บทที่ 24 - สายตรวจอวกาศ จาโก้
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 24 - สายตรวจอวกาศ จาโก้
เวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
ในช่วงเดือนนี้ ฮานาเซียถูกไล่กลับไปที่ดาวเคราะห์เบจิต้าโดยหลินเฉินเพื่อให้ไปฝึก ในขณะที่เขาอาศัยอยู่ในบ้านของบูลม่า โดยใช้เวลาฝึกซ้อมในห้องแรงโน้มถ่วง 50 เท่าและรอให้ดร.บรีฟทำการวิจัยพัฒนาเคื่องเยียวยาและห้องแรงโน้มถ่วงให้เสร็จสมบูรณ์
เพราะเขากินและนอนกับครอบครัวของดร.บรีฟ หลินเฉินและครอบครัวดร.บรีฟจึงค่อยๆ สนิทกัน
สนิทถึงขั้นคุณนายบรีฟแกล้งแหย่หลินเฉินและลูกสาวสองคนของนางเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขาหลายครั้ง โดยบอกว่าเขาสามารถแต่งงานกับลูกสาวของนางคนใดคนหนึ่งก็ได้
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่หลินเฉินต้องเลือกเลย เพราะเขามีความสัมพันธ์กับฮานาเซียอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลินเฉินเป็นราชา จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีภรรยาหลายคน
ถ้าหากมันจะเกิดขึ้น ดร.บรีฟก็ตกลงกับเรื่องแต่งงานนี้ แต่ในใจของเขาก็อิจฉาหลินเฉินมาก
ทั้งสองคนนี้จิตใจกว้างใหญ่ไพศาลเหมือนกับในงานต้นฉบับจริงๆ
ทว่าหลินเฉินก็ปฏิเสธออกไป แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นแฟนดราก้อนบอล แต่ตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้ เขาไม่เคยคิดที่จะทำอะไรกับผู้หญิงจากเนื้อเรื่องหลักเลย
ส่วนการที่เขาได้อยู่กับฮานาเซีย มันเป็นเพียงความต้องการทางเพศเท่านั้น
ทว่าถึงจะปฏิเสธออกไปแล้ว ไทต์ ก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในบางครั้งเมื่อหลินเฉินออกจากห้องแรงโน้มถ่วง นางก็จะมาหาเขาเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของชาวไซย่า
แน่นอน นางอ้างว่ากำลังรวบรวมเนื้อหาสำหรับการแต่งนวนิยายเรื่องใหม่
ไทต์ แตกต่างจากดร.บรีฟและบูลม่า ตรงที่ไทต์ เป็นสาววรรณกรรมและปัจจุบัน นางก็เป็นนักเขียนนวนิยายวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง
ส่วนบูลม่าที่อายุน้อยกว่า แม้ว่านางจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าพ่อแม่ของนางกำลังพูดถึงอะไร แต่ใบหน้าของนางจะแดงทุกครั้งที่นางอยู่คนเดียวกับหลินเฉิน ซึ่งนางเองก็ดูจะพิถีพิถันเป็นพิเศษในการค้นคว้าเรื่องเครื่องเยียวยาและห้องแรงโน้มถ่วงของหลินเฉิน
บางครั้งเมื่อนางเห็นหลินเฉินและไทต์พูดคุยกัน ใบหน้าเล็กๆ ของนางก็ดูอิจฉาออกมาอย่างเห็ฯได้ชัด
ใครก็ตามที่มีสายตาที่ดีหน่อยย่อมรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
จนในวันหนึ่ง...
ในห้องแรงโน้มถ่วง 50 เท่า เสียงระเบิดครั้งใหญ่ได้ดังขึ้นและห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยควัน
หลังจากที่ควันหายไปแล้ว หลินเฉินก็นอนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดบนใบหน้าของเขา
แต่หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ความเจ็บปวดบนร่างกายของหลินเฉินก็ค่อยเลือนหายไปและเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้
ในช่วงเวลานี้ หลินเฉินไม่ได้กินถั่วเซียนเลยแม้แต่เม็ดเดียว
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนพลังงานที่เขาสร้างขึ้นด้วยกำลังทั้งหมดของเขา แต่มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาให้เขามาก
ความสามารถในการฟื้นฟูที่ทรงพลังเช่นนี้มาจากพลังที่น่าอัศจรรย์ของสายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนานในร่างกายของหลินเฉิน
เมื่อการฝึกในห้องแรงโน้มถ่วงผ่านไปหนึ่งเดือน หลินเฉินก็ได้ยืนยันอย่างค่อยเป็นค่อยไปว่าสายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนานในร่างกายของเขาค่อนข้างแตกต่างจากของโบรลี่
ตามจากที่ระบบบอกมา สายเลือดในร่างกายของเขาเป็นสายเลือดของซูเปอร์ไซย่าในตำนานของภาคโบรลี่หนังโรงเวอร์ชั่นเก่า
แม้ว่าอัตราการเติบโตของความแข็งแกร่งของเขาจะไม่เร็วเท่าของโบรลี่ แต่เขาก็มีความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายที่เหนือมนุษย์และพลังป้องกันที่สูงมาก
ความสามารถในการฟื้นฟูและพลังป้องกันทำให้หลินเฉินไม่จำเป็นต้องกินถั่วเซียนเมื่อฝึกเลย ตราบใดที่เขานอนอยู่บนพื้นและพักสักครู่ เขาก็สามารถฟื้นตัวจากสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายได้ ซึ่งมันน่าทึ่งมาก
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนของการฝึก หลินเฉินได้ค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงสูงสุด 50 เท่าและระดับพลังของเขาก็เพิ่มขึ้น 200,000 ไปแล้ว ในปัจจุบัน ระดับพลังของหลินเฉินพุ่งขึ้นมาเกือบ 1 ล้าน
ผู้ใช้: หลินเฉิน
ระดับพลัง: 890,000
สายเลือด: สายเลือดซูเปอร์ไซย่าในตำนาน
ทักษะ: เคลื่อนย้ายพริบตา ควบคุมพลังงาน
“หลินเฉิน!”
ทันใดนั้นเครื่องมือสื่อสารในห้องก็ดังขึ้น เป็นเสียงของไทต์
หลินเฉินเช็ดเหงื่อของเขาขณะที่เขาเดินไปที่ประตูห้องพร้อมกับกดเครื่องมือสื่อสารและถามออกไปว่า “มีอะไรงั้นหรือ?”
“เจ้ายังจำจาโก้ที่ข้าเคยเล่าให้ฟังครั้งที่แล้วได้ไหม? เขาอยู่ที่นี่แล้ว!”
"จริงเหรอ? รอเดี๋ยว ข้ากำลังจะออกไป”
จาโก้ สายตรวจอวกาศเป็นเพื่อนของไทต์
เรื่องอนาคตของชาวไซย่า หลินเฉินวางแผนไว้หมดแล้ว เขาแค่ต้องการให้องค์กรสายตรวจอวกาศของจาโก้ช่วยเขา ดังนั้นหลินเฉินจึงขอให้ไทต์หาทางติดต่อกับจาโก้และให้เขามาที่โลก
เมื่อหลินเฉินเช็ดเหงื่อเสร็จ เขาก็ออกมาจากประตูและเห็นไทต์กำลังพูดคุยกับมนุษย์ต่างดาวที่ดูเหมือนอุลตร้าแมนตัวจิ๋ว
เอเลี่ยนตัวนี้คือ จาโก้ ที่ไทต์ กล่าวถึง
"สวัสดี"
หลินเฉินเดินไปทักทายพวกเขาทั้งสอง
“สวัสดี…” จาโก้ตอบกลับหลินเฉิน แต่เมื่อเขาเห็นหางที่เอวของหลินเฉิน เขาก็ตกตะลึงไปพักใหญ่
“ช-ชาวไซย่า!”
“ใช่ ข้าเป็นชาวไซย่า เจ้าจะเรียกข้าว่าหลินเฉินหรือลิงค์ก็ได้” หลินเฉินยิ้มออกมา
จาโก้ดึงปืนเลเซอร์ออกมาด้วยสีหน้าระแวดระวังและพูดกับไทต์ว่า “ไทต์หลีกไป คนผู้นี้เป็นชาวไซย่าที่ชั่วร้าย ข้าจะคุ้มกันเจ้า เจ้าต้องรีบหนีไปกับครอบครัวของเจ้าโดยเร็ว! ยิ่งหนีออกจากโลกยิ่งไกลเท่าไหร่...”
ตู้ม!
ไทต์นำกระทะออกมาจากไหนไม่รู้มาตีหัวจาโก้
“เจ้าโง่ ข้าบอกเจ้าว่าหลินเฉินเป็นเพื่อน แล้วที่ข้าขอให้เจ้ามาก็เพื่อมาเจอกับเขา!”
"อะไรนะ? แต่เขา..."
หลินเฉินขัดจังหวะทั้งสอง: “จาโก้ สิ่งที่เจ้าพูดไม่ผิด แต่ชาวไซย่าไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ข้าให้ไทต์เรียกเจ้าก็เพราะนางบอกว่าเจ้าเป็นผู้ที่สุดยอดมากจากสายตรวจอวกาศ ข้าจึงมีบางอย่างที่ต้องการให้เจ้าช่วย”
หากเขาจำไม่ผิด จาโก้เป็นพวกบ้ายอมาก
เมื่อได้ยินคำชมของหลินเฉิน เขาก็รู้สึกยินดีอย่างมาก: “ผู้ที่สุดยอดมากงั้นเหรอ? อืม…นางพูดถูกแล้ว เจ้าชาวไซย่า ทำไมเจ้าถึงตามหาข้ากัน?”
“ข้าต้องการพบกับราชาแห่งกาแล็กซี!”
“ราชาแห่งกาแล็กซี่?” จาโก้ดูระวังตัวขึ้นมาในทันที “เจ้าต้องการอะไร? เจ้าต้องการลอบสังหารองค์ราชาแห่งกาแล็กซี่งั้นหรือ?”
"ไม่ใช่อยู่แล้ว อันที่จริงข้าก็เป็นราชาเช่นกัน ข้าเป็นราชาองค์ปัจจุบันของชาวไซย่า และข้าต้องการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับราชาแห่งกาแล็กซี่ของเจ้า ”
หลินเฉินยิ้มให้กับจาโก้: “ไม่มีการต่อรองหรือปฏิเสธทั้งสิ้น ข้าล่าช้าไม่ได้แล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบตกลงทันที”
ขณะที่เขาพูด หลินเฉินก็ยกมือขวาขึ้นและในฝ่ามือของเขา เขาก็ถือปืนเลเซอร์ของจาโก้ไปไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
หลังจากนั้น หลินเฉินก็นวดปืนเลเซอร์ของจาโก้ให้เป็นลูกเหล็กและโยนมันกลับมาให้เขา
เมื่อมองไปที่ก้อนเหล็กในมือของเขา จาโก้จึงได้แต่หัวเราะแห้งๆ: “ข…ข้าไม่ได้คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นราชาแห่งชาวไซย่าจริงๆ! ได้ เราสามารถออกเดินทางได้ทันที!”
แม้ว่าเขาจะเป็นสายตรวจอวกาศ แต่ความแข็งแกร่งของจาโก้นั้นสูงกว่าชาวโลกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้หลินเฉินได้เปิดเผยทักษะฝีมือของเขาแล้ว เขาจึงได้พูดออกมาตามตรง โดยไม่กล้าที่จะแสดงความเย่อหยิ่งออกไปเลย
ไม่นานหลังจากนั้น ภายใต้คำแนะนำของจาโก้ หลินเฉินจึงได้รู้ตำแหน่งของราชาแห่งกาแล็กซี่ เขาจึงเคลื่อนย้ายไปพร้อมกับจาโก้และไทต์
หลังจากที่ทั้งสามหายตัวไป บูลม่าก็วิ่งเข้ามาอย่างตื่นเต้น: “พี่หลินเฉิน! เครื่องเยียวยาและห้องแรงโน้มถ่วงเสร็จแล้ว! พี่หลินเฉิน…”
เมื่อเห็นประตูห้องแรงโน้มถ่วงเปิดกว้าง บูลม่าก็หยุดชะงัก
จากนั้นคุณนายบรีฟก็เดินเข้ามาตาม
“แม่ พี่หลินเฉินอยู่ที่ไหนเหรอ?”
“หลินเฉินงั้นหรือ? ไทต์บอกว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหนสักแห่งแสนไกล แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาจะกลับมาตอนไหน”
สีหน้าตื่นเต้นของบูลม่าพลันเลือนหายไปในทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ คุณนายบรีฟก็หรี่ตาลงและยิ้มออกมา “แหม บูลม่าลูก อิจฉางั้นเหรอ?”
"ไม่มีทางน่า! แม่เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว!"
หลังจากนั้น เด็กสาวตัวน้อยก็วิ่งหนีออกไปด้วยความโกรธ