ตอนที่ 488 คำขอร้องจากคอนสแตนติน
ตอนที่ 488 คำขอร้องจากคอนสแตนติน
“ใครจะไปคิดว่าตอนนี้นายจะได้กลายเป็นผู้ปกครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬแบบนี้ ตอนนี้พวกเราอยู่ใกล้กันมากเลยนะ จะเรียกว่าพวกเรากลายเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วก็คงไม่ผิด” คอนสแตนตินเริ่มกล่าวทักทาย
“นั่นสิ ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งพวกเราจะได้กลายมาเป็นเพื่อนบ้านกันจริง ๆ ว่าแต่ช่วงนี้นายเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“การใช้ชีวิตในดินแดนต้องสาปมันจะมีอะไรดีล่ะ” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับกางแขนทั้งสองข้างของเขาออก
“ดินแดนต้องสาป?” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อไปว่า
“ฉันลืมไปเลยว่านายคือเจ้าชายแห่งอาณาจักรเทียนโลหิต และฉายาของอาณาจักรเทียนโลหิตก็ถูกเรียกว่าดินแดนต้องสาปสินะ”
“นายปกครองดินแดนแห่งความสิ้นหวัง ส่วนฉันก็อาจจะได้สืบทอดบัลลังก์เพื่อปกครองดินแดนต้องสาปในอนาคต ส่วนพื้นที่ขนาดใหญ่บริเวณนี้ก็ถูกเรียกว่าเขตทุ่งดาวแห่งความตาย ไม่ว่าจะมองยังไงชื่อของพวกมันก็ดูไม่เป็นมงคลเอาซะเลย” คอนสแตนตินกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ และเนื่องมาจากอาณาจักรเทียนโลหิตเคยเป็นสถานที่ที่เอาไว้กักขังนักโทษที่ถูกเนรเทศมาตั้งแต่สมัยโบราณ ดังนั้นการที่มันจถูกเรียกว่าดินแดนต้องสาปก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดอะไร
“ความจริงแล้วฉันควรจะต้องไปแสดงความยินดีกับนายที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬ แต่น่าเสียดายที่ฉันกำลังจะต้องแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ ฉันจึงหาเวลาว่างไปแสดงความยินดีกับนายไม่ได้จริง ๆ” คอนสแตนตินกล่าวอย่างขอโทษ
“ไว้มีโอกาสหน้าพวกเราค่อยมาเจอกันก็ได้ ตอนนี้ฉันควรจะต้องแสดงความยินดีกับนายก่อนมากกว่าที่จะได้แต่งงานในเร็ว ๆ นี้ เดี๋ยวฉันจะให้คนส่งของขวัญไปให้ก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายไม่ค่อยมีความสุขเลยที่ได้ปกครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬ?” คอนสแตนตินกล่าว
“พอดีว่าเมื่อไม่นานมานี้เพื่อนของฉันจากไปอย่างกะทันหัน และเรื่องหลาย ๆ อย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ฉันคาดการณ์เอาไว้มากนัก มันเลยทำให้ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
“นายลองมาพักผ่อนที่อาณาจักรเทียนโลหิตดูไหมล่ะ? ดาวฟรีเดลอยู่ห่างจากอาณาจักรเทียนโลหิตแค่ 4 วัน การเดินทางไปกลับเพียงแค่นี้คงจะไม่ได้ทำให้นายเสียเวลามากนัก” คอนสแตนตินกล่าว แต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาพูดอะไรผิดพลาดไป
“ขอโทษที ฉันลืมไปว่ามันไม่ได้เรียกว่าดาวฟรีเดลแล้ว ตอนนี้ฉันควรจะต้องเรียกมันว่าดาวนิวเอิร์ธสินะ”
ขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะตอบปฏิเสธเขาก็ได้พบว่าแววตาของคอนสแตนตินมีความกระตือรือร้นมาก ราวกับว่าเขาต้องการให้ชายหนุ่มไปเยี่ยมเยียนอาณาจักรเทียนโลหิตจริง ๆ
“พวกเราไม่ได้ติดต่อกันมาราว ๆ 2 ปีแล้ว จู่ ๆ ที่นายติดต่อมานายมีเรื่องสำคัญอะไรอื่นด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“พูดตามตรงก็คือตอนนี้ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายมาก” คอนสแตนตินกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
