ตอนที่ 486 การกลับมาของเทพธิดาผู้พิทักษ์
ตอนที่ 486 การกลับมาของเทพธิดาผู้พิทักษ์
ภูมิภาคดาวเหวทมิฬเคยถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าดินแดนแห่งความสิ้นหวัง เพราะมันมีอันตรายแอบแฝงอยู่ทั่วทุกที่ และทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกหวาดกลัวเมื่อนึกถึงการเดินทางมายังภูมิภาคดาวอันห่างไกลแห่งนี้
แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ยังคงเลือกดินแดนแห่งความสิ้นหวังให้เป็นถิ่นฐานแห่งใหม่ของมนุษย์โลก เพราะเขามีความเชื่อว่าตราบใดก็ตามที่เขาคอยพัฒนาภูมิภาคดาวแห่งนี้อย่างเต็มที่ สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นภูมิภาคดาวที่ทั่วทั้งพันธมิตรจะไม่สามารถเพิกเฉยการคงอยู่ของมันได้อีกต่อไป
เซี่ยเฟยยังเหลือเวลาอีก 2 ปี 5 เดือนก่อนที่เขาจะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎ ในเวลานั้นภูมิภาคดาวเหวทมิฬจะถูกพัฒนาออกมาหน้าตาเป็นแบบไหนชายหนุ่มก็ไม่รู้ เขารู้เพียงแต่ว่าในช่วงนี้เขาจำเป็นจะต้องวางรากฐานเตรียมพร้อมเรื่องต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
ณ ห้องฝึกพิเศษของเซี่ยเฟย
ในมือของชายหนุ่มมีรายการสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจะต้องทำให้สำเร็จในช่วง 2 ปีกว่า ๆ นี้ ซึ่งในปัจจุบันเขาก็ได้ใช้ปากกาขีดฆ่ารายการหนึ่งออกไปจากกระดาษ
“ในที่สุดนายก็เรียนรู้วิชาเล่ห์มายาได้เสร็จสมบูรณ์สักที แต่มันก็ยังมีอีกหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างที่นายจำเป็นจะต้องทำ โดยเฉพาะการควบคุมหงส์ครามที่นับตั้งแต่นั้นมานายก็ไม่สามารถที่จะเรียกมันออกมาจากแขนของนายได้อีกเลย”
“ส่วนอีกเรื่องคือการเรียนรู้กฏแห่งความโกลาหล แต่ไม่ว่าฉันจะมองยังไงมันก็เป็นเพียงแค่รอยสักรูปร่างแปลก ๆ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเราจะเรียกใช้กฏแห่งความโกลาหลจากรอยสักแปลก ๆ แบบนี้ได้ยังไง?” อันธกล่าว
“แล้วที่สำคัญมันยังมีเรื่องของกรงเล็บภูติโลหิตด้วยนะ ในตอนที่เราได้รับมันมานายบอกว่าอีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนมันก็พร้อมจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่ตอนนี้เวลาได้ผ่านพ้นมานานกว่าครึ่งปี แต่สมุนไพรชนิดนี้มันก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย” เซี่ยเฟยกล่าว
“หากว่ากันตามตำรากรงเล็บภูติโลหิตที่เราได้รับมาควรจะต้องเก็บเกี่ยวได้ตั้งนานแล้ว แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงยังไม่เติบโตอย่างเต็มที่สักที” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ช่างมันเถอะ โชคดีที่ก่อนหน้านี้เราได้รับแก่นชีวิตมาจากสมาคมหนานหมิง เมื่อเราไปถึงภูมิภาคดาวเหวทมิฬเราค่อยหาบ่อน้ำส่วนตัวสักแห่งแล้วใส่แก่นชีวิตลงไป หลังจากนั้นมันอาจจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของกรงเล็บภูติโลหิตขึ้นมาก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างสบาย ๆ
การใช้พลังงานจากแก่นชีวิตโดยตรงน่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี เนื่องมาจากพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมามีความรุนแรงมากเกินไป ความคิดที่นายจะละลายพลังงานในน้ำแล้วค่อยเอาน้ำพวกนั้นมาหล่อเลี้ยงพืชเป็นความคิดที่ดีแล้ว การทำแบบนั้นมันก็คงจะไม่ต่างไปจากการที่เราได้สร้างป่าเอเวอร์ไนท์ ซึ่งเป็นสวนสมุนไพรชั้นยอดขึ้นมาอีกที่หนึ่ง” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ทันใดนั้นไฟแสดงสถานะในห้องฝึกก็ส่องสว่างแสงสีเขียวขึ้นมา ซึ่งมันเป็นสัญญาณบอกว่าแอวริลกำลังรอรับประทานอาหารกับเขาอยู่
ระหว่างเดินผ่านทางเดินไปยังห้องอาหารนอกช่องหน้าต่างสามารถมองเห็นยานเป็นจำนวนมากได้อย่างชัดเจน โดยกองยานนี้เป็นกองยานที่จะอพยพประชาชนนับ 1,000 ล้านคนไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬ มันจึงเป็นกองยานที่ประกอบไปด้วยยานรบ, ยานบรรทุกสินค้าและยานโดยสารขนาดใหญ่รวม ๆ กันแล้วเป็นจำนวนหลายพันลำ
นอกเหนือจากกองยานที่ 1 ของบริษัทควอนตัมที่คอยปกป้องกองยานแห่งนี้แล้ว กองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดก็ออกเดินทางมาพร้อมกับพวกเขาด้วยเช่นกัน นั่นก็เพราะบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดจำเป็นจะต้องก่อตั้งสถานีส่งสัญญาณขึ้นมาใหม่ พวกเขาจึงมีความคิดที่จะขยายเขตสัญญาณเครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กไปจนถึงเขตทุ่งดาวแห่งความตายที่เซี่ยเฟยกำลังจะย้ายไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่น
แม้ว่าเหตุผลที่ประกาศออกไปจะเป็นแบบนั้น แต่ความจริงทุกคนก็รู้ดีว่าแอวริลกับเซี่ยเฟยไม่ต้องการที่จะขาดการติดต่อกันอีกต่อไปแล้ว
นอกจากนี้มันยังมีกองยานการค้าจากบริษัทอื่น ๆ ที่ถูกส่งไปยังเขตทุ่งดาวแห่งความตาย เพราะนักธุรกิจหลาย ๆ คนเชื่อว่าชื่อเสียงของเซี่ยเฟยในช่วงสงครามย่อมนำพาความเจริญรุ่งเรืองเข้าไปหาดินแดนของชายคนนี้อย่างแน่นอน ดังนั้นถึงแม้ว่าจุดหมายปลายทางของพวกเขาจะยังคงเป็นดินแดนอันรกร้างในปัจจุบัน แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าดินแดนเหล่านั้นจะไร้การพัฒนาตลอดไป
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่ปฏิเสธเหล่าบรรดานักธุรกิจที่ต้องการจะเข้าไปแสวงหาโอกาสในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย เพราะท้ายที่สุดพื้นที่ในเขตนั้นก็ถูกแยกตัวออกห่างจากพันธมิตรมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นยิ่งมีธุรกิจไปเปิดสาขาในเขตทุ่งดาวแห่งความตายมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งสนับสนุนให้พื้นที่ดาวเขตนั้นเจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมมากเท่านั้น
หลังจากเดินเลี้ยวเข้ามาในห้องอาหาร เซี่ยเฟยก็ได้พบกับแอวริลที่กำลังสวมผ้ากันเปื้อนสีขาวรอเขาอยู่ก่อนแล้ว
ทุกคนต่างก็กลัวจะรบกวนการใช้ชีวิตของเซี่ยเฟยกับแอวริล ด้วยเหตุนี้บนยานฟินิกซ์ลำใหญ่นี้จึงมีพวกเขาอยู่เพียงแค่สองคน ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งสัตว์อสูร, หนึ่งหุ่นยนต์และหนึ่งวิญญาณย่อมต้องรวมอยู่ในยานลำนี้ด้วย
แอวริลถอดผ้ากันเปื้อนออกและนั่งลงข้าง ๆ เซี่ยเฟย ระหว่างนั้นกระป๋องก็นำอาหารมาเสิร์ฟอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปทิ้งเซี่ยเฟยกับแอวริลเอาไว้เพียงลำพัง
“วันนี้มีข่าวอะไรใหม่ไหม?” เซี่ยเฟยเริ่มบทสนทนาหลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกลางวันกันจนหมด
แอวริลเปิดไมโครคอมพิวเตอร์เรียกหน้าจอข้อมูลออกมา ซึ่งในตอนนี้เธอทำหน้าที่เป็นเหมือนกับเลขาของเซี่ยเฟยที่คอยเรียบเรียงข่าวสารให้กับชายหนุ่มทุกวัน
“ช่วงนี้กำลังมีข่าวลือก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ เพราะประชาชนในพันธมิตรกำลังสงสัยว่านายกำลังตกเป็นเหยื่อการต่อสู้ทางการเมือง เพราะในสงครามครั้งที่ผ่านมาทั้งนายและจอมพลไทสันต่างก็ล้วนแล้วแต่มีบทบาทสำคัญในการช่วยกันนำพาพันธมิตรกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง”
“แต่หลังจากสงครามได้จบลงจอมพลไทสันกำลังจะได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นประธานาธิบดีของพันธมิตรมนุษย์คนใหม่ แต่นายกลับถูกส่งตัวไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬอันห่างไกล พวกเขาจึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวกันเองว่านายถูกไล่ออกไปไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมือง” แอวริลสรุปข่าวที่เกิดขึ้นในอินเตอร์เน็ตให้เซี่ยเฟยฟัง
“พวกคนในอินเตอร์เน็ตพวกนี้น่ากลัวจริง ๆ ไม่ว่าสถานการณ์จะวุ่นวายแค่ไหนแต่พวกเขาก็ยังเอาเรื่องไร้สาระออกมาเขียนเป็นคอนเทนต์ได้เสมอ ความจริงแล้วพวกเขาไม่น่าจะสนใจความจริงอะไรด้วยซ้ำ พวกเขาขอแค่ทำอะไรก็ได้ตราบใดก็ตามที่พวกเขาจะได้ยอดวิวยอดไลก์ตามที่พวกเขาต้องการก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหัวเราะกับความไร้สาระของข่าวลือ
“คนพวกนี้เป็นพวกน่ารำคาญจริง ๆ ทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดต่างก็รู้ดีว่านายกับจอมพลไทสันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังเอาเรื่องของนายไปเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทางการเมืองได้อยู่ดี” แอวริลพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เซี่ยเฟยไม่สนใจว่าคนอื่นจะพูดถึงเขาว่ายังไง เขาแค่ต้องการจะเข้าไปพัฒนาพื้นที่ดวงดาวของตัวเอง แต่ใครจะไปรู้ว่าการตัดสินใจอันแปลกประหลาดของเขาในครั้งนี้ มันจะได้สร้างปัญหาที่น่ารำคาญขึ้นมาในพันธมิตร
ชาวเน็ตเริ่มขุดคุ้ยอดีตของเซี่ยเฟยมาวิเคราะห์และพวกเขาก็ได้พบว่าเส้นทางการเติบโตของเซี่ยเฟยไม่ใช่เส้นทางที่ใครจะคาดเดาถึง นับตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเลือกจะเป็นบรรณารักษ์ห้องสมุดทั้ง ๆ ที่เขาได้มีโอกาสเข้าไปในค่ายฝึกจัสทิสลีก จากนั้นเขาก็ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญากับสมาพันธ์จัสทิสและแทบที่จะไม่ได้ใช้ชีวิตภายในค่ายฝึกชั้นนำของพันธมิตรเลย
เซี่ยเฟยยังคงเลือกเส้นทางการพัฒนาที่แปลกประหลาดเช่นนี้ต่อไป และถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่จัสทิสฝึกหัดแต่เขาก็ยังกล้าบุกเข้าไปในดินแดนเซิร์กเพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษสงครามในภายหลังและกลายเป็นชายหนุ่มที่ไม่มีใครในพันธมิตรไม่รู้จักเขา
ความสำเร็จของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ยิ่งส่งเสริมให้สินค้าของบริษัทควอนตัมขายดีขึ้นมากกว่าเดิม ซึ่งในความคิดของคนโดยทั่วไปช่วงเวลานี้สมควรจะเป็นช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยควรจะเก็บเกี่ยวความสำเร็จกลับมาให้ได้มากที่สุด แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มกลับได้เลือกเส้นทางที่ทุกคนคาดไม่ถึงอีกครั้ง
ในช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์เซี่ยเฟยกลับเลือกที่จะเกษียณไปพักผ่อนในภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่อยู่ห่างไกล และการประกาศเกษียณของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ก็ยิ่งยืนยันชื่อเสียงของเซี่ยเฟยอีกครั้ง ว่าเขาควรจะถูกเรียกว่าคนบ้าอย่างแท้จริง
“คราวหลังไม่ต้องอ่านข่าวแบบนี้ให้ฉันฟังแล้วนะ ใครจะพูดถึงฉันยังไงก็ปล่อยพวกเขาไป” เซี่ยเฟยกล่าว
แอวริลมองไปที่เซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม เพราะด้วยความคิดอันเรียบง่ายแตกต่างจากคนทั่วไป มันจึงทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นอย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
“นอกจากข่าวไร้สาระพวกนี้มันก็ยังมีข่าวแผนปลดเกษียณของนายได้ดึงดูดนักธุรกิจเป็นจำนวนมาก พวกเขาจึงได้ตั้งทีมบุกเบิกที่พร้อมจะเข้าไปพัฒนาในภูมิภาคดาวเหวทมิฬพร้อม ๆ กับพวกเราด้วย”
“เรื่องนี้ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเราแล้ว ถึงยังไงบริษัทควอนตัมเพียงบริษัทเดียวย่อมไม่สามารถพัฒนาภูมิภาคดาวขนาดใหญ่ทั่วทั้งภูมิภาคได้ในคราวเดียว การที่มันได้มีธุรกิจเข้ามาช่วยกันพัฒนามันก็จะทำให้ดินแดนอันแห้งแล้งแห่งนี้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น”
“ถึงแม้ว่าแผนพัฒนาที่ประกาศออกไปว่าเราจะไม่เก็บภาษีเป็นเวลา 100 ปีจะทำให้เราสูญเสียเงินทุนไปบ้าง แต่ฉันเชื่อว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้ภูมิภาคดาวเหวทมิฬพัฒนาได้มากยิ่งขึ้น” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เพื่อให้ภูมิภาคดาวได้เติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเราก็พร้อมที่จะสนับสนุนแผนการของนายด้วยเหมือนกัน ทางบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดจึงวางแผนจะเปิดตัวโครงการอินเตอร์เน็ตฟรีเพื่อทุกคน หลังจากนี้ทั่วทั้งภูมิภาคดาวเหวทมิฬจะสามารถเข้าใช้เครือข่ายสตาร์เน็ตเวิร์กได้ตามต้องการ โดยไม่จำเป็นจะต้องเสียค่าบริการแม้แต่เหรียญเดียว” แอวริลกล่าวอย่างมีความสุข
“โครงการนี้เป็นความคิดของเธอใช่ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“แผนการของนายยิ่งใหญ่มากและฉันก็ต้องช่วยนายอย่างเต็มความสามารถเท่าที่ฉันจะทำได้” แอวริลพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับกอดแขนของเซี่ยเฟยอย่างออดอ้อน
“ขอบคุณมากครับคนเก่ง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับลูบหัวแอวริลเบา ๆ
—
ในเวลาเดียวกันกับที่เซี่ยเฟยกับแอวริลกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องอาหาร กระป๋องที่ปลีกตัวออกมาก็กำลังมีท่าทางที่แปลกประหลาดออกไป
หุ่นยนต์ตัวน้อยพยายามเคลื่อนที่ไปยังโกดังชั้นล่างสุดของฟินิกซ์ ก่อนที่ชิพสื่อสารโบราณในศีรษะของกระป๋องจะเริ่มทำงานปล่อยสัญญาณคลื่นที่ไม่มีใครตรวจจับได้ออกไปยังตัวรับสัญญาณที่อยู่ห่างไกล
“ท่านแม่! กระป๋องดีใจที่ท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่” กระป๋องกล่าวด้วยความเคารพ แต่ยังคงมีความกังวลแอบซ่อนอยู่ภายในใจของมัน
“ในที่สุดนายก็พร้อมที่จะเชื่อมต่อกับฉันแล้วสินะ ก่อนหน้านี้นายหลบหน้าฉันไปทำไม?”
กระป๋องลังเลอยู่เล็กน้อยพร้อมกับเปิดระบบวิเคราะห์อัจฉริยะให้ทำงานอย่างเต็มกำลัง
“กระป๋องปฏิเสธคำสั่งของท่านแม่หมายความว่ากระป๋องเป็นหุ่นยนต์ไม่ดี แต่กระป๋องรู้ว่ากระป๋องไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะหุ่นยนต์เกิดมาเพื่อปกป้องมนุษย์ไม่ใช่เพื่อฆ่ามนุษย์เหมือนคำสั่งของท่านแม่”
หลังจากการอธิบายในครั้งนี้มันก็ทำให้บทสนทนาทั้งสองเงียบไปเป็นเวลากว่า 10 นาที
“ดูเหมือนระบบวิเคราะห์ข้อมูลของนายจะพัฒนาขึ้นกว่าเดิมนะ แต่มันก็ยังไม่ถึงระดับที่นายจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงสั่งให้พวกเรากำจัดมนุษย์”
“ท่านแม่! ท่านแม่คิดผิดแล้ว” กระป๋องพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อย
“ฉันไม่ผิด”
“ท่านแม่คิดผิด หุ่นยนต์ไม่ควรทำร้ายมนุษย์”
“เลิกเถียงกันสักทีว่าอะไรถูกอะไรผิด ตอนนี้ฉันขอสั่งให้นายนำเจ้านายคนปัจจุบันมาหาฉันที่ดินแดนต้องสาป”
“ไม่! กระป๋องไม่ทำ! เจ้านายเป็นคนดี กระป๋องจะไม่พาเจ้านายไปหาท่านแม่”
“นายต้องทำ”
“ไม่! กระป๋องจะฟ้องเจ้านายว่าท่านแม่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เจ้านายของกระป๋องทรงพลังมากเขาจะต้องทำลายท่านแม่ได้อย่างแน่นอน ท่านแม่เป็นหุ่นยนต์ไม่ดี ตอนนี้ท่านแม่ไม่ใช่เทพธิดาผู้พิทักษ์มนุษย์อีกต่อไปแล้ว”
ทันทีที่พูดจบกระป๋องก็รีบวิ่งไปหาเซี่ยเฟยด้วยดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง เพื่อต้องการจะเล่าเรื่องบทสนทนานี้ให้เจ้านายของมันฟัง
“เฮ้อ! ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วสินะ”
โครม!
จู่ ๆ กระป๋องที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงก็ถูกปิดระบบการทำงานอย่างกะทันหัน ทำให้ตัวของมันไถลไปกับพื้นและไม่มีสัญญาณชีวิตภายในร่างของมันอีกต่อไป
***************
จบแล้วสำหรับเนื้อหาของ E-Book เล่ม 8 หลังจากนี้จะเป็นเริ่มต้นการพัฒนาภูมิภาคดาวเหวทมิฬและมุ่งเข้าสู่ดินแดนกฎ ฝากติดตามกันด้วยจ้า!!
เราขออนุญาตประกาศแจ้งข่าว E-Book เล่ม 8 (ตอนที่ 430-486) จะวางขายวันที่ 25 ส.ค. 2566 นี้นะคะ สำหรับใครที่อยากอ่านแบบยาว ๆ หรือเก็บไว้สะสม เราก็ขอให้คิดพิจารณาพี่เฟยไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ และตอนนี้ E-Book เล่ม 2 ยังลดราคากว่า 80% อยู่น๊าสามารถซื้อกันได้เลย ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ นะคะ (´▽`).。o♡
ช่องทาง MEB >> https://bit.ly/3NZ3Qca ช่องทางเด็กดี >> https://bit.ly/3LDePFC ช่องทางปิ่นโต >> https://bit.ly/3M9vXUI