บทที่ 27 - ทำภารกิจให้เสร็จภายในหนึ่งปี
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 27 - ทำภารกิจให้เสร็จภายในหนึ่งปี
วู้บบ!
ในขณะนั้นเอง เสียงสายลมได้ดังขึ้น
“ผู้ใดกัน?
สีหน้าของเบจิต้าแลราดิชเปลี่ยนไป พวกเขาหันไปมองรอบๆ
เมื่อเสียงที่คุ้นเคยเข้ามาในหูของพวกเขา ทั้งคู่ก็คุกเข่าลงทันที
“เบจิต้า...”
"ราดิช"
“ฝ่าบาท!”
"ลุกขึ้นได้แล้ว"
หลินเฉินตอบอย่างเฉยเมยและสายตาของเขาก็จ้องไปที่เบจิต้า ก่อนที่จะหรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาไม่ได้คิดเลยว่าเด็กที่พารากัสบอกว่ากำลังรบกวนโบรลี่จะเป็นเบจิต้า ตัวเอกลำดับสองในงานต้นฉบับงั้นเหรอ?
ไม่น่าแปลกใจที่ในหมู่คนรุ่นใหม่ จะมีเพียงเบจิต้าเท่านั้นที่สามารถแลกเปลี่ยนสักสองกระบวนท่ากับโบรลี่ได้
ตั้งแต่หลินเฉินได้บอกวิธีการฝึกให้กับชาวไซย่า ความแข็งแกร่งของผู้คนจำนวนมากก็เริ่มรุดหน้าอย่างรวดเร็ว
ในฐานะนักรบที่มีความสามารถรองจากโกคูในงานดั้งเดิม ระดับพลังของเบจิต้าจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องด้วยวิธีฝึกมาก
ระดับพลังของเบจิต้าในปัจจุบันเกิน 20,000 ทำให้เขาเป็นไซย่าที่อายุน้อยที่สุด นอกเหนือจากโบรลี่ผู้ที่กำลังทะลวงระดับพลัง 100,000
ทว่าเมื่อเทียบกับตัวตนที่แปลกประหลาดอย่างหลินเฉิน เบจิต้าคงไม่อาจไปทัดเทียมได้เลย
“เบจิต้า ข้าต้องคุยกับโบรลี่ เจ้ากับราดิชออกไปก่อน”
“คือว่า…ฝ่าบาท…ข้าขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้หรือไม่?”
ทันใดนั้น เบจิต้าก็ก้าวไปข้างหน้าและมองไปทางหลินเฉินอย่างประหม่า
"มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?"
“ฝ่าบาทลิงค์ ข้า…ข้าได้ยินมาว่าโบรลี่อาศัยอยู่กับฝ่าบาทเป็นเวลาห้าปีและกลายเป็นลูกศิษย์ของฝ่าบาท ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากเป็นลูกศิษย์ของฝ่าบาทเช่นกัน!” เบจิต้ากล่าว
"โอ้?"
คิ้วของหลินเฉินกระตุก ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นความประหลาดใจเล็กน้อย
เขาไม่ได้คิดเลยว่าเบจิต้าที่หยิ่งผยองจะมาถามเขาเพื่อขอเป็นศิษย์
เบจิต้าที่หยิ่งผยองผู้นี้ถูกใครทุบตีมาหรือเปล่าเนี่ย?
หลินเฉินรู้สึกมีความสุขเล็กน้อยที่ได้ปราบซึนเดเระอายุพันปีได้
เขายิ้มแล้วพูดว่า “เบจิต้า เจ้ามีศักยภาพมาก อีกไม่นานเจ้าคงจะกลายเป็นนักรบที่ทรงพลังอย่างแน่นอน แต่...”
“โทษทีนะเบจิต้า ข้าสอนอะไรเจ้าไม่ได้เลย”
"หา?" เบจิต้าเผยสีหน้าผิดหวังออกมาทันที
แต่คำพูดต่อไปของหลินเฉินก็ทำให้เขาร่าเริงขึ้นอีกครั้ง: “เบจิต้า อันที่จริงโบรลี่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของข้า เขาและข้าสามารถมีพลังได้มากเพราะพรสวรรค์ของเรามันมีมาแต่กำเนิด แม้ว่าเจ้าจะต้องการเรียนรู้ แต่เจ้าก็คงไม่สามารถเรียนรู้ได้”
"พรสวรรค์?"
