ตอนที่ 487 การพัฒนาดาวฟรีเดล
ตอนที่ 487 การพัฒนาดาวฟรีเดล
จู่ ๆ ขนอุยก็บุกเข้ามาขัดขวางช่วงเวลาหวานแหววระหว่างเซี่ยเฟยกับแอวริล โดยมันกัดขากางเกงของเซี่ยเฟยและพยายามลากเขาออกไปอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ชายหนุ่มอดที่จะรู้สึกตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของมันไม่ได้
“มันเกิดอะไรขึ้น!?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว เพราะขนอุยไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยกับแอวริลก็ตามขนอุยไปจนถึงโกดังชั้นล่างสุดของฟินิกซ์ ก่อนที่จะได้เห็นกระป๋องนอนราบอยู่กับพื้นโดยไร้ซึ่งสัญญาณการมีชีวิต
“กรี๊ด!” แอวริลกรีดร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่จะเอามือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ขณะจ้องมองออกไปด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“กระป๋อง ๆ นายเป็นอะไรไป?” เซี่ยเฟยเดินไปหยิบกระป๋องขึ้นมาพร้อมกับพยายามเรียกชื่อให้มันกลับมาทำงานอีกครั้ง
แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะเขย่าหรือตะโกนเรียกชื่อมันมากแค่ไหน แต่กระป๋องก็ยังไม่มีการตอบสนอง และการที่จู่ ๆ กระป๋องตัวน้อยได้มาเป็นแบบนี้ มันก็ทำให้แอวริลไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ได้
“เซี่ยเฟย กระป๋องแค่แบตหมดใช่ไหม?”
เซี่ยเฟยไม่ตอบแต่ยกกระป๋องขึ้นมาด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างหนึ่งรีบจูงแอวริลกลับไปที่ห้องของเขา
“ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร ขอฉันไปเอากล่องเครื่องมือมาตรวจสอบระบบภายในของมันก่อน กระป๋องเป็นหุ่นยนต์ที่อยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณ บางทีระบบไฟฟ้าด้านในของมันอาจจะเกิดการลัดวงจร”
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามปลอบแอวริลออกไปแบบนั้น แต่ภายในใจของเขากลับไม่มีเงื่อนงำความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกระป๋องเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็มักที่จะตรวจสอบสภาพร่างกายของกระป๋องอยู่ทุกเดือน เขาจึงรู้ดีว่าชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในกระป๋องทุกชิ้นต่างก็สามารถทำงานได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ และการที่จู่ ๆ มันได้ล้มลงแบบนี้มันย่อมไม่ใช่สถานการณ์ที่ปกติอย่างแน่นอน
เมื่อกลับมาจนถึงห้องเซี่ยเฟยก็วางกระป๋องลงบนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเริ่มถอดเปลือกด้านนอกของมันออกอย่างรวดเร็ว และทำการทดสอบส่วนประกอบของมันทีละชิ้นด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบสัญญาณ
แอวริลเฝ้าดูการตรวจสอบของเซี่ยเฟยอย่างใจจดใจจ่อ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอได้เล่นกับกระป๋องอยู่เสมอ จนทำให้เธอถือว่ากระป๋องเป็นเพื่อนตัวน้อยของเธอไปแล้ว
“ระบบปิดตัวเองงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับขมวดคิ้ว
“มันร้ายแรงไหม?” แอวริลกับอันธถามขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
“ฉันยังบอกไม่ได้เหมือนกัน ดูเหมือนว่าระบบวิเคราะห์ของกระป๋องจะตัดสินว่าควรปิดใช้งานชิ้นส่วนทุกชิ้นภายในร่างกาย เดี๋ยวฉันจะลองพยายามเปิดใช้งานมันขึ้นมาอีกครั้งก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยพยายามเชื่อมต่อระบบพลังงานของกระป๋องอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทำการกดสวิตช์เริ่มระบบด้วยมือของตัวเอง
ร่างกระป๋องส่งเสียงขึ้นมา 2-3 ครั้งพร้อมกับดวงตาอิเล็กทรอนิกส์ของมันที่เริ่มส่องสว่างขึ้น แต่หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่วินาทีดวงตาอิเล็กทรอนิกส์นี้ก็ดับลงไปอีกครั้ง