“ช่วยอธิบายรายละเอียดมากกว่านี้หน่อย”
“แม่ฉันตายหลังจากคลอดฉันออกมา ต่อมาพ่อของฉันก็แต่งงานใหม่และมีลูกกับแม่เลี้ยงของฉันด้วย มันจึงทำให้ฉันไม่ใช่ทายาทเพียงคนเดียวของอาณาจักร ที่สำคัญคือตอนนี้ร่างกายของพ่อฉันกำลังอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และมันก็ใกล้จะถึงเวลาแต่งตั้งรัชทายาทเพื่อขึ้นมาสืบทอดบัลลังก์ในอนาคตต่อไป”
“นายกับน้องชายต่างแม่ของนายต่างก็ล้วนแล้วแต่ต้องการที่จะเป็นรัชทายาทสินะ แต่ว่าแม่ของนายไม่อยู่แล้วมันจึงทำให้นายเสียเปรียบในศึกครั้งนี้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“นายยังฉลาดเหมือนเดิมจริง ๆ ความจริงแล้วตอนที่ฉันหนีไปเข้าร่วมการแข่งขันโกลเด้นฟิงเกอร์ มันก็ทำให้พ่อไม่ค่อยพอใจการตัดสินใจของฉันเท่าไหร่นัก ตำแหน่งรัชทายาทจึงโน้มเอียงไปทางน้องชายมากกว่าฉัน” คอนสแตนตินกล่าวอย่างหมดหนทาง
“แล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไรถ้าหากว่าฉันยื่นมือไปช่วยนาย?” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายจะได้มิตรภาพจากอาณาจักรเทียนโลหิต แม้ว่าอาณาจักรของพวกเราจะเป็นเพียงแค่อาณาจักรเล็ก ๆ แต่พวกเราก็สามารถหนีรอดจากความขัดแย้งภายในเขตทุ่งดาวแห่งความตายได้ นายรู้ไหมว่าทำไมพวกเขาถึงไม่เคยพยายามเข้ามารุกรานอาณาจักรของพวกเราเลย?” คอนสแตนตินกล่าว
“ทำไม?”
“นั่นก็เพราะพวกเรามีกองกำลังนักรบผู้ใช้พลังพิเศษที่ทรงพลังที่สุด พูดตรง ๆ ว่าถึงแม้นักรบทุกคนในอาณาจักรของเราจะมีอวัยวะบางส่วนที่หายไป แต่ถ้าหากว่ามันมีการต่อสู้ขึ้นจริง ๆ พวกเราก็ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น”
คอนสแตนตินพยายามเน้นย้ำว่ากองทัพของอาณาจักรเทียนโลหิตแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่มันก็ยังไม่ใช่เหตุผลที่สามารถนำมาซื้อใจเซี่ยเฟยได้
“ฉันไม่เคยพึ่งพาใครก็ขึ้นมาครองภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้เหมือนกัน และฉันก็วางแผนป้องกันมาเป็นอย่างดี ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาใครแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นไปอีก 100 ปีก็ตาม”
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้คอนสแตนตินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และเขาก็พยายามก้มหน้าลงเพื่อนึกถึงข้ออ้างข้ออื่น ๆ
“ถึงยังไงพวกเราก็มีโชคชะตาผูกพันให้มารู้จักกันแล้ว แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่ฉันจะเดินทางไปเยี่ยมนายที่อาณาจักรเทียนโลหิต ส่วนนายจะสามารถขึ้นสู่บัลลังก์ได้หรือเปล่าเรื่องนี้มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของนายเอง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอบใจมาก ถ้าฉันครองบัลลังก์ได้สำเร็จฉันจะไม่ลืมความช่วยเหลือจากนายในครั้งนี้เลย นอกจากนี้นายรู้ไหมว่าฉันเรียนรู้เทคโนโลยีเครื่องกลมาจากไหน? การเดินทางมาที่อาณาจักรเทียนโลหิตครั้งนี้ย่อมไม่ทำให้นายผิดหวังแน่นอน” คอนสแตนตินกล่าวขึ้นมาอย่างดีใจ
