บทที่ 22 - เยือนหอคอยคาริน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
[จะลงตอนที่ 23-37 สักประมาณช่วง 15-18 วันนี้นะคะ]
[จากผลการโหวตในเพจ สรุปเปลี่ยนทุกสรรพนามเป็น ข้า เจ้า นะคะ]
บทที่ 22 - เยือนหอคอยคาริน
“เทคโนโลยีงั้นเหรอ?” ดร.บรีฟเริ่มรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ
“ท่านหลินเฉิน ด้วยความเคารพ ตัวท่านเองก็ทรงพลังอยู่แล้ว กระทั่งอาวุธของโลกคงจะไม่…”
“ไม่ใช่แล้ว ดร.บรีฟ เจ้าคงกำลังจะเข้าใจผิด ขอข้าพูดตรงๆ เลย มีเทคโนโลยีเพียงสองอย่างที่ข้าต้องการในตอนนี้ หนึ่งคือเครื่องเยียวยาและอีกหนึ่งคือห้องแรงโน้มถ่วง”
ดร.บรีฟเมื่อได้ยินก็ถึงกับตกตะลึง: “เครื่องเยียวยา? ห้องแรงโน้มถ่วง?”
หลินเฉินมองไปรอบๆ และชี้ไปที่สวนด้านนอก: “ดร.บรีฟ เราไปที่นั่นกันเถอะ ข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง”
หลังจากพูดเช่นนั้น หลินเฉินก็เดินไปที่สวน
ครอบครัวของดร.บรีฟร่ำรวยมาก ดังนั้นสวนของเขาจึงมีขนาดเท่ากับสวนสาธารณะเลย
หลินเฉินหาพื้นดินโล่งและเพียงเขาสะบัดมือขวาของเขา เขาก็หยิบเครื่องเยียวยาที่เขานำมาจากดาวเคราะห์เบจิต้าออกมาจากพื้นที่ของระบบ
เครื่องเยียวยาที่โผล่ออกมาจากอากาศอันว่างเปล่าทำให้ดร.บรีฟถึงกับชะงักไป
“ท-ท่านหลินเฉิน ท่านทำได้ยังไงกัน? เอามันออกมาจากแคปซูลงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ มันแค่เป็นหนึ่งในความสามารถพิเศษของข้า” หลินเฉินกล่าวตอบเสียงเบา
เขาลูบเครื่องเยียวยาพร้อมกับกล่าวขึ้นมาว่า: “นี่คือเครื่องเยียวยาที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน มันสามารถทำให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ในเวลาอันสั้น ดร.บรีฟ ข้าหวังว่าอย่างน้อยเจ้าคงจะสามารถเลียนแบสร้างมันขึ้นมาสัก 100 เครื่องได้!”
“เมื่อเครื่องเยียวยาเสร็จสมบูรณ์ ข้าต้องการห้องแรงโน้มถ่วงอย่างน้อย 10 ห้องที่สามารถปรับแรงโน้มถ่วงเทียมได้ แรงโน้มถ่วงของดาวเราอยู่ที่ 10 เท่าของโลก ดังนั้นห้องแรงโน้มถ่วงจึงต้องสามารถปรับให้เข้ากับแรงโน้มถ่วงได้อย่างน้อย 20 เท่า”
“สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อพวกเราชาวไซย่ามาก! ห้องแรงโน้มถ่วงคงสามารถพลัดวันไปได้ แต่เครื่องเยียวยา 100 เครื่องไม่ใช่ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถทำให้เสร็จทั้งหมดภายในหนึ่งเดือน”
ดร.บรีฟเมื่อได้ฟังยิ่งดูสับสน: “ท่านหลิน ที่ข้าสัญญาว่าจะช่วยเหลือท่าน ก็เพราะท่านกรุณาช่วยเหลือครอบครัวของข้าและไทต์”
“แต่เจ้าเครื่องเยียวยาและห้องแรงโน้มถ่วงอะไรนั่น ข้าไม่เคยสัมผัสพวกมันมาก่อนเลย จึงไม่รู้ว่าพวกมันจะสร้างขึ้นได้ยังไงด้วยซ้ำ”
ดร.บรีฟเป็นอัจฉริยะที่คิดค้นเทคโนโลยีที่น่าทึ่งมากมาย แต่อัจฉริยะก็มีขีดจำกัดเช่นกัน
สิ่งที่หลินเฉินต้องการคือเทคโนโลยีชีวภาพและเทคโนโลยีแรงโน้มถ่วง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดร.บรีฟไม่เคยสัมผัสมาเลยสักครั้ง ดังนั้นความมั่นใจของเขาจึงแทบไม่มีอยู่เลย
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา: “คุณพ่อ ถ้ามีตัวต้นแบบของเครื่องเยียวยาอยู่ มันคงใช้เวลาสร้างตัวเลียนแบบไม่นานหรอก จากนั้นค่อยให้พวกหุ่นยนต์ผลิตมันขึ้นมาเป็นจำนวนมากก็ได้นิ!”
"โอ้?"
ดร.บรีฟและหลินเฉินหันไป และเห็นบูลม่าวิ่งออกมาจากหลังต้นไม้
เด็กสาวตัวน้อยมองไปที่เครื่องเยียวยาที่หลินเฉินเอาออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นนางก็ยิ้มให้พ่อของนางราวกับว่านางอยากจะได้รับคำชม
"จริงเหรอ? บูลม่า ลูกแน่ใจใช่ไหมว่าวิธีนี้จะได้ผล?” ดร.บรีฟถามออกมาด้วยแววตาทื่อๆ
“จริงสิ ว่าแต่พี่ชายหลินเฉินมีต้นแบบของห้องแรงโน้มถ่วงที่พูดถึงอยู่หรือเปล่า? ถ้ามีมันอยู่ ก็คงจะสามารถทำเลียนแบบได้เลย บังเอิญว่าเมื่อเร็วๆ นี้ข้าเองก็เพิ่งจะทำการวิจัยเรื่องระบบต้านแรงโน้มถ่วงด้วย…”
จากนั้นบรีฟจึงกล่าวขอโทษหลินเฉินพร้อมรอยยิ้มอันแสนเขินอาย “ขอโทษด้วยนะท่านหลินเฉินที่แนะนำตัวนางช้าไปหน่อย เด็กสาวคนนี้เป็นลูกสาวของข้า บูลม่า แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่แท้จริงแล้วนางเป็นอัจฉริยะที่เก่งยิ่งกว่าข้าเสียอีก”
"งั้นหรือ?" หลินเฉินไม่แปลกใจกับคำพูดของเขาเลย เพราะบูลม่าได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวละครที่มีไอคิวสูงที่สุดในโลกดราก้อนบอล
“ขอบคุณ บูลม่า เจ้าช่วยข้าได้มากเลย หากเจ้ามีความปรารถนาใด เจ้าสามารถบอกข้าได้ ข้ายินดีที่จะเติมเต็มความปรารถนาให้เจ้าเอง” หลินเฉินยิ้มและลูบศีรษะของบูลม่า
เมื่อรู้สึกถึงมือของหลินเฉินข ใบหน้าอันแสนงดงามของบูลม่าก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ถ้าอย่างนั้น…พี่หลินเฉิน เมื่อครู่ข้าได้ยินจากพี่สาวว่าพี่บินได้ใช่ไหม? พี่พาข้าบินสักครั้งได้หรือเปล่า?”
“เพียงแค่นั้นหรือ?”
"อืมมมม!" บูลม่าพยักหน้าด้วยความมั่นใจ
“ดร.บรีฟ ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาบูลม่าบินเล่นสักพักจะได้หรือเปล่า?” หลินเฉินเอ่ยถาม
“ได้เลย ได้เลย” แม้ว่าบรีฟจะกังวลเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ
หลินเฉินคว้ามือของบูลม่าทันทีและพานางบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
"โอ้ พระเจ้า! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ากำลังบินอยู่จริงๆ ด้วย!”
บูลม่าสมกับเป็นน้องสาวของไทต์ เลย นางไม่กลัวที่สูงเลยสักนิดเดียว แต่จากนั้นเอง นางก็เริ่มเร่งเขา “พี่หลินเฉิน บินเร็วกว่านี้ได้ไหม?”
"ได้อยู่แล้ว"
หลินเฉินดึงบูลม่าเข้ามาโอบกอดนางไว้แน่น จากนั้นจึงเริ่มเร่งความเร็วขึ้น
เพราะเขาปกป้องนางด้วยออร่าของเขา แม้ว่าความเร็วของการบินจะเหนือกว่าเครื่องบินรบ แต่บูลม่าก็ไม่รู้สึกอึดอัดใดๆ เลย
ทว่าใบหน้าเล็กๆ ของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงไปแล้ว ตลอดการเที่ยวเล่นครั้งนี้ นางรู้สึกประทับใจในตัวหลินเฉินมากเลย
“บูลม่า เราควรกลับกันไหม?”
“ไม่ๆ พี่หลินเฉิน เราบินกันอีกหน่อยไม่ได้หรือ?”
“บินให้นานขึ้นอีกหน่อยงั้นเหรอ?” หลินเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง และทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะพาเจ้าไปหาเทพเจ้าดีไหม?”
"เทพเจ้า? ที่ไหน ที่ไหน? มีเทพเจ้าบนโลกด้วยเหรอ?” บูลม่าดูสนใจมาก
บนโลกใบนี้มีตำนานเรื่องเทพเจ้าอยู่มากมาย แม้ว่าบูลม่าจะเป็นเด็กที่ชาญฉลาด แต่นางก็อยากรู้อยากเห็นพวกเรื่องในตำนานเช่นกัน
“มีสิ เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปพบพวกเขาเอง!”
สถานที่ที่หลินเฉินต้องการพาบูลม่าไปคือหอคอยคารินและสวรรค์
สถานที่ทั้งสองนี้เดิมทีอยู่ในแผนการเดินทางของหลินเฉินอยู่แล้ว
ตอนนี้เขาพอได้พาบูลม่ามาเดินเล่นแล้ว หลินเฉินจึงเปลี่ยนกำหนดการเดินทางล่วงหน้าสักหน่อย
หอคอยคารินตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลห่างจากโลกมนุษย์ และใช้เวลาอย่างน้อยสองสามชั่วโมงในการบินจากเมืองตะวันตก
แต่ด้วยความเร็วของหลินเฉิน เขาก็ใช้เวลาไม่นานนักก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะเห็นหอคอยคารินที่อยู่สูงเหนือหมู่เมฆหมอก
เมื่อหลินเฉินและบูลม่าเข้ามาใกล้บนหอคอยคาริน ร่างกายของคารินเริ่มสั่นสะท้าน: “อ…ออร่าน่าสะพรึงกลัวอะไรขนาดนี้ เจ้าเอเลี่ยนตัวนั้นรู้เรื่องสถานที่แห่งนี้ได้ยังไงกัน?”
เมื่อมองออกไปถึงคนที่กำลังพุ่งเข้ามา ใบหน้าของพระเจ้าที่เป็นสีเขียวก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด: “เจ้าเอเลี่ยนตัวนั้นสังเกตเห็นข้าหรือเปล่า?”
"ว้าววว!"
บูลม่ามองไปที่หอคอยในระยะไกล ขากรรไกรของนางแทบจะหลุดออกจากจุดเดิมอยู่แล้ว
นางดูตื่นเต้นมาก เพราะนางมาจากโลก
และไม่รู้เลยว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่บนโลกด้วย
หอคอยนั่นน่าจะสูงกว่าตึกที่สูงที่สุดในโลกหรือเปล่าเนี่ย? ทำไมนางถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย?
“พี่หลินเฉิน พระเจ้าอยู่ที่นั่นเหรอ?”
“นั่นคือหอคอยคาริน ที่อยู่อาศัยของผู้เป็นอมตะ ที่พักแรมของเทพจะอยู่สูงขึ้นไปอีก”
“เจ้าอยากจะขึ้นไปอีกไหม?”
บูลม่ารู้สึกว่าวันนี้มันช่างน่าตื่นเต้นจริงๆ ไม่เพียงแต่นางจะได้เห็นมนุษย์ต่างดาวเท่านั้น แต่อีกไม่นาน นางจะได้พบกับผู้เป็นอมตะและพระเจ้าแล้ว
ใบหน้าเล็กๆ ของนางแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น
ครู่ต่อมา หลินเฉินก็พาบูลม่ามาที่ห้องโถงใหญ่ของหอคอยคาริน
“พี่หลินเฉิน ผู้เป็นอมตะอยู่ที่ไหนเหรอ? ไหนล่ะผู้เป็นอมตะ?”
ทันทีที่พวกเขาลงมาถึง บูลม่าก็มองไปรอบๆ ด้วยความสนอกสนใจ จนเมินคารินไปอย่างสิ้นเชิง
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม !” โครินกระแอมไอเรียกความสนใจ “โทษทีนะ ข้านี่แหละผู้เป็นอมตะ”
"หา?" บูลม่าตกใจมาก: “พี่หลินเฉิน แมวพูดได้แหละ!”
“เขาไม่ใช่แมว เขาคือผู้เป็นอมตะ!”