หลังจากลองซ้ำ ๆ อยู่หลายครั้งเซี่ยเฟยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องหยุดวิธีการนี้เอาไว้ก่อน
“ระบบวิเคราะห์อัจฉริยะของมันไม่ยอมทำตามคำสั่งที่ฉันป้อนเข้าไปเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“เราลองใช้หุ่นยนต์ซ่อมแซมอัตโนมัติที่เราได้มาจากไซเรนฮิลล์ดูไหม? ของชิ้นนั้นเป็นเทคโนโลยีจากดินแดนของผู้ใช้กฎ คราวที่แล้วนายก็เอามันมาซ่อมระบบแบล็คแบทได้ไม่ใช่เหรอ?” อันธกล่าว
เมื่ออันธกล่าวขึ้นมาเขาก็จำได้ทันทีว่าเขามีหุ่นยนต์ซ่อมแซมอัตโนมัติอีกสามตัว เขาจึงรีบนำพวกมันออกมาจากแหวนมิติในทันที
เมื่อเปิดใช้งานหุ่นยนต์ตัวน้อยทั้งสามตัวก็รีบปีนขึ้นไปบนลำตัวของกระป๋อง แต่หลังจากที่มันทำการตรวจสอบทั่วทั้งร่างของกระป๋องแล้ว พวกมันก็กลับไปเป็นลูกบอลลูกเล็ก ๆ เหมือนเดิมโดยไม่ได้ลงมือทำการซ่อมแซมใด ๆ
“มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหุ่นยนต์ซ่อมแซมอัตโนมัติถึงไม่ทำอะไรเลย?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด
“การที่มันมีปฏิกิริยาแบบนี้มันก็หมายความว่า ระบบประมวลผลของหุ่นยนต์ซ่อมแซมอัตโนมัติวิเคราะห์ว่าระบบภายในของกระป๋องไม่ได้รับความเสียหาย และมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการซ่อมแซม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เริ่มซีดเผือด
“บ้าหรือเปล่า?! ถ้ากระป๋องไม่เสียแล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?” อันธเริ่มคำรามอย่างโมโห
ในเวลาเดียวกันแอวริลก็กอดแขนของเซี่ยเฟยเอาไว้แน่น พร้อมกับดวงตาที่จับจ้องมองไปยังกระป๋องตลอดเวลา จากนั้นหยดน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างของเธออย่างช้า ๆ
ยิ่งแอวริลเป็นแบบนี้อารมณ์ของเซี่ยเฟยก็ยิ่งดำดิ่งลง ท้ายที่สุดกระป๋องก็อยู่กับเขามานาน แล้วมันก็กลายเป็นหนึ่งในคู่หูที่ภักดีที่สุดของเขาไปแล้ว ดังนั้นเมื่อจู่ ๆ หนึ่งในคู่หูของเขาถูกปิดระบบลงไปอย่างกะทันหัน มันจึงทำให้เขารู้สึกเหมือนกับอะไรได้ขาดหายไปสักอย่าง
“ออกไปรอฉันข้างนอกก่อน เดี๋ยวฉันขอทำการตรวจสอบกระป๋องอย่างละเอียดอีกที”
—
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเซี่ยเฟยก็เดินออกมาจากห้อง แอวริลจึงรีบเข้าไปสอบถามอาการของกระป๋องในทันที
“เซี่ยเฟย กระป๋องเป็นยังไงบ้าง…”
“ระบบของมันแปลกมาก ฉันพยายามตรวจสอบทุกอย่างที่ฉันทำได้แล้ว แต่ฉันไม่พบความผิดปกติอะไรในร่างกายของมันเลย เหมือนกับว่าจู่ ๆ ระบบทุกอย่างก็ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน แม้ว่าฉันจะพยายามกระตุ้นมันให้ตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ระบบก็ยังประมวลผลให้มันหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“กระป๋อง... ตายแล้วงั้นเหรอ?” แอวริลถามด้วยน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาคลอเบ้า
“จะเรียกแบบนั้นก็ไม่ถูก ถ้าจะเทียบกับอาการมนุษย์มันน่าจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรามากกว่า แต่เชื่อฉันเถอะว่าสักวันหนึ่งมันจะต้องกลับมาหาพวกเราอย่างแน่นอน”
แอวริลพยักหน้ารับอย่างเงียบ ๆ แล้วมันก็ทำให้บรรยากาศในบริเวณนั้นเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง
—
ในวันที่ 2 หลังจากกระป๋องหยุดทำงานไป กองยานของบริษัทควอนตัมก็แล่นเข้าสู่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬอย่างราบรื่น ซึ่งในเวลานี้กองยานการค้าของบริษัทอื่น ๆ ก็เริ่มแยกย้ายออกไปยังจุดที่กำหนดไว้ ขณะที่กองยานหลักของบริษัทควอนตัมได้มุ่งหน้าตรงไปยังดาวฟรีเดล ซึ่งเป็นดาวเคราะห์มีชีวิตระดับ A เพียงดวงเดียวในภูมิภาคดาวแห่งนี้
หลังจากที่ผู้บริหารทุกคนของบริษัทควอนตัมได้ปรึกษาหารือกันแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อดาวฟรีเดลเป็นชื่อดาวนิวเอิร์ธ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นดาวหลักของภูมิภาคดาวเหวทมิฬ และจะกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมือง, เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของภูมิภาคดาวในอนาคต
งานก่อสร้างอย่างเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นในทันที โดยเซี่ยเฟยได้เลือกใช้ยานพิมพ์บ้านคอนกรีตที่ทันสมัยที่สุดจากพันธมิตร ทำให้พวกมันสามารถสร้างอาคารบ้านเรือนขึ้นมาในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งความเร็วในการก่อสร้างของพวกมันก็จัดว่าอยู่ในระดับที่น่าที่ง
ความคืบหน้าของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัวกาลเวลาก็ได้ล่วงเลยผ่านมานานถึง 3 เดือนแล้ว
ณ ทะเลสาบ 4 ชั้น ภายในดาวนิวเอิร์ธ
ทะเลสาบในพื้นที่บริเวณนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ชั้น นับตั้งแต่ทางเหนือไล่ระดับลงไปทางตอนใต้ โดยเซี่ยเฟยได้สร้างที่พักอาศัยอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบชั้นบนสุด ซึ่งมันเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีพื้นที่ประมาณ 10 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
สาเหตุที่เขาเลือกสร้างที่พักบนเกาะแห่งนี้ นั่นก็เพราะว่าแอวริลชอบวิวทิวทัศน์ของภูเขาและทะเลสาบ ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ต้องการสระน้ำเพื่อแช่แก่นชีวิตลงไป เขาจึงต้องการพักอาศัยไม่ห่างจากสระน้ำหรือบ่อน้ำมากนัก
ปัจจุบันมันได้มีรถรับส่งขนาดเล็กมาจอดที่กลางเกาะ ก่อนที่พอตเตอร์จะเดินลงมาจากรถ แน่นอนว่าเซี่ยเฟยกับแอวริลก็เดินออกมาทักทายด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่พวกเขาจะนั่งพูดคุยกันริมทะเลสาบ ขณะที่แอวริลสั่งให้คนรับใช้นำอาหารและเครื่องดื่มออกมาเสิร์ฟ
“ที่นี่วิวสวยดีและมันก็เป็นสถานที่ที่เงียบสงบมากด้วย” พอตเตอร์กล่าวหลังจากชื่นชมบรรยากาศอยู่สักพัก
“ถ้าลุงชอบก็มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะครับ บ้านพวกเราหลังใหญ่มากจะให้พวกเราอยู่กันแค่สองคนมันก็ดูอ้างว้างเกินไปหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“จะเอาคนแก่อย่างฉันมาอยู่กับคนหนุ่มสาวไปทำไม?” พอตเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มขณะชำเลืองมองสายตาไปทางแอวริล
คำพูดของพอตเตอร์ทำให้แอวริลหน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนที่เธอจะขอตัวออกไปช่วยคนใช้เตรียมอาหารเย็นทิ้งเซี่ยเฟยกับพอตเตอร์เอาไว้เพียงลำพัง
“ตอนนี้ถนนเส้นหลักที่มีความยาวกว่า 6 ล้านกิโลเมตรถูกสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนถนนเส้นรองที่จะแตกกิ่งก้านสาขาออกไปยังสถานที่ต่าง ๆ ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลาสร้างอีกสักพัก” พอตเตอร์กล่าว
“ถนนถือว่าเป็นรากฐานสำคัญของโลกสมัยใหม่ ขั้นตอนต่อไปคือการเร่งก่อสร้างเมืองขึ้นมารองรับผู้อพยพสินะครับ แต่การสร้างเมือง 40 เมืองให้สามารถรองรับผู้อพยพ 1,000 ล้านคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่เกิน 6 เดือนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดของนิวเอิร์ธจะต้องเสร็จสมบูรณ์ ในเวลานั้นที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นโลกใบใหม่ที่มีความทันสมัยขึ้นมากกว่าเดิม” พอตเตอร์กล่าวอย่างภาคภูมิใจ และเนื่องมาจากว่าเขาได้รับหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน มันจึงทำให้ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับการวางแผนจัดการเรื่องราวต่าง ๆ อย่างมากมาย
“เมื่อพวกเราสร้างโครงสร้างพื้นฐานเสร็จสมบูรณ์ ลุงก็อย่าลืมให้เวลากับพี่วินด์ไชม์บ้างนะครับ ผมได้ยินมาว่าลุงถึงขนาดพักอยู่ที่ไซต์ก่อสร้างและแทบที่จะไม่ได้กลับไปพักที่บ้านกับพี่วินด์ไชม์เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งานก็คืองาน เมื่อไหร่ก็ตามที่โครงสร้างพื้นฐานของนิวเอิร์ธเสร็จสมบูรณ์เมื่อนั้นฉันก็ว่างเองแหละ ว่าแต่ฉันได้ยินมาว่านายส่งย่าเหวยไปจัดการกับพวกโจรสลัดงั้นเหรอ?” พอตเตอร์กล่าว
“ในภูมิภาคดาวเหวทมิฬยังเหลือโจรสลัดอาละวาดอยู่อีกมาก ขณะที่กองยานหลักของเราทั้งสามกองก็เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้เพียงแค่ไม่นาน การส่งพวกเขาไปปราบโจรสลัดไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยของภูมิภาคดาวเราเท่านั้น แต่มันยังช่วยฝึกทีมของพวกเขาให้มีความเข้าขากันในระหว่างการปฎิบัติการณ์จริงได้อีกด้วย”
หลังสงครามจบลงภูมิภาคดาวมฤตยูก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพ เหล่าบรรดาผู้เคยมีอำนาจในภูมิภาคจึงถูกตัดทอนอำนาจของพวกเขาลง ย่าเหวยจึงตัดสินใจมาอยู่กับเซี่ยเฟยและได้กลายเป็นผู้บัญชาการกองยานที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่
ฉินหมางกับทูรามรู้ดีว่าเซี่ยเฟยกำลังขาดคน ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความช่วยเหลือโดยการส่ง 3 พี่น้องตระกูลหลิงมาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งในตอนนี้ทั้งสามพี่น้องก็กลายเป็นผู้บังคับบัญชากองยาน ขณะที่ย่าเหวยเป็นผู้บัญชาการที่คอยควบคุมพวกเขาทั้งสามคนอีกที
ท้ายที่สุดในกองยานขนาดใหญ่ก็จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และการตั้งตำแหน่งขึ้นมาแบบนี้มันก็เป็นเหมือนกับการถ่วงดุลอำนาจภายในกองยานที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ด้วย
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ศึกษาพิมพ์เขียวที่นายให้ฉันมาเรียบร้อยแล้วนะ” พอตเตอร์กล่าว
“เป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสนใจ
“มันไม่มีทางสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่แบบนั้นขึ้นมาได้หรอก แม้แต่ 4 บริษัทผลิตยานขนาดใหญ่ในพันธมิตรก็ไม่มีทางสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่แบบนั้นได้ ว่าแต่มันเป็นอู่ต่อยานที่เอาไว้ใช้ทำอะไรกันแน่?”
“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ ผมก็แค่อยากจะลองสร้างมันขึ้นมาดูเฉย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้
เมื่อไม่เห็นช่องทางการสร้างยานไททันประกอบกับกระป๋องที่หยุดการทำงานไปอย่างกะทันหัน และต้นกรงเล็บภูติโลหิตที่ยังไม่เติบโตอย่างเต็มที่ มันก็เริ่มที่จะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาบ้างแล้ว
ยิ่งเวลาที่เขานัดกับหยูเจียงและหยูฮัวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มก็กังวลเรื่องพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขามากขึ้นเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นยนต์ที่คอยให้บริการเขาเป็นอย่างดียังไม่มีท่าทีที่จะฟื้นขึ้นมา มันจึงทำให้เขารู้สึกร้อนใจเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วันที่เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป
ทันใดนั้นไมโครคอมพิวเตอร์บนข้อมือของเซี่ยเฟยก็ดังขึ้น ก่อนที่มันจะโชว์หมายเลขที่เซี่ยเฟยไม่คุ้นเคย
“นายคุยธุระไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปช่วยแอวริลเตรียมอาหาร” พอตเตอร์กล่าวพร้อมกับตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
เซี่ยเฟยเปิดหน้าจอแสงขึ้นมา ก่อนที่เขาจะได้พบกับใบหน้าของชายสวมแว่นที่คุ้นเคย
“คอนสแตนติน?”
***************