“ดีแล้วที่นายคิดจะสร้างพันธมิตรกับอาณาจักรเทียนโลหิตเอาไว้ ไม่ว่ายังไงเขตทุ่งดาวแห่งความตายก็ป่าเถื่อนกว่าพันธมิตรมาก ท้ายที่สุดนายก็กำลังจะจากไปและอีกไม่นานการมีมิตรย่อมดีกว่าการมีศัตรู” อันธกล่าวหลังจากที่เซี่ยเฟยตัดการเชื่อมต่อไป
—
อาหารชั้นเลิศถูกเสิร์ฟลงบนโต๊ะ เซี่ยเฟย, แอวริลและพอตเตอร์จึงกินดื่มและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยก็เล่าเรื่องคอนสแตนตินให้ทั้งคู่ได้ฟัง ซึ่งพอตเตอร์ก็สนับสนุนว่าการตัดสินใจของเขาเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
ท้ายที่สุดอาณาจักรเทียนโลหิตก็อยู่ใกล้กับภูมิภาคดาวเหวทมิฬมาก และมันย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาจะมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งเข้ามาเพิ่ม ท้ายที่สุดสถานการณ์ในเขตทุ่งดาวแห่งความตายก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การมีมิตรย่อมดีกว่าการมีศัตรูอย่างที่อันธได้พูดเอาไว้จริง ๆ
“เซี่ยเฟย ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีถ้าหากเราสามารถผลักดันคอนสแตนตินขึ้นไปบนบัลลังก์ได้ แต่ระหว่างนั้นเราก็ต้องพยายามอย่าเป็นศัตรูกับน้องชายของเขาด้วย” พอตเตอร์กล่าว
“ผมเข้าใจครับ เดี๋ยวผมจะพิจารณาสถานการณ์หลังจากที่ได้เดินทางเข้าไปในอาณาจักรเทียนโลหิตอีกที” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ระหว่างบทสนทนาแอวริลดูเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ได้พูดเรื่องอะไรออกมาและคิดว่าจะคุยเรื่องนี้กับเซี่ยเฟยหลังจากที่พอตเตอร์เดินทางกลับไปแล้ว
“แอวริล วันนี้เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับลูบผมของหญิงสาวอย่างรักใคร่
“พ่อบ้านผางติดต่อมาตอนที่ฉันอยู่ในครัวบอกว่าช่วงนี้สุขภาพของคุณปู่ไม่ค่อยดีนัก” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ ขณะซบหน้าอกของเซี่ยเฟยเหมือนนกตัวน้อย
“จะว่าไปเธอก็มาอยู่กับฉันตั้งหลายเดือนแล้ว สถานีฐานเชื่อมต่อข้อมูลของสตาร์เน็ตเวิร์กในพื้นที่นี้ก็น่าจะถูกติดตั้งครบหมดแล้ว เธอจะกลับไปบ้านช่วงนี้ก็ไม่เป็นอะไรนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
แอวริลไม่อยากแยกจากกับเซี่ยเฟยเป็นเวลานาน เธอจึงก้มหน้าลงครุ่นคิดเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะกล่าวออกไปเบา ๆ ว่า
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอกลับบ้านแล้วฉันจะรีบกลับมาในอีก 2 เดือนนะ”
ในตอนกลางคืนเซี่ยเฟยก็นอนไม่หลับเขาจึงเดินออกไปที่ห้องซ้อมคนเดียว ก่อนที่เขาจะหยิบต้นกรงเล็บภูติโลหิตและบัวรดน้ำออกมาจากแหวนมิติ
ตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยได้กรงเล็บภูติโลหิตมามันก็เป็นสีแดงเข้มตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และในตอนนี้เขาก็ได้รดน้ำมันด้วยน้ำจากทะเลสาบที่เขานำแก่นชีวิตไปติดตั้งไว้ติดต่อกันมาแล้วกว่า 3 เดือน แต่สภาพของกรงเล็บภูติโลหิตก็ยังคงมีสภาพอยู่เหมือนเดิม
“แปลกจริง ๆ ปกติกรงเล็บภูติโลหิตน่าจะถึงเวลาเก็บเกี่ยวตั้งนานแล้ว ทำไมกรงเล็บภูติโลหิตต้นนี้มันถึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย?” อันธกล่าวขึ้นมาอย่างหมดหนทาง
เซี่ยเฟยค่อย ๆ รดน้ำสมุนไพรอย่างช้า ๆ ซึ่งเขาก็ได้ใช้แหล่งน้ำที่เต็มไปด้วยพลังงานรดน้ำมันเช้าเย็นไม่เคยขาดเลยแม้แต่วันเดียว