เบจิต้าพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ เพราะในอดีต ราชาเบจิต้า พ่อของเขาสอนเขาเสมอว่าเขาเป็นราชาแห่งชาวไซย่า นักรบที่มีความสามารถและมีสายเลือดราชวงศ์ไหลเวียนอยู่ในเส้นเลือดของเขา เป็นนักรบที่มีพรสวรรค์มากที่สุด
กลับกลายเป็นว่าความสามารถของเขาเมื่อเทียบกับโบรลี่แล้ว มันไม่ควรค่าที่จะพูดถึงเลย
เมื่อเห็นสีหน้าตกใจของเบจิต้า หลินเฉินก็ยิ้มและพูดต่อ: “แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกท้อแท้ ไม่ว่าพรสวรรค์ของคนๆ นั้นจะทรงพลังเพียงใด มันเป็นเพียงตัวกำหนดจุดเริ่มต้นและความเร็วในการเติบโตของคนเท่านั้น หากเจ้าฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง เมื่อถึงเวลาเจ้าอาจจะตามโบรลี่ได้ทัน”
"จริงเหรอ? ข้าจะตามโบรลี่ได้ทันจริงๆ เหรอ? แล้วท่านล่ะ? ฝ่าบาทลิงค์ ขอจะตามท่านได้ทันไหม?”
“ก็บางที มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจบอกได้” หลินเฉินยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
หลังจากให้กำลังใจซึนเดเระเบจิต้า หลินเฉินก็ส่งเด็กทั้งสองออกไป
จากนั้นเขาก็หันไปหาโบรลี่
หลังจากไม่ได้พบเขามานานกว่าหนึ่งเดือน ใบหน้าของโบรลี่ก็ดูซีดเซียวเล็กน้อย
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฉินก็ไม่ได้คิดอะไรมากและพูดว่า “โบรลี่ เจ้า ต้องการไปที่โลกกับข้าหรือไม่?”
“โลก?”
"ใช่แล้วล"
เห็นได้ชัดว่าชีวิตของชาวไซย่าไม่เหมาะกับโบรลี่
นับตั้งแต่ที่เขาอยู่บนดาวเคราะห์นาเม็กกับหลินเฉินเป็นเวลาห้าปี นิสัยของโบรลี่จึงเข้ากันไม่ได้อย่างสิ้นเชิงกับชาวไซย่าทั่วไป
เขาสงบและเก็บตัวมากเกินไป แม้ว่าเขาจะยังเด็ก แต่เขาก็เป็นเหมือนชายชราที่สามารถเข้าฌานได้ตลอดเวลา
แต่มันดีแล้ว อย่างน้อยหลินเฉินก็ไม่ต้องกังวลว่าสักวันหนึ่งโบรลี่จะกลายเป็นบ้า
ซึ่งด้วยความที่โบรลี่ตอนนี้ไม่ต้องการอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์เบจิต้า ถ้าอย่างนั้นการส่งเขาไปที่โลกย่อมเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
บังเอิญว่าหลินเฉินรู้ว่ามีใครบางคนอยู่ที่นั่นพอดี ซึ่งน่าจะเข้ากันได้ดีกับโบรลี่อย่างแน่นอน
ไม่นานหลังจากนั้น หลินเฉินและโบรลี่ก็ปรากฏตัวขึ้นในสวรรค์
เมื่อมองไปที่ห้องโถงที่เงียบสงบ โบรลี่ก็สงสัยเล็กน้อย
"พระเจ้า!" หลินเฉินตะโกนออกมา
หลังจากนั้นไม่นาน พระเจ้าและมิสเตอร์โปโป้ก็เดินเข้ามา
“หลินเฉิน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่อีก?”
เมื่อเห็นหลินเฉิน พระเจ้าก็เริ่มเหงื่อตก เขารู้สึกกดดันมากเมื่้อต้องอยู่ต่อหน้าชาวไซย่าคนนี้
โดยไม่ต้องรอให้หลินเฉินอธิบาย เมื่อเขาเห็นพระเจ้า โบรลี่ก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ: “ชาวดาวนาเม็ก!”
เมื่อได้ยินคำนี้ ฝ่ายพระเจ้าก็ชะงักไปเช่นกัน: “เด็กน้อย เจ้ารู้จักข้าด้วยเหรอ?”
“ใช่ ท่านเป็นชาวดาวนาเม็กไม่ใช่เหรอ? ทำไมท่านถึงมาอยู่บนโลกล่ะ?”
“ชาวดาวนาเม็ก? ข้าเป็นชาวดาวนาเม็ก?”
ในที่สุด เมื่อรู้ถึงตัวตนและต้นกำเนิดของเขา พระเจ้าก็รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ซึ่งเมื่อเขาได้ยินคำขอของหลินเฉินที่จะให้โบรลี่อยู่ในสวรรค์ เขาก็ตอบตกลงทันที
หลินเฉินสบายใจมากที่จะทิ้งโบรลี่ไว้ภายใต้การดูแลของพระเจ้า
เดิมทีพระเจ้าเป็นชาวดาวนาเม็ก และโบรลี่ก็สนิทชิดเชื้อกับเผ่าของพวกขาเป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยนิสัยที่แสนใจดีของพระเจ้าและมิสเตอร์โปโป้ มันก็เหมาะกับโบรลี่มาก ข้าเชื่อว่าเขาคงจะมีชีวิตที่มีความสุขมากที่นี่
หลังจากขจัดความกังวลในใจของเขาได้แล้ว หลินเฉินก็ไปที่เมืองตะวันตกเพื่อฝึกต่อโดยไม่มีสิ่งให้ต้องห่วง
ไม่นานหลังจากนั้น เวลาได้ผ่านไป 9 เดือนในชั่วพริบตา
"ติ้ง! ขอแสดงความยินดีกับผู้ใช้ที่ทำภารกิจเสร็จสมบูรณ์ ภายในหนึ่งปี ระดับพลังของชาวไซย่ามากกว่า 50 คนมีมากกว่า 100,000 ”
"ติ้ง! ขอแสดงความยินดีที่ผู้ใช้ทำ 3 ตัวเลือกเสร็จสิ้นในเวลาเดียวกัน ตอนนี้รางวัลทั้งหมดจะถูกแจกจ่าย:เซลล์ S จำนวน 5 หลอด ห้องกาลเวลาและพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ขั้นเริ่มต้น!”
ในห้องแรงโน้มถ่วงที่เปิดแรงโน้มถ่วง 50 เท่า หลินเฉินได้นอนอยู่บนพื้นและหลับไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้ยินเสียงเตือนของระบบ เขาก็ลุกขึ้นจากพื้นทันทีด้วยความตื่นเต้น
“ระบบ ภารกิจของข้าเสร็จแล้วหรือ?”
“ติ๊ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว รางวัลถูกส่งไปยังพื้นที่ของระบบ ผู้ใช้โปรดรับไว้ด้วย”
ในขณะที่ความคิดของหลินเฉินกำลังแล่นผ่านไป เขาก็เห็นว่ามีอีกสองสิ่งในพื้นที่ระบบของเขา หนึ่งคือเซลล์ S จำนวน 5 หลอด เซลล์เหล่านี้สามารถช่วยให้ชาวไซย่าแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ คงมีเพียงชาวไซย่าที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สงบสุขเท่านั้นที่สามารถเติบโตเซลล์พวกนี้ได้อย่างช้าๆ
ของอีกอย่างคือ ห้องกาลเวลา
นอกจากนี้ ที่ช่องทักษะของหลินเฉินยังมีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ขั้นเริ่มต้นเพิ่มเข้ามาอีก ตราบใดที่คนอื่นใช้ทักษะเฉพาะตัวของพวกเขาต่อหน้าหลินเฉิน ตัวเขาก็จะมีโอกาส 30% ที่จะสามารถเรียนรู้มันได้ทันที
การได้รับรางวัลทั้งสามในคราวเดียวกับการทำภารกิจหนึ่งปี ถือว่ามันคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง