1056 - เส้นทางกลับบ้าน 2
1056 - เส้นทางกลับบ้าน 2
ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ถ้ำโบราณเป็นสถานที่พักผ่อนของจี้ฮ่าวเยว่มีเสียงที่อ่อนแอของหลี่เหอซุยดังขึ้น
“พี่ฮ่าวเยว่ข้าสร้างปัญหาให้กับเจ้าอีกแล้ว เจ้าหลบหนีไปเถอะ ปล่อยให้พวกเขาฆ่าข้าซะ”
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน และข้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใดทำร้ายเจ้า”
จี้ฮ่าวเยว่ลากตัวเองเข้าไปในถ้ำด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อย เขารู้ดีว่าที่กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลถอนตัวกลับไปนั้นก็เป็นเพราะตัวเขาครอบครองอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่ในมือ
หากเขาไม่ขโมยกระจกแห่งความว่างเปล่าออกมาจากตระกูลจี้ ป่านนี้พวกเขาคงถูกฆ่าตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน
“พี่หลี่พักผ่อนเถอะ ตราบใดที่เราพี่น้องยังมีชีวิตอยู่จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้”
จี้จื่อเยว่พยายามกระตุ้นพลังศักดิ์สิทธิ์ของตัวเองออกมารักษาร่างกายของหลี่เหอซุย
“อย่าเสียความพยายามอีกเลย สภาพของข้าเป็นอย่างไรตัวข้ารู้ดีที่สุด อีกไม่กี่วันข้าก็จะตายแล้ว พวกเจ้าควรเก็บเรี่ยวแรงไว้หลบหนีดีกว่า”
อาการบาดเจ็บของหลี่เหอซุยแย่มาก พลังชั่วร้ายที่หลี่เสี่ยวม่านโจมตีเข้ามาตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนยังคงทำลายอวัยวะภายในของเขาอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะใช้ความพยายามแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถขับไล่พลังเหล่านี้ออกไปได้
“ข้าจะกลับไปที่หน้าผาอินทรีย์อีกครั้ง ข้าไม่รู้ว่าคนเถื่อนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากเขายังมีชีวิตอยู่ข้าจะต้องช่วยเขากลับมา” จี้ฮ่าวเยว่กล่าว
“พี่ฮ่าวเยว่อย่าเสี่ยงอีกเลย ต่อให้เจ้าช่วยเขามาได้แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเขาก็ยากจะมีชีวิตรอดอยู่ดี ในตอนนี้มีเพียงเจ้าสองพี่น้องเท่านั้นที่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด พวกเจ้าควรดูแลตัวเองดีกว่า”
หลี่เหอซุยทอดถอนใจและกล่าวว่า “อาการบาดเจ็บของข้าเป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ข้าไม่ได้รับข่าวของพี่ใหญ่อู๋จงเทียน จักรพรรดิดำและเจียงฮั่วเหรินมานานมากแล้ว ในทุกครั้งที่ข้าฝันข้าจะมองเห็นร่างของพวกเขาอาบไปด้วยเลือดเสมอ ข้าต้องการหลุดพ้นจากสภาพนี้เต็มที…”
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเกิดความสิ้นหวัง บางทีภายใต้การช่วยเหลือของจักรพรรดิดำทุกคนอาจจะหลบหนีได้สำเร็จ อย่างน้อยเจ้าก็ควรให้แน่ใจก่อนว่าพวกเขาตายจริงๆเจ้าจึงจะท้อแท้สิ้นหวังได้” จี้จื่อเยว่กล่าว
หลี่เหอซุยหัวเราะอย่างน่าสมเพช น้ำตาของเขาหลั่งไหลออกมาในขณะที่กล่าวว่า
“ข้าเกรงว่าความเป็นจริงอาจเลวร้ายมากกว่าที่เราจินตนาการด้วยซ้ำ”
“พี่หลี่เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี ต่อให้พวกเขาตายไปแล้วหากเรายอมแพ้สิ้นหวังใครจะเป็นคนแก้แค้นให้กับพวกเขา” จี้จื่อเยว่ปลอบโยนเบาๆ
…
เขตดาวโบราณจื่อเว่ยพื้นที่นอกโลก
วังไป๋จิงหมุนรอบโลกมันไม่ได้ชนกับวิหารโบราณขนาดเล็กที่อยู่ข้างหน้า แต่อาคารทั้งสองดูเหมือนจะเชื่อมต่อกันด้วยพลังบางอย่างและตอนนี้พวกมันกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าพร้อมกัน
“บูม”
ในที่สุดวังไป๋จิงก็ไล่ตามทันวิหารโบราณ พวกมันชนกันอย่างแผ่วเบาและไม่มีอะไรเสียหาย ในขณะเดียวกันหมอกสีม่วงก็กระจายออกมาจากวังไป๋จิงและเชื่อมต่ออาคารโบราณทั้งสองหลังเข้าด้วยกัน
“นี่คือ…”
หลายคนแสดงท่าทางแปลกๆ พวกเขายืนอยู่ในวังไป๋จิงและไม่ทำอะไรผลีผลาม สถานการณ์นี้เต็มไปด้วยความลึกลับและยากที่จะทำความเข้าใจได้