หลังจากจัดการรดน้ำกรงเล็บภูติโลหิตเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เก็บมันเข้าไปไว้ในแหวนมิติอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบกระป๋องออกมาตรวจสอบชิ้นส่วนภายในร่างกายของมันอย่างระมัดระวัง ซึ่งเขามักจะทำเรื่องนี้ทุก ๆ 2-3 วันอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนแต่กระป๋องก็ไม่ได้แสดงสัญญาณว่าจะตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นเซี่ยเฟยก็พยายามใช้กฏแห่งความโกลาหลที่แขนซ้ายและพยายามดึงหงส์ครามออกมาจากแขนขวา แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามทำแค่ไหนแต่ทั้งกฏแห่งความโกลาหลและหงส์ครามก็ยังคงนิ่งสนิทอยู่เหมือนเดิม
“ดูเหมือนว่าฉันควรจะต้องออกไปเที่ยวเล่นบ้างสินะ การใช้ชีวิตแบบสงบ ๆ คงไม่เหมาะกับฉันเท่าไหร่นัก” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองพร้อมกับแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
—
เมื่อถึงเวลาที่แอวริลเดินทางกลับไปพันธมิตร นอกเหนือจากกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดที่จะต้องเดินทางไปส่งเธอแล้ว ทีมขนส่งของซาร่าและกองยานที่ 3 ของบริษัทควอนตัมก็จำเป็นจะต้องกลับไปจัดการเรื่องการขนส่งที่พันธมิตรด้วยเช่นกัน
การก่อสร้างภายในภูมิภาคดาวเหวทมิฬจำเป็นจะต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมหาศาล ซึ่งการพยายามจะหาวัตถุดิบจากท้องถิ่นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก กองยานของซาร่าจึงจำเป็นจะต้องเดินทางระหว่างพันธมิตรกับภูมิภาคดาวเหวทมิฬอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อมีกองยานอันทรงพลังมาคอยอารักขาทีมขนส่งในระหว่างการเดินทาง เซี่ยเฟยจึงไม่จำเป็นจะต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของกองยานอีกต่อไป และนอกจากนี้เขายังมอบชุดโกลเด้นสปิริตให้กับแอวริลแล้ว ดังนั้นถ้าหากว่ามันไม่ได้มีนักสู้ระดับอิมมอทอลลิตี้มาทำร้ายแอวริลจริง ๆ มันก็ไม่มีใครสามารถที่จะผ่านการป้องกันของชุดเกราะระดับอิมมอทอลลิตี้ชุดนี้ไปได้
หลังจากแอวริลออกเดินทาง เซี่ยเฟยก็เริ่มเตรียมตัวออกเดินทางไปยังอาณาจักรเทียนโลหิตด้วยเช่นกัน
นอกจากของขวัญตามปกติแล้วเซี่ยเฟยยังได้เตรียมน้ำจากทะเลสาบ 4 ชั้นไปให้คอนสแตนตินเป็นจำนวนมาก เพราะน้ำในทะเลสาบนี้เต็มไปด้วยพลังงานของแก่นชีวิต ซึ่งช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืชพันธ์ุในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยได้ มันจึงทำให้แม้แต่ต้นอ่อนเล็ก ๆ ก็สามารถเติบโตกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถเปลี่ยนแปลงดินแดนอันแห้งแล้งรอบ ๆ ทะเลสาบให้กลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือน จนทำให้พอตเตอร์ถึงกับขนานนามทะเลสาบรอบ ๆ บ้านหลังใหม่ของเขาว่าทะเลสาบวิเศษ
แน่นอนว่าทะเลสาบ 4 ชั้นถูกล้อมรอบด้วยกองกำลังป้องกันเพื่อไม่ให้ใครเข้าใกล้มันได้นอกเหนือจากเซี่ยเฟย เพราะท้ายที่สุดแก่นชีวิตที่อยู่ก้นทะเลสาบ 4 ชั้นคือของที่สำคัญมาก ดังนั้นถ้าหากว่ามันถูกใครบางคนขโมยไป มันก็คงจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
หลังจากขึ้นมาบนยานฟินิกซ์พร้อมกับขนอุยแล้ว เซี่ยเฟยก็ทำการเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับระบบเพื่อเปิดเส้นทางที่คอนสแตนตินส่งมาให้ จากนั้นเขาก็ตั้งค่าให้ฟินิกซ์เริ่มออกเดินทางโดยอัตโนมัติผ่านทางเส้นทางที่เขาได้ตั้งค่าเอาไว้
หากไม่มีเส้นทางการเดินทางที่คอนสแตนตินส่งมาให้ มันจะทำให้การเดินทางไปยังอาณาจักรเทียนโลหิตเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก จากแต่เดิมที่ควรจะต้องใช้เวลาในการเดินทางเพียงแค่ 4 วันอาจจะต้องเพิ่มระยะเวลาการเดินทางไปเป็น 40 วันเลยก็ได้
ทันใดนั้นเองเครื่องสื่อสารของเซี่ยเฟยก็ดังขึ้น ก่อนที่มันจะเผยเห็นว่าผู้ติดต่อมาคือหมายเลขของเฉินตง
“ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกนาย” เฉินตงกล่าวอย่างเคร่งขรึม แต่ในแววตาของเขามีร่องรอยของความตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
“มีอะไร?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันอยากจะขอบคุณนายมาก ๆ”
“นายจะมาขอบใจฉันทำไม?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะท่าทางของเฉินตงดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณที่นายช่วยสอนทฤษฎีเยสให้กับฉัน” เฉินตงกล่าว
“ความจริงแล้วฉันก็แค่พยายามหาวิธีเอาตัวนายออกมาจากห้องฝึก เพราะการดูดซับพลังงานจากหัวใจแห่งจักรวาลเข้าไปเป็นจำนวนมากมันไม่ใช่เรื่องดีต่อร่างกายของนาย ดังนั้นเรื่องนี้มันจึงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย นายไม่จำเป็นจะต้องขอบคุณฉันอย่างจริงจังขนาดนั้นก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ฉันต้องขอบคุณน่ะถูกแล้ว และตอนนี้ฉันก็กำลังจะไปแล้วด้วยเหมือนกัน” เฉินตงกล่าวอย่างจริงจัง
“นายกำลังจะไปไหน?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ฉันบอกไม่ได้ แต่มันเป็นที่ที่ดีมากแน่นอน” เฉินตงกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ถ้ามันลึกลับขนาดนั้นก็ไม่ต้องบอกฉันก็ได้ แต่ถ้าหากนายมีเวลาก็ลองมาเยี่ยมฉันที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงข้อตกลงที่เขาได้ทำเอาไว้กับหยูเจียง เขาจึงกล่าวเสริมออกไปอีกเล็กน้อยว่า
“ถ้านายจะมาก็ต้องรีบหน่อยนะ”
“ฉันคิดว่าฉันคงต้องไปอีกนาน คงจะไม่ได้ไปเยี่ยมนายเร็ว ๆ นี้หรอก” เฉินตงกล่าว
“นานแค่ไหน?”
“นานก็คือนานนั่นแหละ มันอาจจะยาวนานเพียงแค่ไม่กี่ปีหรืออาจจะยาวนานหลายสิบปีเลยก็ได้”
เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ท้ายที่สุดเฉินตงก็ไม่ใช่คนพูดเก่ง เพราะเขามักจะใช้เวลาอยู่กับการต่อสู้และการฝึกฝน ดังนั้นการที่เฉินตงพูดออกมามากขนาดนี้ก็ถือว่าค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติมากแล้ว
“เฉินตงกำลังจะไปไหนกันแน่? เขาถึงไม่รู้ว่าตัวเองจะกลับมาได้ตอนไหน” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองหลังจากที่เขาได้ตัดการเชื่อมต่อกับสหายไป
“แค่เขาติดต่อมาหานายก็ดีเท่าไหร่แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาเลยก็ได้ที่เขาพูดออกมามากขนาดนี้ บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญกับเขามาก เขาเลยพยายามมาบอกนายก่อนที่เขาจะออกเดินทาง” อันธกล่าว
“ช่างมันเถอะ ถึงยังไงทุกคนก็มีเส้นทางเป็นของตัวเอง ฉันแค่หวังว่าเจ้านั่นจะไม่ผันตัวไปเป็นโจรสลัดก็พอ”
***************