกจากดาวเคราะห์นาเม็ก พระเจ้าก็นำลูกแก้วมังกรเจ็ดลูกที่เขานำมาออกมาด้วย
“นี่คือลูกมังกรที่เจ้าทำขึ้นหรือ? สมกับเป็นผู้มีโลหิตของมังกรจริงๆ”
เมื่อผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กเห็นลูกแก้วมังกรของโลก เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวชมเชย
“ขอบคุณผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กที่เอ่ยชม เช่นนั้น…หลินเฉิน เรามาเริ่มกันเลยได้ไหม?”
"อืม!" หลินเฉินพยักหน้า
“จงออกมาเถิดเทพมังกร! และบันดาลคำอธิษฐานให้เป็นจริงด้วยเถิด!” พระเจ้าตะโกนออกมา
เมื่อสิ้นเสียงพูดไป เนลก็ได้ใช้ภาษาชาวดาวนาเม็คและตะโกนบทคาถาเพื่อเรียกโปรุนก้า
ในเวลาต่อมา ท้องฟ้าของดาวเคราะห์นาเม็กก็ตกอยู่ในความมืดทันที
ลูกแก้วมังกรสิบสี่ลูกกระพริบเปล่งแสงสีทองในเวลาเดียวกัน
หลังจากนั้นมังกรสองตัว หนึ่งตัวใหญ่และหนึ่งตัวเล็กปรากฏขึ้นอย่างลึกลับจากอากาศบางเบาที่เป็นประกายแสงสีทอง
เทพเจ้ามังกรของโลกและเทพเจ้ามังกรของดาวเคราะห์นาเม็กปรากฏตัวในเวลาเดียวกัน ในสถานที่เดียวกัน ฉากภาพที่ไม่เคยปรากฏในงานต้นฉบับก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าหลินเฉินและคนอื่นๆ
ทว่าเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า คำพูดแรกของหลินเฉินกลับเป็น: “พระเจ้า เทพเจ้ามังกรของเจ้าตัวเล็กมากเลยนะ”
เหงื่อเย็ฯเหยียบของพระเจ้าพลันพรั่งพรูออกมา เขาได้แต่พูดออกมาด้วยความเขินอาย: “อืม เพราะข้ายังไม่อาจเทียบกับผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กได้”
ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กหัวเราะและพูดปลอบโยนไป: “ไม่เป็นไรหรอก ลักษณะภายนอกไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทพเจ้ามังกรของเจ้าเต็มไปด้วยพลัง ซึ่งถือได้ว่าค่อนข้างดีแล้ว”
“ขอบคุณขอรับ ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก”
พระเจ้ากล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงหันไปพูดกับหลินเฉิน “หลินเฉิน บอกความปรารถนาของเจ้ามา”
หลินเฉินพยักหน้าและพูดกับเนลก่อน: “เนล พรของแรกของข้าช่วยบอกให้โปรุนก้าฟื้นฟูดาวเคราะห์ติ๋ว!”
จากนั้นเขาก็พูดกับเชนรอนว่า “ได้โปรดชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ติ๋วที่ถูกฟรีเซอร์ทำลายด้วย!”
นี่คือเหตุผลที่หลินเฉินเรียกมังกรของดาวเคราะห์สองตัวมาในเวลาเดียวกัน
ไม่ใช่แค่ฮานาเซียเพียงคนเดียวที่หลินเฉินต้องการฟื้นคืนชีพ แต่เพราะโปรุนก้าไม่สามารถชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตหลายชีวิตได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นหลินเฉินจึงได้แต่ต้องพาเชนรอนมาด้วย หากเขาต้องการจะชุบชีวิตคนจำนวนมาก
ทว่าเชนรอนสามารถให้พรได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้นเพื่อที่จะชุบชีวิตผู้คนบนดาวเคราะห์ติ๋ว ดาวเคราะห์ทิวจะต้องได้รับการฟื้นฟูเสียก่อน
ดังนั้นหลินเฉินจึงรวบรวมลูกแก้วมังกรของดาวเคราะห์ทั้งสองมาในเวลาเดียวกัน
เมื่อหลินเฉินกล่าวคำอธิษฐานของเขาไป เขาก็เห็นดวงตาของเบิกกว้างขึ้นและโปรุนก้าสว่างขึ้น
โปรุนก้าเป็นผู้ที่กล่าวออกมาก่อน: “ชาวไซย่า พรของเจ้าสัมฤทธิ์ผล ดาวเคราะห์ติ๋วถูกฟื้นฟูแล้ว!”
จากนั้นเชนรอนก็กล่าวออกมาตาม “พรของเจ้าสมปรารถนาแล้ว ชาวไซย่า ขอบคุณที่ให้ทำให้ข้าได้มาพบกับพี่น้อง เช่นนั้นลาก่อน!”
หลังจากนั้นร่างที่ลอยอยู่ของเชนรอนก็เปลี่ยนกลับเป็นลูกแก้วมังกรเจ็ดลูกและกำลังจะบินไปยังทุกส่วนของโลก
แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่บนดาวเคราะห์นาเม็ก ดังนั้นหลินเฉินจึงไม่คิดปล่อยให้พวกมันบินไปแบบสุ่มๆ ในส่วนต่างๆ ของดาว มิฉะนั้นคงเป็นการยากที่จะนำลูกแก้วมังกรกลับไปยังโลก
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ลูกแก้วมังกรจะบินหนีไป หลินเฉินก็กระโดดขึ้นสูงและจับลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ดได้ในคราวเดียว
ในเวลานั้นเอง บนดาวเคราะห์ติ๋ว
หลายคนลุกขึ้นจากพื้นด้วยสีหน้าสับสน รวมถึงฮานาเซียและชาวไซย่าที่เสียชีวิตไปแล้ว
“ฟรีเซอร์!”
ทันทีที่นางฟื้นคืนชีพ ฮานาเซียตะโกนออกมา แต่แล้วนางก็ตระหนักได้ทันทีว่านางดูเหมือนกำลังอยู่บนดาวเคราะห์ติ๋ว
“น่าแปลก? ฟรีเซอร์และพวกของมันอยู่ที่ไหนกัน?”
“ราชินีฮันนาห์!”
ใกล้กับฮานาเซีย ชาวไซย่าหลายคนที่เพิ่งฟื้นคืนชีพรวมตัวกันและกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกัน?
หลายคนจำได้ว่าพวกเขาควรจะตายไปแล้ว
เมื่อได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกัน ฮานาเซียเองก็ตระหนักว่าตัวนางได้ตายไปแล้วเช่นกัน
เพราะฟรีเซอร์เจ้าเล่ห์ไม่สามารถเอาชนะนางได้ ทันใดนั้นเขาก็ใช้วิชาเพื่อทำลายดาวเคราะห์ติ๋วลงไป
แล้วพวกเขาทั้งหมดจะรอดได้ยังไงกัน? แต่เหตุใดดาวเคราะห์ติ๋วถึงฟื้นคืนกลับมากันล่ะ?
ในเวลาเดียวกันกับที่ฮานาเซียและคนอื่นๆ รู้สึกสับสน ก็ได้มีเอเลี่ยนตัวจำนวนหนึ่งบนดาวที่เริ่มตะเกียกตะกายไปยังยานอวกาศที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อที่จะหนีไปยังอวกาศ
มนุษย์ต่างดาวพวกนี้ล้วนเป็นทหารของกองกำลังฟรีเซอร์
เมื่อพวกเขาซุ่มโจมตีชาวไซย่า พวกเขาก็ได้ลงจอดบนดาวด้วย แต่ถูกฟรีเซอร์ฆ่าตายพร้อมกับดาวเคราะห์ติ๋ว
ตอนนี้เมื่อฟื้นคืนชีพขึ้นมา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาก็ยังจำชาวไซย่าที่อยู่ข้างๆ พวกเขาได้
ในหมู่พวกเขา มีชาวไซย่าสาวที่มีความสามารถสูงมากจนสามารถทุบตีราชาฟรีเซอร์ได้เลย ถ้าพวกเขาไม่หนีตอนนี้ พวกเขาจะรอให้อีกฝ่ายมาฆ่าหรือไง?
อีกด้านหนึ่งคือ ดาวเคราะห์นาเม็ก
เนลถามกับหลินเฉินออกมาว่า “หลินเฉิน พรของเจ้าสัมฤทธิ์แล้ว พรข้อที่สองของเจ้าคืออะไรล่ะ?”
“พรข้อที่สอง…อา ข้ายังไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยน่ะสิ” หลินเฉินยิ้มออกมาอย่างเขินอาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระเจ้าและคนอื่นๆ ก็ล้มลงกับพื้นทันที