สิ่งที่เรียกว่าสภาวะไร้น้ำหนักในอวกาศนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้บ่มเพาะเลย พวกเขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เย่ฟานจะตัดสินใจเดินเข้าไปในวิหารโบราณ
ทางออกของวังไป๋จิงเชื่อมต่อกับวิหารโบราณและพวกเขาสามารถเดินเข้าไปข้างในได้อย่างราบรื่น
วิหารนี้เต็มไปด้วยความเก่าแก่ มันมีร่องรอยของกาลเวลาที่ไม่สิ้นสุดแต่ก็แข็งแกร่งยากที่จะมีสิ่งใดมาสร้างความเสียหายได้
“ชายชราขี่วัวอาจจะอยู่ในนี้หรือไม่?” หลี่เทียนพึมพำ
“กล่าวสิ่งที่เป็นมงคลด้วย ถ้าชายชราคนนั้นและราชากระทิงปรากฏตัวขึ้นพวกเราคงต้องรีบหนีทันที” เอี๋ยนอี้ซีเตือนด้วยเสียงต่ำ
หลี่เทียนหดคอและรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วร่างกาย เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ของวัวสีเขียวตัวนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองไม่แตกต่างอะไรจากมดแมลงจริงๆ
เย่ฟ่านเดินเข้าไปในวิหารโบราณและเห็นภาพของเมืองขนาดใหญ่ ภาพต่อมาคือชายชราขี่วัวนั่งอยู่บนยอดเขา รอบตัวของเขามีผู้คนมากมายเข้ามาสักการะ
จากนั้นก็เป็นภาพที่ชายชราขี้วัวเดินทางเป็นระยะทางสามหมื่นลี้ ผ่านภูเขาและแม่น้ำจนกระทั่งเข้าสู่เมืองอันยิ่งใหญ่นี้
เย่ฟ่านรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเขาก็รู้ความหมายที่แท้จริงของการออกจากด่านหานกู่มุ่งหน้าไปทิศตะวันตก
“ทิศตะวันตกของด่านหานกู่ที่แท้ก็คือเส้นทางโบราณที่เต็มไปด้วยดวงดาวนั่นเอง แต่เมืองโบราณแห่งนี้คือที่ไหน มันอยู่ในโลกใบนี้หรือไม่?”
เย่ฟ่านตกใจมาก เขารู้ว่าคนที่วาดภาพวาดทั้งหมดบนผนังในวิหารโบราณแห่งนี้จะต้องมีความสนิทสนมกับเหล่าจื๊ออย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นอีกฝ่ายคงไม่สามารถบันทึกเหตุการณ์นับตั้งแต่เหล่าจื๊ออยู่ในประเทศจีนได้
ในภาพวาดบนผนังเหล่านั้นมีเหตุการณ์สำคัญมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าเหล่าจื๊อจะเดินทางไปที่ใดก็มีผู้คนมากมายให้การสักการะบูชาเขาอยู่เสมอ
และทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเหตุการณ์หลังจากที่เหล่าจื๊อออกจากโลกมนุษย์แล้ว
“ด่านหานกู่ที่แท้ก็คือปราการเทพที่ทำหน้าที่ปกป้องโลกมนุษย์จากภัยคุกคามภายนอกนี่เอง”
หลังจากมองเห็นภาพวาดที่ถูกเขียนไว้บนผนังความคิดนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจของเย่ฟ่าน อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าเมืองขนาดใหญ่โบราณนี้คือสถานที่ใดกันแน่
“แท่นบูชาห้าสี!” อี้ชิงอู่กระซิบ
ในส่วนที่ลึกสุดของวังโบราณเป็นสถานที่ที่เงียบสงบอย่างยิ่ง และมีแท่นบูชาห้าสีขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นที่นี่
“ด้วยขนาดของแท่นบูชาห้าสี ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะสามารถส่งพวกเราข้ามทุ่งดวงดาวได้อย่างแน่นอน” เย่ฟานอุทานด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่าๆๆ บุตรแห่งเทพหลี่เทียนกำลังจะเข้าสู่ทุ่งดวงดาวหมีใหญ่แล้ว พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ!” หลี่เทียนหัวเราะเสียงดัง
“ศิษย์น้องเจ้าคิดว่านี่เป็นเรื่องล้อเล่นหรือ ตามที่พี่เย่บอกในช่วงเวลานี้มีเผ่าพันธุ์โบราณมากมายกำลังตื่นจากการหลับไหล ในขณะเดียวกันมหาอำนาจของโลกเหล่านั้นล้วนมีอาวุธเต๋าสุดขั้วอยู่ในการครอบครองทั้งสิ้น” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
“แล้วอย่างไร ตัวข้าหลี่เทียนก็หาใช่สัตว์กินพืชไม่!”
เย่ฟ่านไม่สนใจพวกเขาและก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชาห้าสีก่อนจะเริ่มค้นหาช่องใส่ต้นกำเนิดสวรรค์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะเอาต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่ที่สุดใส่ลงไปในช่องเหล่านั้นแต่ก็ดูเหมือนว่าแท่นบูชานี้จะได้รับความเสียหายบางอย่างและมันไม่สามารถเปิดใช้งานได้
“เป็นไปได้อย่างไร?”
เย่ฟ่านรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย เขาพยายามมองหาร่องรอยความเสียหายแต่กลับไม่พบเจออะไรเลย
“เป็นเพราะไอ้สาระเลวหยินเทียนเต๋อหรือเปล่า เขาอาจจะทำให้ท่านบูชานี้ได้รับความเสียหายก็ได้?”
ทั้งสี่คนค้นหาอยู่เป็นเวลานานแต่กลับไม่สามารถเปิดใช้งานแท่นบูชาห้าสีที่อยู่ตรงหน้าและมันทำให้พวกเขาเริ่มกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ
“มันมีช่องสำหรับใส่ต้นกำเนิดสวรรค์ห้าแห่ง และแสงที่เปล่งออกมาจากแท่นบูชานี้ก็มีห้าสี บางทีช่องสำหรับใส่ต้นกำเนิดสวรรค์เหล่านั้นอาจจำเป็นต้องใส่ต้นกำเนิดสวรรค์ที่มีสีสันแตกต่างกัน” อี้ชิงอู่กล่าว
เย่ฟ่านก็ตระหนักถึงความจริงข้อนี้เช่นกัน เขารีบหยิบเอาทุกอย่างออกมาข้างนอกเพื่อค้นหาว่ามีสิ่งใดสามารถใช้งานได้บ้าง สุดท้ายเขาก็พบหินห้าสีสองสามก้อน ซึ่งได้มาจากดาวโบราณที่ฝังซากศพของจักรพรรดิสุริยันไว้
เย่ฟ่านเริ่มจัดเรียงหินเหล่านี้ด้วยจิตใจที่เต้นระทึก และทันทีที่เขาใส่หินก้อนแรกลงไปแท่นบูชาห้าสีก็มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมาจริงๆ
อย่างไรก็ตามแสงสว่างนั้นปรากฏขึ้นเพียงชั่ววูบและหายไปในพริบตา เห็นได้ชัดว่าหินห้าสีนี้เป็นพลังงานที่จำเป็นของมันจริงๆ แต่เย่ฟ่านมีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้นซึ่งไม่พอที่จะนำพาพวกเขาเดินทางข้ามจักรวาลอย่างแน่นอน
“ข้าควรทำอย่างไรดี?”
ในท้ายที่สุดเย่ฟานหยิบสมบัติเกือบทั้งหมดบนร่างกายของเขาออกมา และพยายามทดลองกระตุ้นแท่นบูชาห้าสีอีกครั้ง
“นี่คืออะไร?”
อี้ชิงอู่รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยเมื่อเย่ฟ่านหยิบต้นกำเนิดสวรรค์ที่บรรจุศีรษะของชายชราที่น่าสะพรึงกลัวคนหนึ่งไว้ออกมาทดลอง
“นี่จะต้องเป็นศีรษะของสิ่งมีชีวิตอมตะอย่างแน่นอน” หลี่เทียนอุทานด้วยความกลัว
“ครืน!”
ทันใดนั้น ความว่างเปล่าก็สั่นสะท้าน และหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นจากอากาศ มันดึงดูดเอาแสงทั้งหมดภายในแท่นบูชาห้าสีเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“แย่แล้ว!” หลี่เทียนตะโกนก่อนที่ร่างของเขาจะถูกดึงเข้าไปในหลุมดำ
“ศิษย์น้อง!” เอี๋ยนอี้ซีกรีดร้องและกระโดดตามหลี่เทียนเข้าไปโดยไม่มีความลังเล
ในตอนแรกเย่ฟานเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากหลุมดำนั้นมันก็ทำให้เขาเกิดความตกตะลึงเป็นอย่างมาก
“นี่คือกลิ่นอายของตงหวง!”
เมื่อตระหนักได้ดังนั้นเย่ฟ่านก็กระโดดเข้าไปในหลุมดำพร้อมกับหลี่เทียนและเอี๋ยนอี้ซีทันที
“อยู่ที่นี่และพิสูจน์เต๋าเพื่อกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ในโลกนี้อุปสรรคของเจ้ามีเพียงหยินเทียนเต๋อเท่านั้น แต่ในโลกของข้ามีอัจฉริยะมากมายที่พร้อมจะเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เส้นทางที่นั่นยากลำบากกว่านี้โลกนี้มาก” เสียงตะโกนของเย่ฟ่านดังก้องอยู่ในหูของอี้ชิงอู่
อี้ชิงอู่มองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง นางมีความอาลัยอาวรณ์ต่อเย่ฟ่านที่เป็นสามีอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามการหายตัวไปของเขาก็ทำให้นางรู้สึกโล่งใจเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่านางจะกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันภายในดวงดาวขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังขี่วัวสีเขียวได้หันหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและคำรามด้วยความโกรธ
“เมื่อถึงเวลาข้าจะตามไปฆ่าพวกเจ้าทุกคน!”
……..