ตอนที่ 961 แนวปะการังโพไซดอน(แนวปะการังเทพเจ้าแห่งท้องทะเล)
ตอนที่ 961 แนวปะการังโพไซดอน
“ทำไมยังมาเดินอยู่แถวนี้อีก ถ้าเด็กโดนทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง โชคดีที่มีคนที่ทรงพลังได้ฆ่าปูยักษ์ไปแล้ว ไม่งั้นพวกมันคงบุกเข้ามมาในเมือง แล้วถ้าเกิดเด็กคนนี้เป็นอะไรไป นายจะอธิบายกับภรรยานายยังไง” ชายวัยกลางคนพบโจวเหวินอีกครั้งและตักเตือนเขาอีกครั้ง
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” โจวเหวินรู้ว่าเขามีเจตนาดีจึงรีบพูด
“ดูแลเด็กให้ดีๆและรีบกลับบ้าน เด็กเหล่านี้คืออนาคตของเรา” ชายวัยกลางคนสอนโจวเหวินอีกสองสามประโยค ก่อนเขาจะจากไป
โจวเหวินอุ้มเด็กไปที่ประตูเมืองในอีกทางหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปที่แนวปะการังโพไซดอน วันนี้เขาค่อยข้างโชคดี เขามีลางสังหรณ์ว่าอาจจะเจอรูปสลักมือ
คนท้องที่เรียกแนวปะการังโพไซดอนว่าแนวปะการังราชามังกร เมื่อน้ำลดลง จะเห็นแนวปะการังรูปมังกรที่ลอยอยู่บนผิวทะเลเหมือนมังกรที่ลอยขึ้นลงในทะเล
ตำนานเล่าว่าแนวปะการังดังเดิมคือมังกรทะเล เนื่องจากข้อห้ามของสวรรค์และโลก ตระกูลมังกรทะเลจึงไม่สามารถขึ้นมาบนบก อย่างไรก็ตามลูกของมังกรทะเลที่เพิ่งเกิด ด้วยความซุกซนของเขาเลยถูกชาวประมงจับไป
มังกรทะเลเพิกเฉยต่อข้อห้ามของสวรรค์และโลก เพื่อที่จะช่วยชีวิตลูกของเขา มังกรทะเลไม่สนใจข้อห้ามของสวรรค์และโลก รีบไปที่แผ่นดินและนำลูกของเขากลับมา แต่เนื่องจากเขาฝ่าฝืนข้อห้าม เขาจึงกลายเป็นหินก่อนที่จะได้กับลงสู่ทะเลและได้อยู่ตรงนี้ตลอดไป
เดิมเป็นเพียงตำนานแต่ต่อมา หลังจากเกิดพายุสุริยะ พื้นที่ใกล้แนวปะการังโพไซดอนกลายเป็นพื้นที่ต่างมิติและมีสิ่งมีชีวิตต่างมิติที่น่าสะพรึงกลัวมากมายปรากฏตัวขึ้น
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครไปถึงแนวปะการังโพไซดอนและไม่ทราบว่าแนวปะการังโพไซดอนได้เปลี่ยนกลับเป็นมังกรอีกครั้งหรือไม่
ตอนนี้ไม่สามารถเห็นแนวปะการังโพไซดอนจากชายฝั่ง ในทะเลน้ำตื้นมีทหารกุ้งและแม่ทัพปูมากมาย ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมหากาพย์ ว่ากันว่าในส่วนลึกของแนวปะการังโพไซดอน มีนายพลเต่าซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างมิติระดับเร้นลับที่ทรงพลัง
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปในทะเลลึกจึงไม่รู้ว่าตำนานเหล่านี้จริงหรือเท็จ
ในเมืองกุ้ยไห่มีคนไม่มากนักที่กล้าเข้าไปในแนวปะการังโพไซดอน เมื่อโจวเหวินมาถึง เขาไม่พบใครเลย
ก่อนที่จะมา โจวเหวินติดต่อหลี่ซวน แต่โทรศัพท์มือถือของเขาไม่มีสัญญาณ เขาคาดว่าเขาอยู่ในพื้นที่ต่างมิติ
“พ่อหนุ่ม ทำไมนายไม่ฟัง แล้วยังมาที่นี้พร้อมกับเด็กอีก?” โจวเหวินเพิ่งมาถึงขอบพื้นที่ต่างมิติของแนวปะการังโพไซดอนและก่อนที่เขาจะเข้าไป เขาได้ยิน เสียงที่คุ้นเคยอีกครั้ง
เมื่อหันกลับไปมอง เขาแน่ใจว่าเป็นชายวัยกลางคนที่เคยเตือนเขา
“พี่ชายบังเอิญจัง คุณมาทำอะไรที่นี่” โจวเหวินถามชายวัยกลางคนด้วยรอยยิ้ม
“กองทัพปูที่ขึ้นฝั่งครั้งนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับแนวปะการังโพไซดอน ก็เลยมาตรวจสอบ ฉันบอกกับนายหลายรอบแล้วแต่นายก็ยังพาลูกของนายไปในที่อันตราย นายช่างงี่เง่านัก” ชายวัยกลางคนพูด
“นี่คือน้องสาวของผม” โจวเหวินอธิบาย
“แล้วไง นายก็ไม่ควรพาเธอมาที่อันตรายแบบนี้ ดูจากอายุของนายแม่ของนายก็คงต้องอายุมากแล้ว ถึงเสี่ยงให้กำเกิดลูกสาวที่ยังเด็กขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น นายจะไปอธิบายกับแม่ยังไง” ชายวัยกลางคนสอนโจวเหวินอย่างหนัก
โจวเหวินกำลังอธิบายบางอย่างแต่เขากับได้ยินเสียงคำรามของมังกรดังมาจากทางทะเล
เพียงเพราะพวกเขายังไม่ได้เข้าพื้นที่ต่างมิติเมื่อมองจากตรงนี้ ทะเลเต็มไปด้วยหมอก มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน ถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีแต่ต้องเดินเข้าไป
“รีบส่งน้องสาวของนายกลับไปซะ ถ้านายอยากจะเสี่ยงก็เสี่ยงด้วยตัวเอง อย่าเอาความปลอดภัยของเด็กมาล้อเล่น”ชายวัยกลางคนบอกกับโจวเหวินแล้ววิ่งไปทางแนวปะการังโพไซดอน
“พี่ชาย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างในตอนนี้ อย่าเข้าไปข้างในเลย” โจวเหวินเตือนอย่างใจดี
“งานของฉันคือสำรวจพื้นที่ต่างมิติบริเวณใกล้เคียง หากมีอันตรายฉันต้องแจ้งเตือนล่วงหน้า นายกลับไปก่อนได้เลย ข้าต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” ชายวัยกลางคนรีบเข้าไปในพื้นที่ต่างมิติแนวปะการังโพไซดอน
โจวเหวินไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปตั้งแต่แรก เขาแค่จะมองหารูปสลักมืออยู่แค่ข้างนอก แต่เห็นว่าลุงคนนี้เป็นคนดี เขาถึงตัดสินใจตามลุงคนนั้นเข้าไปถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาสามารถช่วยลุงคนนั้นได้ทัน
ในยุคนี้มีคนไม่มากนักที่เต็มใจใส่ใจคนอื่นโจว เหวินจึงไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะอุ้มหยาเอ๋อและเดินเข้าไปในหมอก หมอกมันดูหนามากเหมือนไม่มีวันจากหายไป แต่เมื่อโจว เหวิน เดินเข้าข้างใน เขาเห็นหาดทรายสีทอง สายลมและแสงแดด
ขณะนั้นชาววัยกลางคนกำลังยืนอยู่บนชายหาด จ้องมองไปยังทิศทางของทะเล
โจวเหวินมองตาม ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นทันที เขาเห็นมังกรทองกำลังเล่นอยู่ในทะเล เกล็ดของมันสีทองคำอร่าม ส่องแสงอย่างลึกลับภายใต้ดวงอาทิตย์
โจว เหวินเคยเห็นเหตุการใหญ่ๆมามาก เขาได้เห็นมังกรมา มากมายและเขาได้ฆ่ามังกรบางตัว เขาตอบสนองอย่างรวดเร็วและใช้สกิลลมหายใจเต๋าอย่างรวดเร็วเพื่อยับยั้งลมหายใจของเขาเพื่อไม่ให้มังกรทองหันมาสนใจ
รัศมีของมังกรทองเปรียบได้กับมังกรสีขาวที่โจวเหวินเคยเห็นภายใต้ถ่ำหลงจิ่ง มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับความกลัว โจวเหวินไม่เต็มใจที่จะต่อสู้กับมันหากไม่รู้ความสามารถของคู่ต่อสู้
ดูเหมือนว่ามังกรทองจะไม่สนใจมนุษย์ที่เหมือนมด ว่ายไปมาในมหาสมุทรและดูเหมือนจะอารมณ์ดี
ชายวัยกลางคนก็หายจากอาการตกใจ เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่าเขาไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบมังกรทอง เขาค่อย ๆ ก้าวถอยหลังและต้องการออกจากพื้นที่ต่างมิติแนวปะการังโพไซดอน
หลังจากถอยห่างออกไปไม่กี่ก้าว เขาเห็นโจวเหวินอุ้มหยาเอ๋อและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
โจวเหวินรีบทำมือปิดปากบอกเขาไม่ให้พูด เพื่อไม่ให้รบกวนมังกรทอง
โชคดีที่ชายวัยกลางคนไม่ได้โง่ เขารู้ว่ามังกรทองไม่สามารถถูกรบกวน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจจะพูดและกลืนคำพูดทั้งหมดที่เขาต้องการตำหนิ โจว เหวิน
ทั้งสองค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปด้วยกัน พวกเขาไม่กล้าที่จะถอยเร็วเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงค่อย ๆ ก้าวไปทีละก้าว
แต่มันก็ไปได้ไม่ไกลนัก มังกรทองดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและหันมามองโจวเหวินและกับชายวัยกลางคน
ดวงตามังกรที่เหมือนคริสตัลสีทองสว่างขึ้นเมื่อเห็นพวกเขา จากนั้นครึ่งหนึ่งของร่างของมันก็โผล่ขึ้นมาจากทะเล จ้องมองลงมาที่พวกเขาแบบนั้น
“จบแล้ว!” ชายวัยกลางคนใจสั่นสะท้าน เมื่อถูกสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวจ้องมองมา โอกาสรอดน้อยมาก
มังกรทองจ้องมองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่งและทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นและปล่อยเสียงคำรามของมังกรที่น่าสะพรึงกลัว
ด้วยเสียงคำรามของมังกร ทะเลที่สงบแต่เดิมก็สั่นไหว จากนั้นโจวเหวินและชายวัยกลางคนก็เห็นว่าหลังจากเสียงคำรามเขาก็เห็นทหารกุ้งกับแม่ทัพปูกำลังขึ้นมาที่ชายฝั้ง.
“รีบไปเถอะ...” ชายวัยกลางคนดึงโจวเหวินแล้วหันหลังกลับเพื่อรีบออกจากพื้นที่ต่างมิติ
แต่เมื่อเขาหันกลับมา ก็เห็นว่าข้างหลังมีทหารกุ้งและแม่ทัพปูยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาและได้ขวางทางพวกเขาไว้หมดแล้ว