ตอนที่แล้วตอนที่ 483 ความลับที่ก้นบ่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 485 เริ่มออกเดินทาง

ตอนที่ 484 การพัฒนาของหงส์คราม


ตอนที่ 484 การพัฒนาของหงส์คราม

เนื่องมาจากว่ายานเหล่านี้เป็นยานสำรวจ มันจึงมีอาวุธประจำยานเพียงแค่ปืนใหญ่เลเซอร์ 2 กระบอกและเกราะที่ไม่ได้หนามากนัก แต่มันก็มีความหนาเพียงพอที่จะทำให้ยานลำนี้เดินทางสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในจักรวาลอย่างยาวนานได้

เซี่ยเฟยเริ่มสำรวจจากพื้นที่ด้านหลังของตัวยานไล่ไปยังพื้นที่ด้านหน้าของยานมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในระหว่างทางหุ่นยนต์ในโกดังหลาย ๆ ตัวได้ดึงดูดความสนใจของเขา โดยพวกมันเป็นหุ่นยนต์ที่มีเอาไว้สำรวจดาวเคราะห์โดยเฉพาะ นั่นก็เพราะพวกมันถูกออกแบบมาให้ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมอันรุนแรง เพื่อเข้าไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างปลอดภัย

น่าเสียดายที่แรงกระแทกในระหว่างที่ยานตกและการแช่อยู่ในน้ำมาเป็นเวลานาน มันจึงทำให้หุ่นยนต์พวกนี้ได้รับความเสียหายทั้งหมด เซี่ยเฟยจึงเก็บชิ้นส่วนที่พอจะใช้งานได้เข้าไปในแหวนมิติบางส่วนก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าตรงต่อไป

หลังจากเดินผ่านโกดังก็เป็นย่านของที่พักอาศัย และถึงแม้ว่ามันจะผ่านการกระแทกรุนแรงแต่มันก็ยังคงหลงเหลือบันทึกตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งภาพบางภาพถูกเก็บเอาไว้ในครอบแก้วสุญญากาศ มันจึงยังพอเหลือข้อมูลบางส่วนที่ยังคงเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยผ่านมาแล้วนับหมื่นปีก็ตาม

หนึ่งในภาพถ่ายที่ยังคงสภาพมาจนถึงปัจจุบันนั้นคือภาพหมู่ของลูกเสือหลายสิบคนและหุ่นยนต์ผู้ช่วยอีกหลายร้อย โดยสถานที่ภายในภาพดูเหมือนจะเป็นหอประชุมในยุคโบราณ ซึ่งพวกเขาก็กำลังชูมืออย่างยิ้มแย้มคล้ายกับว่าพวกเขาเพิ่งจะได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง

“ดูเหมือนหุ่นยนต์บนยานลำนี้จะมีสถานะที่สูงมาก ถึงขนาดได้ไปถ่ายรูปร่วมกับมนุษย์ในระหว่างที่พวกเขาได้รับรางวัลด้วย ความเป็นจริงมันดูคล้ายกับพวกเขาใช้ชีวิตร่วมกันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างมนุษย์หรือหุ่นยนต์เลย” อันธกล่าวอย่างประทับใจหลังจากที่ได้เห็นภาพหุ่นยนต์กับมนุษย์ภายในรูป

“ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ในยุคโบราณจะใกล้ชิดกันมาก และยานลำนี้ก็คงจะเกิดอุบัติเหตุก่อนที่หุ่นยนต์จะเริ่มทรยศมนุษย์ จะเรียกว่ายุคโบราณเป็นยุคที่มนุษย์ใช้ชีวิตร่วมกันกับหุ่นยนต์ก็คงจะไม่ผิดเท่าไหร่ละมั้ง” เซี่ยเฟยกล่าว

“รางวัลคณะสำรวจ 7 ครั้ง, รางวัลเนบิวลา 4 ครั้ง, รางวัลผู้บุกเบิกยอดเยี่ยม 5 ครั้ง ดูเหมือนว่ายานลำนี้จะเป็นยานของอดีตกลุ่มนักสำรวจชั้นยอดสินะ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากอ่านข้อความที่ระบุเอาไว้ใต้รูปภาพแต่ละรูป

“องค์กรนักสำรวจเป็นองค์กรอิสระที่ไม่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งจากการที่พวกเขาสามารถคว้ารางวัลได้มากมายขนาดนี้ มันก็แสดงว่าพวกเขาเป็นกลุ่มนักสำรวจที่มีความสามารถสูงมาก” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

ภาพถ่ายและบันทึกเกี่ยวกับคณะสำรวจนี้อดที่จะทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดผู้ชายก็มักที่จะแสวงหาความอิสระอยู่เสมอ และถ้าหากว่าเขาไม่ได้เลือกเส้นทางนักสู้บางทีเขาอาจจะเดินบนเส้นทางของนักสำรวจเหมือนคนพวกนี้ก็ได้

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็นึกถึงบุชเชอร์กับคณะสำรวจของเขาขึ้นมา ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นสามารถค้นหาสวนเอเดนในตำนานได้พบหรือเปล่า ท้ายที่สุดทีมสำรวจของบุชเชอร์ก็ยังคงอยู่ภายใต้ชื่อทีมสำรวจของบริษัทควอนตัม แต่ข่าวคราวของพวกเขาได้หายไปเป็นเวลานานแล้ว เซี่ยเฟยจึงไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง

เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นที่โซนสำนักงาน แสงสว่างสีขาวก็เริ่มสว่างชัดให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

“พวกเราอยู่ใกล้แหล่งกำเนิดพลังงานมากแล้ว ฉันขอบอกได้เลยว่าพลังงานที่ปล่อยออกมามีความบริสุทธ์สูงมาก แม้แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงก็สู้มันไม่ได้” อันธกล่าวอย่างจริงจัง

หลังจากที่ชายหนุ่มเดินผ่านประตูที่มีป้ายคำว่าสำนักงานเขียนติดอยู่ เขาก็ได้พบกับวัตถุรูปหัวใจสีขาวกำลังลอยอยู่ในน้ำตรงกลางห้องพร้อมกับเปล่งแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้า

อุณหภูมิของน้ำที่เคยเย็นจัดกลับอุ่นขึ้นอย่างฉับพลัน จากตอนแรกพื้นที่ด้านนอกยานที่มีอุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส แต่พื้นที่บริเวณนี้กลับมีอุณหภูมิสูงถึง 22 องศาเซลเซียส

ชายหนุ่มใช้นิ้วแตะที่หน้ากากเพื่อให้ระบบมองกลางคืนปรับแสงสว่างให้เหมาะสม ไม่ให้แสงสว่างที่ปล่อยออกมาจากวัตถุนั้นรบกวนการมองเห็นของเขามากเกินไป

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็มองเห็นสิ่งที่ถูกเรียกว่าแก่นชีวิตได้อย่างชัดเจน โดยมันเป็นก้อนแร่สีขาวขนาดประมาณเท่าไข่เป็ดที่มีรูปร่างคล้ายหัวใจ และทำการปลดปล่อยพลังงานจำนวนมหาศาลออกมาตลอดเวลา

ขนอุยที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขาเริ่มอยู่ไม่สุข ซึ่งเซี่ยเฟยก็ได้หยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงออกมาให้รางวัลปลอบใจเจ้าตัวน้อย และเตือนว่าให้มันอยู่เฉย ๆ ห้ามไปแตะต้องแก่นชีวิตอย่างเด็ดขาด

แต่ในขณะที่ชายหนุ่มยื่นมือออกไปหยิบแร่สีขาวอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ปลายนิ้วราวกับว่าเขาถูกเข็มนับพันเล่มแทงเข้าไปภายในเล็บอย่างฉับพลัน และเขาก็ต้องพยายามกัดฟันเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้จนทำให้มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาจากทั่วทั้งใบหน้า

“มันเหมือนมีม่านพลังงานขัดขวางไม่ให้ฉันเข้าไปใกล้มัน” เซี่ยเฟยกัดฟันพูดขึ้นมาอย่างเจ็บปวด

“พลังงานของมันรุนแรงมากเกินไป และร่างกายของนายไม่สามารถที่จะทนรับพลังงานที่ถูกปล่อยออกมาจากแร่ชิ้นนั้นได้ ฉันว่านายควรหาเครื่องมือมาหยิบมันแทนมือเปล่าดีกว่า” อันธกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้าก่อนที่เขาจะหยิบพลั่วโลหะออกมาจากแหวนมิติ แต่ในขณะที่เขาจะใช้พลั่วนี้ไปเขี่ยแร่ก้อนนั้น หงส์ครามที่อยู่ภายในมือขวาของเขาก็เริ่มมีการเคลื่อนไหว

ใบหญ้าสีฟ้าของมันเริ่มโบกสะบัดภายในน้ำเหมือนกับว่ามันเป็นสาหร่าย จากนั้นใบหญ้าก็ค่อย ๆ ยืดยาวออกไปเรื่อย ๆ โดยมีเป้าหมายคือแร่สีขาว

ความเร็วในการยืดตัวของหงส์ครามไม่เร็วมากนัก และยิ่งมันเข้าใกล้ก้อนแร่มากเท่าไหร่ใบของมันก็ได้รับความเสียหายรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น แต่มันได้พยายามใช้อัตราการฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์เพื่อต่อสู้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น จากการเข้าใกล้แหล่งกำเนิดพลังงานที่รุนแรงมากเกินไป

หงส์ครามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนแต่มั่นคง และถึงแม้ว่ามันจะถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ยังคงพยายามฟื้นฟูใบของมันกลับมาใหม่อยู่เสมอ

พฤติกรรมของมันเป็นเหมือนกับที่แบล็คกี้และไวท์ตี้ได้บอกไว้ ว่ามันคือวัชพืชที่มีความดื้อรั้นอย่างน่าทึ่ง ดังนั้นไม่ว่ามันจะถูกทำลายไปซ้ำ ๆ มากแค่ไหน แต่มันก็ยังคงยึดมั่นมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้

ในที่สุดใบหญ้าสีฟ้าก็ค่อย ๆ ห่อหุ้มก้อนแร่สีขาวเอาไว้และลากมันเข้ามาใกล้กับเซี่ยเฟย

แวบ!

เซี่ยเฟยเก็บแร่สีขาวเข้าไปไว้ในแหวนมิติได้ในที่สุด

เมื่อหงส์ครามเสร็จสิ้นภารกิจมันก็ค่อย ๆ หดใบที่เหี่ยวเฉากลับมาพักผ่อนภายในแขนขวาของชายหนุ่มอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง

“เซี่ยเฟยนายควบคุมหงส์ครามได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?!” อันธถามด้วยความประหลาดใจ

“ฉันไม่ได้ควบคุมอะไรมันเลย จู่ ๆ มันก็เคลื่อนที่ออกไปเอง” เซี่ยเฟยกล่าวซึ่งในความเป็นจริงเขาก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าอันธ

เมื่อเซี่ยเฟยกระโดดกลับขึ้นมาจนถึงฝั่ง เขาก็ได้เห็นหยูจื่อเทานั่งรออยู่ใต้ต้นไม้พร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้ง

“มันเป็นความผิดของฉันเองที่ครอบครัวตระกูลซุนต้องเสียชีวิต เมื่อไหร่ฉันถึงจะแก้นิสัยมาสายของฉันได้สักทีนะ!” หยูจื่อเทาโทษตัวเองพร้อมกับใช้หมัดทุบศีรษะของตัวเองซ้ำ ๆ เซี่ยเฟยจึงเดินเข้าไปห้ามปรามชายชราเอาไว้

“คุณตาใจเย็น ๆ ครอบครัวตระกูลซุนยังไม่ตายครับ พวกเขาแค่ถูกผมขังเอาไว้ในเกราะป้องกัน อีก 1 ชั่วโมงเดี๋ยวพวกเขาก็จะปรากฎตัวออกมาเอง” เซี่ยเฟยกล่าว

หยูจื่อเทาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยความโกรธ ซึ่งชายหนุ่มก็ตอบกลับเพียงแค่ท่าทางการยักไหล่โดยไม่พูดอะไรตอบกลับชายชราคนนี้ไป

“นายโกหกฉันว่าครอบครัวตระกูลซุนตายไปแล้ว นายคงจะพยายามเตือนเรื่องที่ฉันมาสายสินะ” หยูจื่อเทากล่าวอย่างหงุดหงิด

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเป็นคำตอบ

“ฉันรู้ดีว่าการมาสายมันมีโทษอะไรบ้าง แต่เรื่องนี้มันกลายเป็นสันดานของฉันไปแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามแต่ฉันก็เปลี่ยนนิสัยนี้ไม่ได้”

เซี่ยเฟยเลือกที่จะไม่ฟังคำบ่นของชายชรา แต่ขอตัวเดินเข้าไปภายในป่าพร้อมกับเปิดแขนเสื้อข้างขวาเพื่อมองดูและพิจารณาอย่างสับสน

แต่เดิมหงส์ครามอาศัยอยู่ในแขนขวาของเขาเหมือนกับรอยสักต้นหญ้า 13 ใบเท่านั้น แต่ในตอนนี้หนึ่งในใบทั้ง 13 ของหงส์ครามมีความยาวมากกว่าใบอื่น ๆ จากตอนแรกที่พวกมันทั้ง 13 ใบต่างก็ล้วนแล้วแต่ดูคล้ายกับใบอ่อน

“เซี่ยเฟย! หรือว่าการหลอมรวมระหว่างนายกับหงส์ครามเสร็จสมบูรณ์แล้ว? หลังจากนี้นายจะเริ่มใช้มันมาเป็นอาวุธได้แล้วใช่ไหม?” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อสังเกตเห็นหนึ่งในใบหญ้าที่เติบโตขึ้นมามากกว่าเดิม

“หลังจัดการเรื่องนี้เสร็จฉันค่อยหาวิธีควบคุมหงส์ครามอีกที น่าเสียดายที่เราไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลย ฉันคงทำได้เพียงแต่ค่อย ๆ ลองผิดลองถูกจนกว่าจะเริ่มควบคุมมันได้” เซี่ยเฟยกล่าว

การเดินทางในครั้งนี้นอกเหนือจากที่เขาจะได้รับแร่สีขาวที่ปล่อยพลังงานออกมาอย่างมหาศาลเท่านั้น หงส์ครามยังมีพัฒนาการที่ค่อนข้างดีออกมาให้เห็นอีกด้วย ชายหนุ่มจึงเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เขาจะเปิดระบบสื่อสารเพื่อติดต่อไปหาซุนซานเพื่อนัดแนะให้ชายหนุ่มมาพบกับเขาที่ริมบ่อน้ำ

เมื่อเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปจนครบกำหนด ครอบครัวตระกูลซุนที่ถูกชุดโกลเด้นสปิริตบดบังเอาไว้ก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

“พ่อ! แม่! พี่!”

ซุนซานรีบวิ่งไปข้างหน้าโดยใช้มีดสั้นที่เขาพกติดตัวเอาไว้ตัดเชือกที่พันธนาการครอบครัวของตัวเอง ก่อนที่ทุกคนจะกอดเกี่ยวซึ่งกันและกันพร้อมกับร้องไห้ออกมาเป็นเวลานาน

หลังจากผ่านพ้นจากช่วงเวลาเฉียดเป็นเฉียดตาย พวกเขาก็คงจะมีเรื่องราวมากมายที่ต้องพูดคุยกัน เซี่ยเฟยจึงเก็บชุดโกลเด้นสปิริตกลับมาและปลีกตัวออกมาพร้อมกับหยูจื่อเทา

“ชุดต่อสู้ชุดนั้นของนายน่าทึ่งมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะสามารถซ่อนคนเอาไว้ไม่ให้ใครมองเห็นได้ นายสนใจแลกเปลี่ยนชุดนั้นกับฉันไหม? ฉันมีของดี ๆ พร้อมจะแลกเปลี่ยนกับนายเยอะแยะเลย” หยูจื่อเทากล่าวพร้อมกับมองไปยังชุดโกลเด้นสปิริตที่อยู่ในมือของเซี่ยเฟย

“ผมเตรียมชุดนี้เอาไว้ให้กับคนสนิทของผมครับ ดังนั้นผมจึงไม่ได้มีแผนที่จะเอามันไปแลกเปลี่ยนกับอะไร” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับรีบเก็บชุดโกลเด้นสปิริตเข้าไปในแหวนมิติอย่างรวดเร็ว

สำหรับเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของแอวริล ซึ่งหลังจากที่เขาได้ทดสอบประสิทธิภาพของชุดโกลเด้นสปิริตแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะมอบมันเอาไว้ให้แอวริลใช้ปกป้องตัวเองในยามคับขัน ดังนั้นไม่ว่าหยูจื่อเทาจะพยายามเสนอสิ่งของแลกเปลี่ยนใด ๆ มา แต่มันก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดของเขาได้

“ขี้เหนียว!” หยูจื่อเทาแบะริมฝีปากบ่นพึมพำออกมาอย่างน่าเสียดาย

เมื่อครอบครัวของซุนซานพูดคุยกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็แสดงรอยยิ้มให้แก่กันราวกับว่าพวกเขาไม่มีเรื่องค้างคาใจระหว่างกันอีกแล้ว

“ท่านหยูจื่อเทา, ท่านเซี่ยเฟย พวกเราขอขอบคุณพวกคุณทั้งสองมากที่ช่วยชีวิตครอบครัวของพวกเราเอาไว้”

ซุนกวงพาภรรยาและลูก ๆ เข้ามาโค้งคำนับขอบคุณเป็นการใหญ่ ซึ่งหยูจื่อเทาก็ยืนรับโดยไม่พูดอะไร ขณะที่เซี่ยเฟยต้องรีบขยับตัวไปห้ามเอาไว้ เพราะเขามองว่ามันเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่ผู้ใหญ่จะมาก้มหัวให้กับตัวเอง

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด