นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 148 - วานรยักษ์
ในที่สุดเดวิดก็ออกมาจากตัวอาคารจนได้ เขาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าก่อน เพื่อพยายามปัดเศษฝุ่นเศษดินที่ติดอยู่ตามร่างกายออกไปให้มากที่สุด และจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่เข้าทางอย่างสุดความสามารถ
แต่เขาไม่มีกระจก จึงไม่ได้รับรู้เลยว่าสภาพของตัวเองในตอนนี้เหมือนคนบ้ามากกว่าคนดี ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็ไม่มีทางดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาได้เลย นอกจากจะได้อาบน้ำครั้งใหญ่เท่านั้น
เดวิดทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ก่อนที่จะหยิบเข็มทิศหาสมบัติขึ้นมาเปิดใช้อีกครั้ง นี่เป็นโควตาครั้งสุดท้ายของวันนี้แล้ว มันเริ่มทำงานตามหน้าที่อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ลูกศรโฮโลแกรมก็ปรากฏขึ้นมาชี้ทางไปหาของมีค่าให้เขาได้เห็น และเดวิดก็ไม่ได้ลังเลอะไร เพราะเขาไม่ได้มีแผนหรือทางเลือกอะไรที่ดีกว่าวิธีนี้อยู่แล้ว เขาเริ่มเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของลูกศรอันหนึ่งทันที
การเดินทางในครั้งนี้ เดวิดไม่ได้เพิ่มอัตราการหมุนเวียนเลือดของตัวเอง เขาต้องการทดสอบพลังของร่างกาย และทำความคุ้นเคยกับมันก่อน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นการวิ่งด้วยความแข็งแกร่งพื้นฐาน ไม่ได้กระตุ้นทักษะการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ ความเร็วของเดวิดยังถือว่าสูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว
เดวิดพุ่งไปมาระหว่างต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว เขาพยายามเคลื่อนที่ด้วยท่าทางต่าง ๆ เพื่อทดสอบ และพบว่าร่างกายของตัวเองเหมือนกับไร้น้ำหนัก มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วและราบรื่นเป็นอย่างมาก ปฏิกิริยาในการหลบหลีกก็เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย เขาสามารถเดินทางป่าทึบไปได้ง่าย ๆ ราวกับเป็นการเดินผ่านพื้นที่ราบโล่งธรรมดาแห่งหนึ่ง ถ้าจะกล่าวอย่างตรงไปตรงมา นี่เป็นการเดินทางที่สบายและรวดเร็วกว่าการกระตุ้นใช้ทักษะการเคลื่อนไหวเสียอีก
ดูเหมือนว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเขานั้นจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่เหลือคนานับ ความแข็งแกร่งของร่างกายที่เพิ่มขึ้น ได้กระตุ้นศักยภาพของกล้ามเนื้อ การหมุนเวียนเลือด และการปลดปล่อยพลังให้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มความหนาแน่น ยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและผิวหนังเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยกระดับความสามารถโดยรวมของเขาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งเลย และเป็นการยกระดับอย่างก้าวกระโดดด้วย
หลังจากเดินทางมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ลมหายใจของเดวิดก็เริ่มถี่เร็วขึ้น จนเขาต้องหมุนเวียนเลือดเพื่อเพิ่มพลังงานให้กลับมาเต็มที่เหมือนเดิมอีกครั้ง การเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดได้นานขนาดนี้ด้วยการใช้ความแข็งแรงของร่างกายอย่างเดียว ถือว่าความอึดของเดวิดนั้นค่อนข้างยอดเยี่ยมไม่น้อย แล้วเขายังสามารถฟื้นฟูได้ด้วยการหมุนเวียนเลือดเพียงไม่กี่รอบเท่านั้น ถ้าให้กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ เดวิดสามารถเดินทางทั้งวันโดยไม่ต้องหยุดพักได้เลย
แต่เดวิดยังไม่ต้องเดินทางไกลขนาดนั้นในตอนนี้ หลังจากนั้นอีกไม่นาน เขาก็เริ่มลดความเร็วของตัวเองลง เพราะมันใกล้จะถึงจุดหมายที่เข็มทิศหาสมบัติชี้มาแล้ว และสิ่งที่ทำให้เดวิดต้องคิ้วขมวดก็คือ เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ดังออกมาจากตำแหน่งเป้าหมายของตัวเองด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดว่าที่นี่จะลึกลับซับซ้อนอะไร แต่มันก็ยังถือว่าเป็นเขตที่มีอันตรายระดับสูง เดวิดไม่ได้คาดคิดว่าจะมีนักเรียนเข้ามาถึงที่นี่รวดเร็วขนาดนี้เลย
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ ๆ เดวิดคิดจะปรับตัวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ามีโอกาส หรือจำเป็นจริง ๆ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะลงมือแย่งชิงอุปกรณ์ไฮเทคมาเป็นของตัวเองแน่ การมีของดีอยู่กับตัวเพิ่มขึ้น ไม่ได้เป็นสิ่งที่เสียหายอะไรอยู่แล้ว
เดวิดหมุนเวียนเลือดในร่างกายให้อยู่ในระดับ 50 เปอร์เซ็นต์ของความเร็วสูงสุด เขาต้องการปิดบังความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายเอาไว้ก่อน มันไม่ควรจะถูกเปิดเผยออกไปเร็วมากนัก การมีไม้ตายเก็บไว้กับตัวบ้าง มันจะทำให้ความเสี่ยงนั้นลดลงเป็นอย่างมาก
เมื่อเดวิดพาตัวเองมาถึงชายป่า เขาก็พบว่าข้างหน้านั้นเป็นพื้นที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง และมันได้กลายเป็นสนามรบไปเรียบร้อยแล้ว เดวิดเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ เฝ้าดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเย็น
ภาพที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้า คือการต่อสู้กันของนักเรียน 5 คน ที่ยืนกระจายตัวเป็นรูป 5 เหลี่ยม สลับสับเปลี่ยนกันเข้าจู่โจม และเปลี่ยนหน้ากันเข้ามาป้องกันการโจมตีของสัตว์กลายพันธุ์ระดับสีดำขั้นสูงตัวหนึ่งเอาไว้ ‘วานรหมัดหินผา!’ ถ้าวัดจากความแข็งแกร่งของนักเรียนแต่ละคน เดวิดไม่คิดว่าจะมีใครในพวกเขา สามารถเผชิญหน้ากับเจ้าลิงกลายพันธุ์ตัวนี้ได้แน่ การร่วมมือกันของพวกเขายังแค่ต้านทานเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิวเท่านั้น
และที่ด้านหลังของพวกเขา มีกล่องใส่อุปกรณ์ไฮเทควางเด่นเป็นสง่าอยู่ และประกายที่มันเปล่งออกมา ทำให้เดวิดตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เพราะมันเป็นประกายสีทอง!
นี่เป็นกล่องอุปกรณ์ระดับสูงกล่องแรกที่เดวิดเจอตั้งแต่ลงมาจากเรือเหาะเลยด้วยซ้ำ มันทำให้เขาต้องส่งเสียงออกมาเบา ๆ ในหัวคิดวางแผนการเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่ พยายามคิดหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการครอบครองมันไว้เป็นของตัวเอง
การจะแอบเข้าไปเอากล่องออกมาโดยไม่ให้พวกนั้นรู้ตัว ไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้ กล่องถูกวางเอาไว้ในที่เปิดโล่งเกินไป และระยะเวลาที่จะใช้ในการอ่านข้อมูลของกล่องระดับสูง น่าจะนานกว่ากล่องระดับเงินขึ้นไปอีกไม่น้อย ไม่มีทางที่เดวิดจะยืนนิ่งอยู่ตรงที่ว่างแบบนั้น โดยที่นักเรียนทั้ง 5 คนไม่สังเกตเห็นก่อนแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้น เขาจะกลายเป็นเป้าจู่โจมแทนเจ้าลิงตัวนั้น หรือแม้แต่กลายเป็นคู่มือของเจ้าลิงตัวนั้นแทนก็ได้
นั่นจะบังคับให้เขาตั้งใช้วิธีที่ 2 โดยอัตโนมัติ จัดการให้หมดไม่ว่าคนหรือลิง แล้วก็ยึดกล่องอุปกรณ์นี้มาครองอย่างภาคภูมิ มันดูจะเป็นวิธีที่เรียบง่ายและได้ผลที่สุด ไม่น่าจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นตามมาอีกด้วย อย่างไรเสีย การแย่งชิงก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของการแข่งขันครั้งนี้อยู่แล้ว
เดวิดมองสังเกตนักเรียนทั้ง 5 คนอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะทำการตัดสินใจ!
พวกเขาเป็นกลุ่มของนักเรียนชาย 4 คน และนักเรียนหญิงอีก 1 คน กำลังร่วมมือกันต่อสู้ได้เป็นอย่างดี
นักเรียนชาย 2 คนรับหน้าที่เป็นตัวชน พวกเขาทั้งคู่พยายามต้านรับการโจมตีของวานรหมัดหินผาโดยตรง ยืนคู่กันอยู่ที่ตำแหน่งหน้าสุด ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มยืนอยู่ตรงกลาง คอยฉวยโอกาสโจมตีเมื่อมีช่องว่าง และคอยหลบอยู่ด้านหลังของตัวชนทั้งคู่นี้ และมีนักเรียนชายอีกคนคอยช่วยโจมตีป้องกัน ในตอนที่วานรหมัดหินผาหลุดรอดจากตัวชนทั้งคู่เข้ามาได้
และนักเรียนชายคนสุดท้าย จะยืนอยู่ห่างออกมาที่สุด คอยหาโอกาสปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกไปเป็นครั้งคราว
นี่เป็นทีมเวิร์คที่สมบูรณ์แบบไม่น้อย พวกเขาดูเหมือนจะเชื่อใจเพื่อนร่วมทีมของตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่นั่นทำให้เดวิดขมวดคิ้วเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่แปลกประหลาด อย่างน้อย ๆ ตั้งแต่เขาตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ การเชื่อใจคนอื่นไม่ใช่ทางเลือก หรือสิ่งที่ควรจะทำเลย และเดวิดไม่คิดที่จะฝากชีวิตของตัวเองเอาไว้ในมือของคนอื่นด้วย “กล้าไว้ใจคนอื่นอย่างนี้เลยรึ? หึหึ” เขาพึมพำเยาะเย้ยออกมา พร้อมกับส่ายหัวอย่างไม่เชื่อในการร่วมมือแบบนี้มากนัก
ดูเหมือนว่าเสียงพึมพำของเขาจะดังกว่าที่ตัวเองคิดไว้ เพราะนักเรียนชายคนที่ยืนอยู่ห่างออกมาจากกลุ่มที่สุด หันหน้ามองจ้องมาทางเขาเขม็ง ราวกับต้องการยืนยันว่ามีคนซ่อนอยู่บนต้นไม้หรือไม่ นี่ทำเดวิดต้องกระพริบตาถี่ ๆ ในความงี่เง่าของตัวเอง แต่ก่อนที่เขาจะคิดทำอะไรต่อไป เสียงตะโกนก็ดังขึ้นมาก่อน
“ไม่ต้องซ่อนตัวแล้ว รีบออกมาเปิดกล่องอุปกรณ์นี่ก่อน แล้วพวกเราทั้งหมดจะได้รีบหลบออกไปจากที่นี่เสียที!”
เป็นนักเรียนหนุ่มคนนั้นที่ตะโกนออกมา พร้อมกันนั้น เขาหันตัวกลับไปต่อยหมัดโจมตีเจ้าวานรที่สูงมากกว่า 2 เมตรเพื่อดึงความสนใจเอาไว้อย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้เดวิดอึ้ง เช่นเดียวกับนักเรียนอีก 4 คนที่เหลือ พวกเขาชะงักไปเล็กน้อย แต่ยังโชคดีที่การโจมตีของนักเรียนคนนั้นดึงความสนใจของลิงยักษ์ไปก่อน ทำให้พวกเขาไม่ตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบมากนัก
เดวิดยังไม่หายอึ้งนัก ตอนที่เสียงตะโกนดังออกมาอีกครั้ง “เร็ว ๆ เข้า พวกเราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ!”
เขาตัดสินใจได้ในที่สุด “มาดูกัน ว่านายวางแผนจะทำอะไร?” เดวิดพึมพำกับตัวเอง ด้วยความแข็งแกร่งที่พวกเขาแสดงออกมา เดวิดไม่คิดว่าตัวเองจะเสียเปรียบอะไรได้ ถ้าเขาระวังตัวให้มากเพียงพอ ความแตกต่างของพลังนั้นมากพอที่จะทำให้กับดักหรือเล่ห์กลต่าง ๆ ไร้ผลไปโดยสิ้นเชิงได้ เดวิดหมุนเวียนเลือดในร่างกายให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีกเล็กน้อย กระตุ้นการเต้นของหัวใจให้ดังขึ้นอย่างจงใจ
ก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปที่กล่องอุปกรณ์สีทองด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้า
วานรหมัดหินผาคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นร่างของเดวิดปรากฏขึ้นที่หน้ากล่องอุปกรณ์อย่างกะทันหัน การที่มันเฝ้าอยู่ที่นี่ ก็เพราะหลงใหลในสีทองแวววาวที่ส่องประกายออกมาจากกล่องใส่อุปกรณ์ และยึดถือกล่องที่วางอยู่ตรงนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าของตัวเอง แต่ตอนนี้มีคนกำลังจะมาแย่งของรักของมันไปแล้ว!
โฮกก!
เสียงคำรามนั้นเลื่อนลั่นสะท้านฟ้า มันก้มตัวใช้แขนทั้งสองข้างทุบรัวลงไปที่พื้นราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงการรวมพลังของมันเท่านั้น เพราะเส้นเลือดค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นที่กำปั้นและท่อนแขนอย่างต่อเนื่อง เศษหินที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ค่อย ๆ ลอยติดขึ้นมาอยู่ที่หมัดของมัน จนในที่สุดก็กลายเป็นถุงมือที่สร้างจากหินคู่หนึ่ง
ทักษะพิเศษ ‘หมัดหินผา’
นี่คือสิ่งที่ทำให้ลิงตัวนี้ได้ชื่อว่า วานรหมัดหินผา! เพราะว่ามันสามารถสร้างคลื่นความถี่พิเศษดึงดูดให้หินมารวมตัวกันอยู่ที่ผิวหนังได้ โดยเฉพาะที่หมัดของมัน ทำให้การพลังในการโจมตีของมันรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล
“ระวังตัว! มันใช้ทักษะประจำตัวออกมาแล้ว!” เสียงของนักเรียนหญิงตะโกนเตือนออกมาอย่างตื่นตระหนก