ตอนที่แล้วนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 150 - คู่รัก?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักรบพันธุ์ผสม บทที่ 152 - อุปกรณ์ 1 ชิ้น ชิปโปรแกรม 2 อัน และทองคำ 1 แท่ง

นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 151 - ลองเชิง


หลังจากที่กล่าวปลอบโยนจนเอพริลสงบลงได้บ้างแล้ว เฟอร์กัสที่ร่างกายในตอนนี้ฟื้นคืนกลับมาอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ก็ลุกขึ้นยืน แขนของเขายังห้อยผิดรูป แต่เขากลับทำราวว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง พยายามใช้มือซ้ายยกแขนขวาของตัวเองขึ้น ก่อนจะดันไหล่ขวาเข้ากับต้นไม้ ต่อกระดูกไหล่ที่หลุดให้เข้าที่ แล้วไหล่ข้างซ้ายก็ยิ่งง่ายไปกว่านั้นมาก เพราะเมื่อแขนขวาใช้งานได้ดีแล้ว เฟอร์กัสก็แค่ใช้มันจัดการได้อย่างง่ายดาย

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็เริ่มเดินเข้ามาหาเดวิดที่กระโดดลงมากิ่งไม้ และยืนรออยู่อย่างสงบ แน่นอน! เฟอร์กัสมีเรื่องที่ต้องคุยกับเดวิดไม่น้อยเลยทีเดียว

เขาเริ่มด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับกล่าวขอบคุณออกมาด้วยเสียงที่จริงใจไม่น้อย “ฉันได้ยินมาว่านายให้ลูกแก้วจีโนมระดับสีดำขั้นสูงมาช่วยรักษาฉัน จนทำให้อาการบาดเจ็บฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว และยังถือว่าเป็นการช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ด้วย เรื่องนี้ต้องขอบคุณนายไม่น้อยเลยจริง ๆ”

หลังจากนั้นเขาก็โยนชิ้นส่วนจีโนมที่ยังเหลือของเหลวสีแดงเข้มอยู่ด้านในคืนกลับให้เดวิด ก่อนจะชี้มือเข้าหาตัวเอง “ฉันชื่อเฟอร์กัส ส่วนสาวน้อยคนนั้นคือ ‘เอพริล’” เขาชี้มือต่อไปที่นักเรียนสาวที่ยืนมองอยู่ด้านหลัง หน้าตาเริ่มมีสีเลือดขึ้นมาบ้างแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะวางใจกับอาการของเฟอร์กัสว่าจะไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นแล้ว

“ส่วนคนที่วุ่นวายอยู่กับนายนั้นคือโคลเวอร์ น่าจะรู้จักเขาแล้วใช่มั้ย? อีก 2 คนนั่น อืม?” เฟอร์กัสยังแนะนำทุกคนให้เดวิดรู้จักอย่างต่อเนื่อง โดยเขาผายมือไปที่นักเรียนชาย 2 คนที่นั่งหน้าตาเฉยชาอยู่ที่โคนต้นไม้เป็นคู่สุดท้าย “คนซ้ายชื่อ ‘ดากริน’ ส่วนคนขวาชื่อ ‘โอลาไมด์’” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลน่าฟังไม่น้อย

เดวิดทำแค่เพียงพยักหน้าให้กับ 2 หนุ่มนั่นเล็กน้อย ในขณะที่พวกเขาโบกมือทักทายมาด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ เช่นกัน

“นายช่วยพวกเราแก้ปัญหาได้ไม่น้อย ที่เชื่อมต่อกับกล่องอุปกรณ์และเก็บมันมาได้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ฉันต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก” ระหว่างที่เฟอร์กัสกล่าวเรื่องนี้ออกมา เอพริลเริ่มพึมพำอย่างไม่ชอบใจนัก ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นการบ่นและกล่าวโทษเดวิด ว่าเป็นเพราะเขานั่นแหละ เฟอร์กัสถึงต้องเสี่ยงและได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมาแบบนี้ สายตาของเธอที่มองมาที่เขา มีแววของความไม่พอใจเกิดขึ้นไม่น้อยเลย

สิ่งที่เธอคิดและกล่าวโทษออกมาก็ไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก ถ้าเดวิดไม่ได้อยู่ที่นั่น ไม่ได้เข้าไป ‘เปิด’ กล่องใส่อุปกรณ์ไฮเทค เจ้าวานรหมัดหินผานั่นคงจะไม่เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาขนาดนั้น และคงไม่นำพาสถานการณ์ให้เลวร้ายไปจนถึงขั้นที่เฟอร์กัสต้องเสี่ยงรับมือกับ ‘หมัดหินผา’ ของมันโดยตรงแบบนี้

เสียงบ่นของเอพริลนั่นไม่ได้เบามากนัก ทำให้เฟอร์กัสต้องยิ้มแหย ๆ ออกมา และรีบกล่าวขอโทษออกมาอย่างรวดเร็ว “อย่าไปสนใจคำพูดของเธอเลยนะ เธอน่าจะเป็นห่วงฉันมากไปหน่อยเท่านั้น ถ้านายเจอเธอในช่วงเวลาปกติ ฉันแน่ใจได้เลยว่านายต้องชอบเธอแน่ ๆ เธอเป็นคนน่ารักและนิสัยดีกว่าตอนนี้มาก”

“ฉันจำได้แล้ว! คิดออกแล้ว!! กล่องสีทอง!!! กล่องสีทองอยู่ไหน รีบเอามันออกมาเร็ว ๆ ฉันอยากเห็นว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่บ้าง?” เสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดังออกมาจากปากของโคลเวอร์ ดูเหมือนว่าในที่สุดแล้ว เขาก็คิดออกว่าตัวเองลืมอะไรไป หลังจากที่ตะโกนเสียงดังออกมา โคลเวอร์ก็รีบทิ้งตัวลงมาจากกิ่งไม้ใหญ่นั่นทันที

เฟอร์กัสยิ้มกว้างกว่าเดิม พยักหน้าให้เดวิดเบา ๆ แต่สายตาบ่งบอกออกมาอย่างชัดเจน ว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดของโคลเวอร์ และต้องการให้เดวิดนำกล่องออกมาให้ทุกคนได้เห็นด้วยกัน

แต่ดูเหมือนว่าเดวิดจะไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ เขาหรี่ตาของตัวเองลง ใบหน้านั้นแสดงลักษณะท่าทางเจ้าเล่ห์ออกมา รอยยิ้มดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก “กล่อง? กล่องอะไร? นายพูดถึงกล่องสีทองอะไรกัน?” น้ำเสียงของเขาไม่ได้ดังมากนัก แต่มันเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดเข้าไปที่หูของนักเรียนทั้ง 5 คนนั้นอย่างจัง ท่าทางของพวกเขาตะลึงงัน ไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินเลยแม้แต่น้อย

โคลเวอร์จ้องอยู่ที่เดวิดอย่างประหลาดใจ กระพริบตาปริบ ๆ อยู่อย่างไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกมา ส่วนเอพริลนั้นตอบสนองได้ดีกว่ามาก เธออยู่ในท่าเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว อัตราการหมุนเวียนเลือดในร่างกายของเธอนั้นเพิ่มขึ้นแล้วด้วยซ้ำ

นักเรียนชายอีกสองคนที่เหลือก็มีอาการประหลาดใจไม่น้อย แต่พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวเองให้พร้อมต่อสู้ในเวลาที่ไม่นานนัก ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาขยับตัวเองแยกจากกัน และไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่สามารถป้องกันไม่ให้เดวิดหลบหนีออกไปได้ทันที

เฟอร์กัสเป็นเพียงคนเดียวที่ยังผ่อนคลายอยู่ได้ แม้ว่าจะมีแววตาแห่งความประหลาดใจเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ใบหน้านั้นก็ยังมีรอยยิ้มอยู่ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เดวิดรู้สึกอึดอัดและรำคาญใจมาก เพราะมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า เฟอร์กัสรู้ว่าเขาเพียงแค่ต้องการทดสอบปฏิกิริยาของทุกคนเท่านั้น

และที่ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับบางคนที่ไม่ได้รู้จักเขาดี แต่กล้าให้ความไว้วางใจ และกล้าเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ลงมือทำอะไรที่อันตรายกับพวกเขาแบบนี้ มันทำให้เดวิดรู้สึกไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร แต่การได้รับความเชื่อถือ เชื่อมั่นแบบนี้ ทำให้เดวิดรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

โคลเวอร์รวบรวมสติของตัวเองกลับมาได้บ้างแล้ว เขาสามารถเปิดปากขึ้นมาได้ในที่สุด “นายหมายความว่ายังไง กล่องสีทองนั่นไง! ที่มันกลายเป็นเป้อยู่บนหลังนายนั่นน่ะ!”

รอยยิ้มของเขายังชั่วร้ายอยู่เหมือนเดิม เดวิดกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ “อ้อ! อันนี้นะเหรอ? แต่ทำไมฉันต้องเอามันให้พวกนายดูด้วยล่ะ มันไม่เห็นจะจำเป็นเลยสักนิดนี่?”

เมื่อคำพูดของเขาสิ้นสุดลง บรรยากาศทั่วบริเวณเริ่มตึงเครียดขึ้นมาในทันที กลิ่นอายแรงกดดันถูกส่งออกมาตลบอบอวลไปทั่วพื้นที่ แม้แต่โคลเวอร์ก็เริ่มหมุนเวียนเลือดในร่างกายตัวเองแล้ว

“แก! เจ้าสาระเลว! ถ้าไม่ใช่พวกเรายอมเสี่ยงชีวิตสู้กับเจ้าลิงยักษ์ตัวนั้น แกจะมีปัญญาเอามันมาได้มั้ย? แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดจะทำอะไรกันแน่?” เสียงตวาดแหวมาจากเอพริลดังลั่น มือที่ชี้หน้าเดวิดนั้นสั่นระริกไปด้วยอารมณ์โกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดและเครียดแค้น

“ฮ่าฮ่า! อย่างนั้นหรือ? และใครเป็นคนของให้พวกเธอเสี่ยงชีวิตกันล่ะ ไม่ใช่ฉันนี่! และขอบอกตามตรงนะ ด้วยความสามารถของฉัน เจ้าลิงยักษ์ตัวแค่นั้น ไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก ไม่มีพวกเธอ ฉันก็ยังสามารถเอากล่องนี้มาได้อยู่ดี” เดวิดกล่าวสวนออกไปอย่างไม่ลดละ

ดวงตาของเอพริลกลายเป็นแดงกล่ำไปหลังจากได้ยินคำพูดของเดวิด ถ้าเป็นคนอื่นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส อารมณ์โกรธของเธอไม่น่าจะเกรี้ยวกราดขนาดนี้ แต่ผู้ที่ต้องเสี่ยงชีวิตคราวนี้คือเฟอร์กัส และอาการบาดเจ็บนั้นเกือบทำให้ต้องเสียชีวิตไปเลยด้วย การยั่วยุของเดวิดแบบนี้ ทำให้เธอโกรธมากยิ่งขึ้นจากเดิมไปอีก

“แก!!” มือของเธอสั่นจนแทบจะยกชี้หน้าเดวิดไม่ไหวแล้ว เอพริลโกรธจนหน้าแดงหน้าดำ ควันแทบจะลอยออกมาจากหู

“แกอะไร? แก ๆ อยู่นั่นแหละ! ฉันพูดอะไรผิดไปหรือยังไง? จะโกรธอะไรกันนักหนาเนี่ย?” เดวิดกล่าวถามออกมาอย่างยียวน ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขากล่าวแหย่รังแตนออกมาต่อ “อ้อ! หรือว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักคือแฟนของเธอ ก็เลยได้โกรธจนไม่ลืมหูลืมตาขนาดนี้! อืม!! นี่ก็มีเหตุผลอยู่นะ” รอยยิ้มของเขายียวนกวนบาทาไม่น้อยทีเดียว

และนั่นกลายเป็นคำพูดที่ทำให้ความอดทนของเอพริลหมดลงอย่างสิ้นเชิง เธอกระทืบเท้าลงกับพื้นอย่างรุนแรง อัตราการหมุนเวียนเลือดพุ่งทะลุขีดจำกัดไปแล้ว ตอนที่ร่างของเธอพุ่งออกมาจากจุดที่ตัวเองยืนอยู่ เอพริลตั้งใจจะโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของตัวเองเลย

แต่หลังจากพุ่งมาได้เพียงครึ่งทางเท่านั้น ร่างของเธอถูกมือข้างหนึ่งยื่นออกไปขวางเอาไว้ก่อน น่าแปลกใจไม่น้อยที่เอพริลสามารถหยุดตัวเองลงได้ในทันที อาจเป็นเพราะคนที่ยื่นมือเข้ามาขัดขวางเป็นเฟอร์กัสก็ได้

“เอพริลหยุดก่อน! ให้ฉันจัดการเอง” เสียงของเขาดังขึ้นมาอย่างอ่อนโยน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด