ตอนที่ 485 เริ่มออกเดินทาง
ตอนที่ 485 เริ่มออกเดินทาง
ตระกูลซุนมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุยกันระหว่างเส้นทางกลับ เซี่ยเฟยกับหยูจื่อเทาจึงเดินนำหน้า ขณะที่ซุนซานคอยช่วยพยุงบิดาที่ได้รับบาดเจ็บ
ระหว่างทางหยูจื่อเทาดูเหมือนกับจะมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่หดหู่ แต่ชายหนุ่มกลับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้เล่าเรื่องที่น่าสนใจที่เขาพบระหว่างการเดินทางในเผ่าเซิร์ก และเขายังได้พูดถึงแผนการพัฒนาที่เขาคิดจะนำไปใช้ที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬ
เมื่อพูดถึงภูมิภาคดาวเหวทมิฬเซี่ยเฟยก็มีท่าทางตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เพราะในที่สุดมนุษย์โลกก็มีพื้นที่ดาวขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นจะต้องหมกตัวพัฒนาอยู่ในดาวเคราะห์ดวงเล็ก ๆ อีกต่อไป
แม้ว่าตอนนี้ภูมิภาคดาวเหวทมิฬจะมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับประชากรชาวโลกเพียงอย่างเดียว แต่ใครจะสามารถรับประกันได้ว่าจำนวนประชากรของชาวโลกจะหยุดอยู่เพียงแค่เท่านี้ สักวันหนึ่งปัญหาเรื่องจำนวนประชากรและทรัพยากรที่ไม่เพียงพอย่อมจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน การเตรียมการของชายหนุ่มจึงไม่ต่างไปจากการเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่เนิน ๆ
“เซี่ยเฟยนี่นายไม่สงสัยเลยเหรอว่าฉันทำอะไรที่บ่อน้ำสีดำ?” หยูจื่อเทาถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“คุณตากำลังหมายถึงพลังไฟที่คุณตาใช้ใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่”
“แน่นอนว่าผมอยากรู้”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ถามว่าทำไมฉันถึงใช้พลังไฟได้นอกเหนือจากพลังควบคุมโลหะ?” หยูจื่อเทากล่าวถามพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความประหลาดใจ
“พลังพิเศษที่แท้จริงของคุณตาคือพลังควบคุมโลหะอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นพลังควบคุมไฟจึงน่าจะเป็นผลจากอุปกรณ์อะไรบางอย่าง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยูจื่อเทารู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย เพราะตอนแรกเขาต้องการจะอวดเซี่ยเฟยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็กลายเป็นว่าเซี่ยเฟยวิเคราะห์สถานการณ์ทุกอย่างได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“ใช่” ชราทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วสัมผัสแหวนมิติและหยิบหินขาวใสที่มีเปลวไฟสีน้ำเงินลุกไหม้อยู่ตลอดเวลาออกมาถือไว้ในมือ
“ของชิ้นนี้มีชื่อว่าคริสตัลเพลิงคราม ถ้าหากนายพกมันเอาไว้ติดตัวนายจะสามารถใช้เปลวไฟทำการโจมตีได้ ฉันพอจะขอแลกเปลี่ยนสิ่งนี้กับชุดโกลเด้นสปิริตของนายได้หรือเปล่า? เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีใช้เปลวไฟในการโจมตีให้กับนายเอง”
“คริสตัลก้อนนี้เป็นอุปกรณ์ที่ดี แต่ผมไม่ต้องการที่จะแลกเปลี่ยนมันกับชุดโกลเด้นสปิริตครับ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างแน่วแน่
“ถ้างั้นฉันแถมเงินให้อีก 2 ล้านล้านสตาร์คอยน์”
“ไม่เอาครับ”
“3 ล้านล้านสตาร์คอยน์ไปเลย”
“ไม่เอาครับ”
…
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เริ่มเสียใจที่ใช้ชุดโกลเด้นสปิริตออกมาต่อหน้าหยูจื่อเทา เพราะตลอดทั้งทางเขาถูกชายชรารบเร้าและพยายามหาสิ่งต่าง ๆ มาแลกเปลี่ยนกับเขาให้ได้
ในที่สุดทุกคนก็กลับมาจนถึงสมาพันธ์หนานหมิง แต่เนื่องมาจากสมาชิกเกือบทั้งหมดได้ถูกสังหารจากผู้บุกรุก มันจึงทำให้สมาพันธ์ของพวกเขาแทบที่จะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ผลไม้ชนิดนี้มีชื่อว่าผลคริมสัน ซึ่งมันมีผลในการฟื้นฟูพละกำลังสูงมากและสามารถหาได้ในพื้นที่ใจกลางป่าเอเวอร์ไนท์เท่านั้น ตลอดเวลาที่สมาพันธ์ได้ก่อตั้งมาหลายร้อยปีพวกเราสามารถเก็บสะสมพวกมันได้เพียงแค่ 560 ชิ้น”
“ผมขอมอบผลไม้ทั้งหมดนี้ให้ท่านเซี่ยเฟยเพื่อเป็นสินน้ำใจในความช่วยเหลือที่คุณหยิบยื่นให้กับพวกเรา” ซุนกวงกล่าวพร้อมกับมอบอุปกรณ์เก็บรักษาสภาพสมุนไพรให้กับเซี่ยเฟยด้วยท่าทางที่นอบน้อม
เซี่ยเฟยไม่คิดที่จะปฏิเสธและรับสมุนไพรเหล่านั้นมาด้วยความเต็มใจ
“ผลคริมสันไม่ใช่แค่ผลไม้ที่ล้ำค่าที่สุดของสมาพันธ์หนานหนิงเท่านั้น แต่มันยังเป็นผลไม้ฟื้นฟูที่ดีที่สุดในพันธมิตรอีกด้วย” หยูจื่อเทากล่าวเสริม
เซี่ยเฟยได้เรียนรู้เรื่องสมุนไพรกับการปรุงยาจากอันธมาบ้าง เขาจึงพอจะรู้ว่าพลังงานจากผลคริมสัน 1 ลูกมีค่าประมาณ 80 เท่าของผลน้ำค้างขาว และมีค่าประมาณ 45 เท่าจากผลเนตรนาคา แล้วมันย่อมเป็นผลไม้ที่ดีที่สุดที่เอาไว้ใช้ในสภาวะวิกฤตอย่างแน่นอน
เวลาทุกวินาทีของเซี่ยเฟยในช่วงเวลานี้มีค่ามาก และแผนการย้ายถิ่นฐานของชาวโลกก็ยังมีตัวแปรต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนั้นหลังจากจัดการเรื่องราวทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยก็หาข้ออ้างเพื่อที่จะปลีกตัวจากไป
ตระกูลซุนเพิ่งพบกับความสูญเสียอันใหญ่หลวง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พร้อมที่จะต้อนรับแขกในช่วงเวลานี้มากนักพวกเขาจึงไม่คิดที่จะห้ามเซี่ยเฟยเอาไว้ แต่หยูจื่อเทาบอกว่าเขาจะอยู่ช่วยสมาพันธ์หนานหมิงขึ้นมาใหม่ แต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้เจอกับนิสัยมาสายของชายชราคนนี้เป็นการส่วนตัว เขาก็ไม่อยากจะเชื่อถือคำพูดของชายชราคนนี้แล้วจริง ๆ
—
ณ ภัตตาคารปูแดงในดาวหลวงตะวันตก
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกับนิโคลกำลังอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นที่ 47 ของภัตตาคาร
วันนี้นิโคลแต่งตัวอย่างดูดีมากเป็นพิเศษ โดยการสวมชุดเดรสสีดำที่น่าดึงดูด, ผมเผ้าและเครื่องประดับของเธอถูกจัดสรรเข้าด้วยกันอย่างเรียบร้อย และร่างกายของเธอยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนออกมาตลอดเวลา
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้และเชิญให้นิโคลนั่งลง
“เห็นคุณใส่รองเท้าส้นสูงแล้วนึกถึงวันแรกที่เราได้พบกันเลย แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณจะปรับตัวเข้ากับมันได้เป็นอย่างดีแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“น่าเสียดายที่ฉันแค่พิชิตรองเท้าส้นสูงได้ แต่ไม่สามารถพิชิตใจใครบางคนได้” นิโคลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ หลังจากวางผ้าเช็ดปากเอาไว้บนตัก
เซี่ยเฟยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะหยิบขวดไวน์ราคาแพงขึ้นมารินให้หญิงสาวเป็นการส่วนตัว
“ดูเหมือนว่าอย่างน้อยคุณก็ยังพอจะสนใจฉันอยู่บ้างใช่ไหม?” นิโคลกล่าวขณะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ก็คุณเชิญฉันเข้ามาในห้องส่วนตัวที่มีแค่ 2 คน หมายความว่าอย่างน้อยคุณก็ยังกลัวว่ามันจะมีข่าวลือแพร่ออกไปให้แอวริลได้รับรู้”
“ที่ผมทำแบบนี้เพราะว่าผมให้เกียรติคุณต่างหาก ไม่ว่ายังไงสักวันหนึ่งคุณก็ต้องแต่งงานกับใครสักคนหนึ่ง” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะรินไวน์ลงในแก้วของตัวเอง
“ฉันอยากจะแต่งงานกับใครมันคือการตัดสินใจของฉัน คนอื่นไม่มีสิทธิ์มาตัดสินแทนฉันว่าฉันจะต้องแต่งงานกับใคร” นิโคลประคองคางของเธอด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับเหล่สายตามองไปทางเซี่ยเฟยอย่างมีความหมาย
แน่นอนว่านี่คือการบุกจู่โจมซึ่ง ๆ หน้า แต่เซี่ยเฟยก็ยังคงแสร้งทำท่าเป็นไม่เข้าใจต่อไป จากนั้นเขาจึงหยิบสร้อยคอออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับยื่นมันเป็นของขวัญให้กับหญิงสาวตรงหน้า
“ผมบังเอิญได้สร้อยเส้นนี้มาตอนที่อยู่ในอาณาจักรเซิร์ก ผมขอมอบมันเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณก็แล้วกัน”
“มันอีกตั้ง 2 เดือนเลยนะกว่าจะถึงวันเกิดของฉัน” นิโคลกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมรู้ แต่ผมกำลังจะเดินทางไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬและคงจะไม่ได้กลับมาในพันธมิตรอีกในเร็ว ๆ นี้ ผมเลยทำได้แค่มอบของขวัญวันเกิดล่วงหน้าให้กับคุณก่อน เพราะถึงยังไงครั้งนี้คุณก็ช่วยผมได้เยอะมาก”
นิโคลรับสร้อยคอมาจากเซี่ยเฟยพร้อมกับกล่าวขอบคุณออกไปอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นเธอก็ถอนหายใจให้กับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
“คุณตัดสินใจเลือกรุ่นกับจำนวนของยานรบที่จะซื้อครั้งนี้ได้แล้วหรือยัง?”
“ผมยังต้องการยานประจัญบานรุ่นโดมินิคของบริษัทคุณกับยานรุ่นเฮลแองเจิลของบริษัทเอ็มม่าอยู่เท่าเดิม แต่ผมต้องการยานจู่โจมหนักรุ่นอิชทาร์ของบริษัทคุณเพิ่ม 100 ลำ, ยานจู่โจมหนักรุ่นชาล็อต ของบริษัทเอ็มม่า 100 ลำและยานอินเตอร์เซปเตอร์รุ่นเอเรสอีก 100 ลำ”
“เยอะขนาดนั้นเลยหรอ? ทั้งยานรุ่นอิชทาร์กับชาล็อตต่างก็เป็นยานรบรุ่นที่ 2 ทั้งคู่ พวกมันเลยมีราคาไม่น้อยกว่า 12,000 ล้านสตาร์คอยน์ ส่วนยานรุ่นเอเรสฉันตัดสินใจขายให้คุณในราคาทุนคือลำละ 2,500 ล้านสตาร์คอยน์” นิโคลกล่าว
“เรื่องราคาไม่ใช่ปัญหา ผมขอแค่ให้ได้อย่างทุกรุ่นตามจำนวนนี้ก็พอ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันเข้าใจดีว่าคุณตั้งใจจะทิ้งยานรุ่นแรกทั้งหมดเหลือไว้เพียงแค่ยานประจัญบาน ฉันจะพยายามเกลี้ยกล่อมบริษัทเอ็มม่าอย่างเต็มที่ก็แล้วกัน ถึงยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพันธมิตรที่จะมีการก่อตั้งกองยานรบรุ่นที่ 2 ทางบริษัทเอ็มม่าก็คงจะไม่ปฏิเสธการทดสอบที่ล้ำค่าแบบนี้” นิโคลกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
หลังจากนั้นอาหารแสนอร่อยก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ ซึ่งหลังจากทั้งคู่รับประทานอาหารจนหมดแล้วเซี่ยเฟยก็วางช้อนส้อมลงบนจานพร้อมกันท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“มันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องการจะพูดคุยกับคุณ”
นิโคลนั่งตัวตรงและความจริงจังของเซี่ยเฟยก็ทำให้แววตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะแม้แต่แอวริลก็ยังเคยยอมรับว่าช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยมีเสน่ห์มากที่สุดก็คือตอนที่ชายคนนี้แสดงท่าทีจริงจังออกมานี่แหละ
“ผมรู้ว่าบริษัทไกอามีความสามารถในการผลิตยานบัญชาการขนาดใหญ่ และวิธีการผลิตอู่ต่อยานขนาดใหญ่พิเศษก็คงจะเป็นความลับหลักของบริษัท แต่ผมมีเรื่องที่อยากจะขอร้องคุณสักหน่อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“เรื่องอะไร? ลองบอกมาสิ” นิโคลกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยโดยไม่หลบสายตา
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่พิเศษในภูมิภาคดาวเหวทมิฬ”
“คุณต้องการสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่มากแค่ไหน?”
“ผมอยากได้อู่ต่อยานขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“คุณต้องการอู่ต่อยานที่ใหญ่กว่าอู่ต่อยานที่มีอยู่ในปัจจุบันอีกงั้นเหรอ? หรือว่าคุณต้องการจะสร้างยานบัญชาการขึ้นมาด้วยตัวเอง?!” นิโคลกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะลองดู” เซี่ยเฟยกล่าว
นิโคลสบสายตาเซี่ยเฟยเป็นเวลานาน และทันใดนั้นความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในจิตใจของเธอ จนทำให้หัวใจของเธอเต้นขึ้นมาอย่างไม่เป็นจังหวะ
“คุณกำลังร้องขอเทคโนโลยีการสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่พิเศษจากบริษัทไกอาใช่ไหม?”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะผมคงไม่สามารถลองผิดลองถูกสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่ขึ้นมาเองได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
แน่นอนว่าเหตุผลที่เขาต้องการสร้างอู่ต่อยานขนาดใหญ่ นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะลองสร้างยานไททันขึ้นมา และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีในปัจจุบันจะยังคงไม่เอื้ออำนวย แต่ชายหนุ่มก็ยังคงตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู
“ก็ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข” นิโคลกล่าวพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม
“เชิญคุณพูดเงื่อนไขของคุณมาได้เลย”
“คุณต้องแต่งงานกับฉัน” นิโคลกล่าวด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
การพูดเรื่องแต่งงานจากปากผู้หญิงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ และมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงการเป็นชนชั้นสูงของพันธมิตรอย่างนิโคลผู้ซึ่งเป็นทายาทของบริษัทไกอาเลย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอไม่คาดคิดนั่นก็คือคำตอบของเซี่ยเฟยกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะ
“ช่างมันเถอะ! ฉันแค่พูดล้อเล่นน่ะ ฉันแค่สงสัยว่าบริษัทควอนตัมมีความสามารถในการสร้างยานบัญชาการแล้วอย่างนั้นเหรอ? ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะได้เทคโนโลยีสร้างอู่ต่อยานไปจากฉันจริง ๆ แต่อย่างมากที่สุดมันก็คงจะเป็นได้เพียงแค่ของตกแต่งสำหรับพวกคุณเท่านั้น” นิโคลกล่าวแก้ไขสถานการณ์
“พวกเรามาดื่มฉลองให้กับการร่วมมือของเรากันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกแก้วขึ้นสูง
นิโคลกัดริมฝีปากยกแก้วขึ้นมาชนกับเซี่ยเฟยอย่างไม่เต็มใจมากนัก
“นายจะทำแบบนั้นไปทำไม? ถ้าหากนายแต่งงานกับเธอ นายก็จะได้ทั้งสาวสวยทั้งเทคโลยีทั้งหมดของบริษัทไกอาเลยไม่ใช่เหรอ? แบบนั้นมันเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัด ๆ” อันธบนขึ้นมาจากด้านข้าง
“เทคโนโลยีของพันธมิตรในปัจจุบันยังไม่มากพอที่จะสร้างยานไททันขึ้นมาหรอก เหตุผลที่ฉันต้องการข้อมูลจากบริษัทไกอาก็แค่การพยายามหาข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น ที่สำคัญคือฉันมีแอวริลเพียงคนเดียวก็พอแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเฉยชา
—
2 เดือนต่อมา
กองยานขนาดใหญ่เริ่มออกเดินทางจากพันธมิตรไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่อยู่ห่างไกล
หลังจากใช้เวลาเตรียมการทุกอย่างเป็นเวลานานกว่า 2 เดือน ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่เซี่ยเฟยจะต้องออกเดินทางจากพันธมิตรเพื่อไปพัฒนาภูมิภาคดาวเหวทมิฬด้วยตัวเขาเองแล้ว
***************
นิโคลรุกหนักมากนะ พี่เฟยก็มั่นคงสุดๆ สุดยอด!!!