ตอนที่แล้วบทที่ 41 คัมภีร์กุศล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 หวาดกลัวจนตาย

บทที่ 42 คัมภีร์หลู่ปัน


บทที่ 42 คัมภีร์หลู่ปัน

"หรือว่า…ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว?"

(思春 ซือชุน ฤดูใบไม้ผลิ ความหมาย การเริ่มต้นมีความรักของเด็กชายหรือเด็กสาว)

  

หยางจิ่วคว้าซาลาเปาแล้วกัด

  

"เฮ้ เฮ้ พี่จิ่วดูอายุนางก่อน ข้าแค่คิดว่า มีบางอย่างผิดปกติกับนาง ข้าควรจะพูดยังไงดี..." กานซือซือเอาซาลาเปาเนื้ออุดปากไร้ยางอายของหยางจิ่ว

  

เว่ยอวี่เหยียนยังเป็นแค่เด็กน้อย เจ้านึกถึงฤดูใบไม้ผลิแบบไหนกัน?

  

ในสองคืนที่ผ่านมา กานซือซือจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงแปลกๆ ณ เวลาประมาณเที่ยงคืน เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็เห็นเว่ยอวี่เหยียนนั่งอยู่ขอบเตียง พร่ำบ่นตลอดเวลา

  

"เดินละเมอหรือเปล่า?" หยางจิ่วกลืนซาลาเปาเข้าปากแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

  

กานซือซือรีบส่ายหัวแล้วพูดว่า "ไม่ มันไม่ใช่การเดินละเมอ ข้าคุยกับนาง  แล้วนางก็ตอบข้า"

  

เมื่อคืนนี้ นางก็ตื่นขึ้นมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้นางก็ได้ยินสิ่งที่เว่ยอวี่เหยียนพึมพำอย่างชัดเจน

  

"ฆ่า ไม่ฆ่า ไม่ฆ่า ฆ่า ฆ่า..."

  

เว่ยอวี่เหยียนพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

  

"ฆ่าใคร?" สีหน้าของหยางจิ่วเปลี่ยนเป็นจริงจัง

  

กานซือซือยักไหล่ ผายมือแล้วพูดว่า "ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน"

  

"เป็นไปได้ไหม ที่จะฆ่าเจ้า"

  

"ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง?"

  

เหงื่อเย็นหยดจากหน้าผากของกานซือซือทันที

  

ร้านซาลาเปามีห้องนอนเพียงห้องเดียว แล้วเว่ยอวี่เหยียน ก็นอนบนเตียงเดียวกับนาง

  

ถ้าเว่ยอวี่เหยียนต้องการฆ่านาง การแทงคอนางตอนที่นางหลับสนิทคงเป็นเรื่องง่ายมาก

  

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของคนเราคือ ความมุ่งร้ายจากคนข้างหมอนของเจ้า

  

หยางจิ่วกินซาลาเปาอีกชิ้นและถามด้วยรอยยิ้ม "เจ้าถามนางหรือยัง?"

  

กานซือซือส่ายหัวอีกครั้ง แม้ว่านางจะถาม เว่ยอวี่เหยียนก็อาจไม่สามารถบอกความจริงได้

  

"ไม่เป็นไร ข้าจะถามนางเองทีหลัง"หยางจิ่วขอให้กานซือซือระวังตัวให้มากขึ้น แม้ว่านางจะหลับอยู่ก็ตาม การสวมชุดเกราะเม่นหนานุ่มจะดีที่สุด

  

มันจะเป็นอย่างไร ถ้าเว่ยอวี่เหยียนไม่เชือดคอนาง แต่ควักหัวใจนางออกมา?

  

ใจของกานซือซือสับสนมาก แม้ว่าคนที่เว่ยอวี่เหยียนต้องการฆ่าจะไม่ใช่นาง นางก็ไม่อยากนอนร่วมเตียงเดียวกันกับเว่ยอวี่เหยียนต่อไป

  

แม้ว่าร้านซาลาเปานึ่งจะไม่ใหญ่นัก แต่ถ้าจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย เว่ยอวี่เหยียนน่าจะออกมาอยู่ในห้องเล็กๆ คนเดียวได้

  

เพียงแค่คิดเท่านั้น นางก็ไปหาช่างฝีมือทันที

  

ช่างฝีมือมาที่ร้านซาลาเปาเพื่อดู ลูบเคราสามเคราใต้กรามของเขา และส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า:

  

"เวลาสั้นเกินไป ข้าทำไม่ได้..."

  

กานซือซือหยิบแท่งเงินออกมาอีกแท่งแล้วถามว่า "พอไหม?"

  

"พอ พอ!" เมื่อเห็นว่าเงินมีค่าห้าตำลึง ช่างฝีมือตาเป็นประกาย และเขาก็พยักหน้าอย่างรุนแรง

  

ตราบเท่าที่มีเงิน แม้แต่หอหยุนหยู ก็สามารถถูกสร้างได้ในชั่วข้ามคืน

  

ช่างฝีมือรีบพาลูกน้องที่ร้านสองสามคนมา และแล้วห้องเด็กสาวแสนสวย ก็ได้รับการตกแต่งในร้านซาลาเปาเสร็จในสองชั่วยาม

  

กุญแจสำคัญคือ การมีอยู่ของห้องสำหรับเด็กสาวนี้ ซึ่งไม่รู้สึกว่าใช้พื้นที่มากนัก และพื้นที่ชั้นล่างสำหรับทำซาลาเปา ก็ยังกว้างขวางอยู่มาก

  

เว่ยอวี่เหยียนไม่รู้จะไปเล่นที่ไหนมา เมื่อกลับถึงร้านซาลาเปา นางเห็นห้องใหม่ นากก็ตื่นเต้นมากกว่าใครๆ นางรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บข้าวของ

  

เมื่อลูกๆ โตขึ้น เด็กก็อยากมีห้องเป็นของตัวเอง ท้ายที่สุด มีความลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ควรรู้

  

หลังจากมืดแล้ว หยางจิ่วยังคงนั่งอยู่ที่ประตูเพื่อรอศพ

  

ท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยเมฆดำ คืนนี้มองไม่เห็นดวงดาวและดวงจันทร์

"พี่ชาย……"

  

เมื่อเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นหยางจิ่วก็ผงะ

  

หันไปตามเสียง หยูเหว่ยยืนอยู่ในความมืดไม่ไกล

  

ที่แปลกคือ หยางจิ่วมองเห็นเขาได้ชัดเจน

  

นี่ควรเป็นความสามารถของดวงตาหยินหยาง

  

"หยูเหว่ย มานี่สิ" หยางจิ่วยิ้มและโบกมือให้หยูเหว่ย

  

หยูเหว่ยไม่แปลกใจเลยที่หยางจิ่วรู้จักชื่อของเขา เด็กน้อยเดินไปอย่างเขินอาย และถามอย่างเศร้าๆ ว่า "พี่ชาย ข้าควรไปที่ไหนดี"

  

โดยธรรมชาติแล้ว หยางจิ่วไม่เข้าใจเรื่องของยมโลก

  

แต่เมื่อมองดูรูปร่างหน้าตาของหยูเหว่ย หยางจิ่วรู้สึกว่าเด็กน้อยคงเสียใจ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจากโลกนี้ไปได้

  

หยางจิ่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และถามว่า "หยูเหว่ยเจ้ามีความปรารถนาที่อยากทำหรือไม่?"

  

"ความปรารถนาที่อยากทำ?" หยูเหว่ยก้มหน้าครุ่นคิด

  

ด้วยความเสียใจที่อยู่ในจิตใจ ข้ายอมเป็นผีโดดเดี่ยวดีกว่าไปเกิดใหม่

  

"พี่ชาย ข้าคิดออกแล้ว ข้าอยากให้บิดากับมารดาเลี้ยงของข้า รับรู้ว่าข้าเจ็บปวดมากแค่ไหนในตอนนั้น"  หยูเหว่ยแตะที่หัวใจของเขาแล้วจากนั้นแก้มของเขา

  

ความเจ็บปวดแบบนั้นไม่มีวันลืม และไม่มีวันให้อภัย

  

เอาล่ะ โอกาสทดสอบ "คัมภีร์กุศลผลกระทำ" เป็นครั้งแรกมาถึงแล้ว

  

หยางจิ่วกำลังจะจากไป แต่เมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่สำนักตงฉ่างกำลังหามศพมาและตะโกนจากระยะไกล:

  

"ร้านเย็บศพหมายเลขเก้า พร้อมที่จะเย็บศพ  ร้านเย็บศพหมายเลขเก้า พร้อมที่จะเย็บศพ"

  

เสี่ยวซวนจื่อ เขาไว้ใจได้เสมอในงานของเขา

  

ศพของตำหนักยมบาล หยางจิ่วจำเป็นต้องไปเย็บ และศพที่มักจะถูกแจกจ่าย หยางจิ่วก็ต้องการเย็บเช่นกัน

  

ยิ่งเจ้าเย็บมากเท่าไหร่ รางวัลก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

  

"หยูเหว่ย รอข้าสักครู่ ข้ามีอะไรต้องทำ" หยางจิ่วรู้ว่าศพนี้ต้องถูกเย็บ มิฉะนั้น สำนักตงฉ่างอาจไม่แจกจ่ายศพให้เขาในอนาคตอีก

  

ศพในตำหนักยมบาลนั้นแปลกเกินไป หยางจิ่วเข้าใจแล้วว่าทำไมสำนักตงฉ่างต้องกำหนดสามวันเพื่อเข้าไปในตำหนักยมบาลหนึ่งครั้ง

  

ที่นั้่นลมกระโชกแรงและน่ากลัว ที่สำคัญ มันกลืนกินพลังหยางของสิ่งมีชีวิต

  

สำนักตงฉ่างทำสิ่งนี้ เพื่อปกป้องช่างเย็บศพระดับขุนนางเทียนด้วย

  

ในคราวนี้ เป็นศพชายในวัยห้าสิบต้นๆ

  

ท้องของศพชายผู้นี้ ถูกเลื่อยจนเกือบเปิด

  

หยางจิ่วจุดธูปหอม และเร่งเย็บศพ

  

ในพริบตา ร่างกายก็ถูกเย็บขึ้น

  

"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ปรากฏขึ้น และเริ่มบันทึกชีวิตของบุคคลนี้

  

ชายคนนี้เป็นช่างไม้ รู้จักกันในนามของช่างไม้ซุน ซึ่งเขาเรียนวิชาช่างไม้จากบิดาตั้งแต่ยังเด็ก

  

หลังจากแต่งงาน งานฝีมือของเขาก็เชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนมาหาเขาเพื่อทำเฟอร์นิเจอร์มากขึ้นเรื่อยๆ และร้านช่างไม้ของเขาก็เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ

  

เมื่อเช้าวันนี้ เขากับบุตรชาย ร่วมกันเลื่อยต้นสนอายุพันปีออก

  

เลื่อยขนาดใหญ่ถูกดึงเข้าออกอย่างชำนาญ บิดากับบุตรร่วมมือกันเสมอมา แต่คราวนี้ ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขามักไม่ประสานกันเสมอ หลังจากทำงานหนักครึ่งชั่วยาม พวกเขาเลื่อยไปได้ไม่ถึงหนึ่งชุ่น (นิ้ว)

  

ช่างไม้ซุนอดโมโหไม่ได้ และดุบุตรชายเขาสองสามคำ

  

โดยไม่คาดคิด ด้วยความโกรธ บุตรชายของเขาจึงเลิกทำ

  

แต่ช่างไม้ซุนซึ่งกำลังดึงเลื่อยตัวใหญ่อย่างแรง และเลื่อยก็กระโดดออกมาจากลำต้นหนาและตรงเข้าไปที่ท้องของช่างไม้ซุน

  

นี่มันโชคร้ายเกินไปแล้ว

  

หยางจิ่วไม่อยากเชื่อจริงๆ สถานการณ์โชคร้ายเช่นนี้ เกิดขึ้นจริงได้อย่างไร?

  

แต่ช่างไม้ซุนก็ตายแบบนั้น

  

เขาทำงานหนักมาทั้งชีวิต และสุดท้าย ก็ตายภายใต้เลื่อยอันเป็นที่รัก นี่คงโชคชะตาที่ดีที่สุดสำหรับเขาเช่นกัน

  

และบุตรชายของช่างไม้ซุน ยังคงตกตะลึงในขณะนั้น

  

ตัวเขายังไม่ได้เรียนรู้ทักษะอีกมาก  และบิดาของเขาเพิ่งจากไป แล้วตัวเขาจะใช้ชีวิตอย่างไรในอนาคต?

  

ยมบาลต้องการรับผู้คน แม้ว่าเขาจะกลืนน้ำลาย เขาก็จะสำลักจนตาย

  

หยางจิ่ว ดึงห่วงเหล็กแล้วเปิดประตู หลังจากรอสักพัก เจ้าหน้าที่ตงฉ่างก็เข้ามา และหามร่างของช่างไม้ซุนไป

  

【เย็บศพยี่สิบห้าศพ ให้รางวัลแก่โฮสต์ด้วย "คัมภีร์หลู่ปัน" 】

  

เนื้อหาใน "คัมภีร์หลู่ปัน" ก้าวหน้าอย่างมาก ไม่ง่ายเหมือนการทำเฟอร์นิเจอร์

  

การประดิษฐ์ทั่วไปที่สุดคือ งานศิลปะกลไก

  

หลังค่อมตัวน้อยที่กำลังเดินถือนกกลไกอยู่บนถนนในคืนนั้น จริงๆ แล้วเป็นหนึ่งในสี่มือปราบพญายมของลิ่วซ่านเหมิน

  

เหลิงเสวียนประสบความสำเร็จในด้านกลไกที่โดดเด่น

  

แต่ด้วย " คัมภีร์หลู่ปัน" นี้ เหลิงเสวียนเป็นได้แค่เด็กน้อยในสายตาหยางจิ่วเท่านั้น

  

ไม่สิ ถ้าจะบอกว่าเด็กน้อยก็จะเป็นการให้ค่ามากเกินไป ต้องบอกว่า เหลิงเสวียน เป็นแค่ทารกน้อยมากกว่า

  

หยางจิ่วหยิบดาบดื่มหิมะ แล้วออกร้านและล็อคประตู แล้วพูดกับหยูเหว่ยซึ่งนั่งยองอยู่ข้างๆร้านว่า: "ไปกันเถอะ ไปบ้านของเจ้ากัน"

  

ในเวลาไม่นาน หยูเหว่ยพาหยางจิ่วมาถึงบ้านเขาแล้ว แต่ไม่ว่าเขาตะโกนเท่าไหร่ บิดากับมารดาเลี้ยงของเขาก็ไม่สนใจเขาเลย

(鲁班 , LuBan อ่านว่า หลู่ปัน ถือกำเนิดในแคว้นหลู่ ในยุคชุนชิว เป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้าแห่งช่างไม้ของจีน และเรียกได้ว่าเป็นสถาปนิกคนแรก ผลงานของหลู่ปันในสมัยนั้น อาทิเช่น ออกจากแคว้นหลู่ ไปช่วยแคว้นฉู่ทำสงครามและได้คิดค้นบันได และอุปกรณ์อื่นๆที่ช่วยในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม...นอกจากนั้นแล้ว หลู่ปันยังเป็นผู้คิดค้น บรรดาอุปกรณ์ช่างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สว่าน เกรียง เสียม กบไสไม้ ไล่ไปจนถึงเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ขวดหมึก หรืออุปกรณ์การเกษตรและของใช้ในชีวิตประจำวันเช่น พลั่ว เสียม ร่ม ซึ่งกล่าวกันว่า ทั้งหมดมีต้นกำเนิดมาจากเขาทั้งสิ้น)

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด