บทที่ 43 หวาดกลัวจนตาย
บทที่ 43 หวาดกลัวจนตาย
มันดึกมากแล้ว
ส่วนมากคนทั่วไปมักจะปิดไฟก่อนเวลานอน เพื่อประหยัดเงินค่าน้ำมันตะเกียง
แต่ไฟในบ้านหยูเหว่ยยังเปิดอยู่
มันเป็นคฤหาสหลังเล็กๆ มีเรือน 5 หลัง ในบรรดาหลายครอบครัวในเมืองฉางอัน ถือว่าพวกเขาค่อนข้างร่ำรวย
เรือนที่เปิดไฟอยู่ เป็นห้องของบิดาและมารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยอาศัยอยู่
กำแพงลานบ้านไม่สูงนัก ดังนั้นหยางจิ่วจึงปีนเข้าไปได้อย่างง่ายดาย หลังจากรออยู่เป็นเวลานานหยูเหว่ยก็ไม่เข้ามา เมื่อเขาปีนขึ้นไปบนกำแพง เขาพบหยูเหว่ยยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน จ้องมองไปที่เทพเหมินเสินที่อยู่หน้าประตูบ้านด้วยสีหน้าหวาดกลัว
(门神 mén shén ภาพเทพทวารบาล เป็นภาพที่ปกป้องคุ้มครอง หากมีภูติผีปีศาจหรือความชั่วร้ายใด ๆ จะไม่สามารถผ่านบานประตูที่มีเทพประตูเหมินเสินเฝ้าดูแแลได้)
หยางจิ่วเปิดประตูลานบ้าน ฉีกเทพเหมินเสินที่ติดตรงประตูออก ขยำให้เป็นก้อน แล้วโยนมันทิ้งไป
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว หยูเหว่ยรีบวิ่งเข้าไปทันที
เมื่อได้ยินเสียงลั่นดังเอี๊ยดของประตูบ้าน บิดาของหยูเหว่ยก็ออกมาจากบ้าน เห็นประตูเปิดอยู่ จึงตบหน้าผากตัวเองเบาๆ โดยจำได้ว่าเขาปิดประตูแล้วนี่!?
ขณะที่เขากำลังจะปิดประตู เขาก็เห็นหยางจิ่วเดินเข้ามา
บิดาของหยูเหว่ยตกใจและถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า "เจ้า เจ้าเป็นใคร?"
ช่วงนี้เมืองฉางอันไม่สงบเลย มีทั้งคนเก็บดอกไม้ จอมโจรควักหัวใจ มันช่างวุ่นวายจริงๆ
"เจ้าคือบิดาของหยูเหว่ยใช่ไหม หยูเหว่ยต้องการบอกลาพวกเจ้าทุกคน ดังนั้น ข้าจึงพาเขามาที่นี่"หยางจิ่วหันศีรษะ และชำเลืองมองหยูเหว่ยที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขา
บิดาของหยูเหว่ยย่อมมองไม่เห็นหยูเหว่ยโดยธรรมชาติ เมื่อได้ยินคำพูดของหยางจิ่วสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า "เจ้า เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?"
หลังจากที่หยูเหว่ยเสียชีวิต เขาต้องการขุดหลุมฝังเขา แต่เขาคิดว่าร่างกายของหยูเหว่ยนั้นเสียหายและอาจกลายเป็นศพลวงได้ง่าย
ในกรณีที่ศพของหยูเหว่ยเปลี่ยนไป พวกเขาจะต้องเป็นคนแรกที่หยูเหว่ยต้องมาหา
ทางเลือกสุดท้าย บิดาของหยูเหว่ยต้องส่งศพไปที่สำนักตงฉ่างซึ่งอยู่ใกล้ๆ
แต่ไม่มีช่างเย็บศพคนใดในตงฉ่าง ที่สามารถดึงมีดสั้นที่ติดอยู่ในหัวใจของหยูเหว่ยออกมาได้
ศพที่ไม่สามารถเย็บได้ชั่วคราวจะถูกเก็บรักษาไว้ในตำหนักยมบาล
แต่วันนี้มีคนจากสำนักตงฉ่างมาแจ้งว่า ศพของหยูเหว่ยถูกเย็บแล้ว และเขาก็ถูกนำกลับไปฝังอย่างรวดเร็ว
มันจะดีกว่าถ้าปล่อยให้หยู่เหว่ยตายอย่างสงบ เพื่อที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข
หลังจากสังหารหยูเหว่ย มารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยหวาดกลัวมากเกินไป และลงเอยด้วยการแท้งลูก นางมักพูดเสมอว่า นางมองเห็นหยูเหว่ย เห็นได้ชัดว่านางมีความผิดปกติทางจิต
พวกเขายังทำงานหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ท้องของมารดาเลี้ยงหยูเหว่ยก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลย
เดิมทีบิดาของหยูเหว่ยต้องการหย่ากับนาง และแต่งงานกับผู้หญิงที่สามารถมีลูกให้เขาได้ แต่เขาพบแม่สื่อมาหลายคน แต่พวกเขาไม่สามารถตกลงแต่งงานกันได้ แม้แต่หญิงชราในซ่องก็ไม่เต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา โดยบอกว่าคฤหาสของเขา มีผีสิง!
หลังจากแต่งงานกับหญิงมีพิษที่สังหารบุตรชายคนเดียวของเขา บิดาของหยูเหว่ยก็โกรธมาก จนทำร้ายมารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยเมื่อเขาโกรธ และทุบตีนางจนเกิดรอยฟกช้ำทั่วร่างกาย ทำให้นางร้องโหยหวนตลอดเวลา
เพื่อนบ้านข้างเคียงที่หวาดกลัว ถึงกับเลือกที่จะย้ายออกไป
บิดาของหยูเหว่ยจมอยู่ในความเศร้าโศก และจู่ๆ ก็รู้สึกหนาวเยือกที่หน้าผาก เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาเห็นว่าหยางจิ่วดูเหมือนจะยืนนิ่ง แต่ข้างๆหยางจิ่วกลับมีอีกคนหนึ่ง
หยูเหว่ย?
เป็นหยูเหว่ยจริง
"ไม่….ไม่จริง!"
บิดาของหยูเหว่ยกรีดร้อง ตะเกียกตะกายหนีเข้าไปในบ้าน และปิดประตูอย่างแรง
เกิดรอยเปียกเป็นทางระหว่างที่เขาวิ่งหนีไป
มีกลิ่นเหม็นลอยอยู่ในอากาศ
"พี่ชาย ทำไมบิดาถึงกลัวข้า" หยูเหว่ยเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง
หยางจิ่วยิ้มและพูดว่า: "ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดในชีวิต เจ้าก็ไม่ต้องกลัวผีมาเคาะประตูกลางดึก เห็นได้ชัดว่า บิดาของเจ้ามีผีอยู่ในใจ"
ขณะที่พูดหยางจิ่วก็ก้าวไปข้างหน้า แล้วเตะประตูให้เปิดออก เขามองเห็นบิดาของหยูเหว่ย ได้ซ่อนตัวอยู่บนเตียงแล้ว
หยางจิ่วเดินไปฉีกผ้าม่านเตียงออกแล้วพูดว่า "หยูเหว่ยมีอะไรจะพูดกับเจ้า มากับข้า!"
บิดาและมารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยกอดกันแน่น ร่างกายของพวกเขาสั่นอย่างรุนแรง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าแค่อยากจะบอกท่านว่า ข้าไม่ได้ตำหนิท่าน มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด เป็นเพราะข้าทำตัวไม่ดีพอ ท่านแม่จึงไม่ชอบข้า...” หยูเหว่ยโพล่งออกมา หลั่งน้ำตาดั่งห่าฝน
ดูแล้วเหมือนน้ำตาไหลออกมามากมาย แต่ไม่มีน้ำตาหยดลงพื้นเลย
หยูเหว่ยนี่ชั่วร้ายจริงๆ
หยางจิ่วส่ายหัวเล็กน้อย หยูเหว่ยไม่มีความเกลียดชังอยู่ในใจจริงๆ เหรอ?
"ลูก..." บิดาของหยูเหว่ยเงยหน้าขึ้นมอง ลุกจากเตียงอย่างเร่งรีบ คุกเข่าลงกับพื้นและทำการคำนับ
เมื่อเห็นบิดาของเขากราบไหว้เขา หยูเหว่ยก็เริ่มตื่นตระหนก
หยางจิ่วใช้โอกาสนี้ ชี้นิ้วไปที่หน้าผากของมารดาเลี้ยงของหยูเหว่ย
มารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยมองเห็นหยูเหว่ยทันที แม้ว่านางจะบ้าไปหน่อย แต่นางก็ยังหวาดกลัวมาก และคุกเข่าร้องขอความเมตตา:
"หยูเหว่ย ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ..."
ข้าโดนเจ้าฆ่าตาย แต่แค่ขอโทษ?
มองไปที่บิดามารดาของหยูเหว่ย หยางจิ่วอยากจะฆ่าพวกเขาเพื่อหยูเหว่ยจริง
แต่เนื่องจากหยูเหว่ยเลือกที่จะให้อภัย เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้
"ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าต้องไปแล้ว ชาติหน้า... ข้าจะเกิดเป็นลูกของท่านอีก" หยูเหว่ยพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ หันหลังและเดินจากไปช้าๆ
เมื่อเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของหยูเหว่ย มารดาเลี้ยงของหยูเหว่ยก็กรีดร้อง จากนั้นก็นอนบนเตียงและไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย
หยางจิ่วพยายามมองหาสัญญาณชีพแต่ก็ไม่พบ
เมื่อเขาเห็นตาโปนและใบหน้าที่บิดเบี้ยวของนาง เห็นได้ชัดว่านางหวดกลัวจนตาย
นี่คือสิ่งที่นางสมควรได้รับ
หยางจิ่วออกมาข้างนอก และเห็นหยูเหว่ยยืนอยู่ในสนาม มองท้องฟ้า
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว
"พี่ชาย ขอบคุณทานมาก ข้าต้องไปแล้ว" หยูเหว่ยหันกลับมา และยิ้มหวานให้หยางจิ่ว
หยางจิ่วอยากจะถามว่า เขาได้ทำอะไรกับมารดาเลี้ยงของเขาเมื่อสักครู่นี้หรือไม่ แต่รู้สึกว่าไม่จำเป็น เขาจึงหัวเราะเบาๆ และพูดว่า "ไปเถอะ"
หยูเหว่ยพยักหน้า แล้วร่างกายของเขาสลายไปอย่างรวดเร็ว
"คัมภีร์กุศลผลกระทำ" ปรากฏขึ้นในใจของหยางจิ่วทันที:
【โฮสต์ช่วยให้หยูเหว่ยทำตามความปรารถนาสุดท้าย และได้รับแต้มกุศล 10 แต้ม ปัจจุบันแต้มกุศลเหลืออยู่ 10 แต้ม】
แต้มกุศล 10 แต้ม ช่างน้อยนิดอย่างน่าสมเพชจริงๆ
แต่ตราบใดที่เขาช่วยเหลือคนตายมากขึ้น และเติมเต็มความปรารถนาสุดท้าย เขาเชื่อว่าคะแนนกุศลใน "คัมภีร์กุศลผลกระทำ" จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อกลับไปถึงร้านเย็บศพ หยางจิ่วก็หลับไป
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ข่าวระเบิดชิ้นหนึ่งสั่นคลอนผู้คนในฉางอัน
เมื่อคืนนี้ ลิ่วซ่านเหมินดำเนินการอย่างรวดเร็ว และจับกุมผู้บริสุทธิ์หลายร้อยคนในชั่วข้ามคืน
ในตอนนี้ เรือนจำที่ลิ่วซ่านเหมินเต็มแล้ว
เหตุผลที่จับได้น่าตกใจยิ่งกว่า คือ คนจนเหล่านี้ ซื้อข้าวด้วยเงินของทางการ
หลังจากการสอบสวน ลิ่วซ่านเหมินระบุว่าเงินที่พวกเขาใช้เป็นเงินบรรเทาทุกข์ที่ถูกปล้นทางตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี
หลักฐานมัดแน่นหนา และอาชญากรรมควรได้รับการลงโทษ
ลิ่วซ่านเหมินสอบสวนที่มาเงินของทางการ และคนเหล่านั้นให้การเหมือนกันว่า เมื่อพวกเขาตื่นนอนในตอนเช้า เงินก็ถูกวางไว้ที่ประตูห้องแล้ว
ทุกคนรู้ว่า มีจอมโจรผู้หนึ่งในเมืองฉางอันเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเชี่ยวชาญในการกระทำที่กล้าหาญในการปล้นคนรวยและช่วยเหลือคนจน
ปกติแล้ว พวกเขาอิจฉาคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากจอมโจรมาก แต่พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องดีๆ จะเกิดขึ้นกับเขาในครั้งนี้
ที่บ้านไม่มีข้าว ดังนั้นด้วยเงินที่ได้มา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ ซื้อข้าวเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวได้กินอิ่ม
แต่การซื้อข้าวคราวนี้ทำให้ทุกคนแย่
เจ้าของร้านข้าวไม่กล้าเก็บเงินของทางการไว่กัยตัว แต่เลือกที่จะรายงานต่อเจ้าหน้าที่มือปราบ
หลังจากนั้น ในหนึ่งวัน ราชสำนักจับกุมผู้คนหลายร้อยคนจริงๆ
หากมีคนแอบซ่อนเงินของทางการไว้ ทั้งครอบครัวจะต้องถูกจับ ทำให้ตอนนี้ เกิดความโกลาหลขึ้นในเมือง
"จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่คนนั้น มันงี่เง่าหรือเปล่า?" หยางจิ่วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินข่าว
แต่คนที่ตื่นตระหนกที่สุดในตอนนี้ ไม่ใช่คนที่ถูกจับหรือจอมโจรที่ขโมยคลังสมบัติ แต่มันคือกั๋วกง