ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 699 เมล็ดพันธ์ที่น่าเศร้า
อะไรคือจุดประสงค์ที่จักรวรรดิฉีเย่เก็บอสูรปีศาจโบราณพวกนี้เอาไว้?
แม้ว่าตัวปีศาจพวกนี้จะอัดแน่นไปด้วยกระแสพลังและพลังจิตวิญญาณ ซึ่งหากนำมาผ่านกรรมวิธีคงจะเป็นวัตถุดิบชั้นยอด แต่ก็ไม่น่าจะเลี้ยงไว้เยอะขนาดนี้
หัวใจของซู่เสี่ยวไป่นั้นสั่นไหวทุกครั้งที่เห็นพวกมัน ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นและได้เห็นกับหญิงชราในชุดหรูหรา
“เคารพ…นาย…เหนือหัว”
เหล่าปีศาจโบราณทั้งหมดส่งเสียงคำรามต่ำออกมาเป็นภาษาที่ฟังรู้เรื่อง และพวกมันดูหวาดกลัวตัวตนของหญิงชราผู้นี้มาก
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับขมวดคิ้วด้วยความหวาดระแวง เพราะปีศาจพวกนี้แม้จะมีสายพันธ์เดียวกับอสูรปีศาจจากยุคโบราณก็ตาม แต่พวกมันก็ไม่ใช่สายพันธ์บริสุทธิ์ทั้งหมด มันผสมข้ามระหว่างเผ่าพันธ์อื่นด้วย
แต่ถึงสายเลือดของพวกมันจะเบาบางลงแต่ก็ถือว่าทรงพลังอย่างมาก
เพราะแบบนั้นมันจึงสร้างความสนใจให้กับซู่เสี่ยวไป่ เพราะพวกมันกำลังมอบกราบตัวตนนี้ราวกับเป็นเทพพระเจ้า
มันทำให้เห็นได้ชัดเลยตัวอสูรปีศาจพวกนี้ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน มันถูกฝึกฝนและถูกเลี้ยงดูมาหลายช่วงอายุขัย พวกมันได้กลายเป็นทาสหรือสัตว์เลี้ยงที่ซื่อสัตว์ต่อเจ้านายของมัน
หญิงชราถามด้วยน้ำเสียงดูไร้อารมณ์
“ทำไมการเก็บเกี่ยวในปีนี้ถึงช้านัก? หากท่านชิงโทษข้าขึ้นมา ข้าจะทำลายพวกเจ้า!”
เหล่าปีศาจหมอบกราบด้วยความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า พร้อมกับคราบของเหลวที่ไหลออกมาจากตัวของมัน
“ต้อง….ขออภัยนายเหนือหัว…การเก็บรวบรวมไอวิญญาณจำนวนมาก…..ทำให้ปีศาจหลายตัว…..ไม่พอใจ…..ทำให้เมล็ดพันธ์เกิดได้น้อย”
หญิงชราพูดอย่างหัวเสียออกมาทันที
“นี้พวกแกคิดจะโทษข้างั้นหรอ?”
ปีศาจที่เป็นผู้นำได้หมอบลงไปอีกครั้ง จนมีเลือดไหลออกมาจากหัว และตัวมันเองก็ไม่รู้จะพูดเช่นไร
“พวกเราจะจ่าย….ขอเวลา….สิบวัน…..พวกเราจะหา….มาจนครบ”
“ห้าวัน!! หากพวกแกไม่ส่งมอบเมล็ดพันธ์ุได้ในห้าวัน เตรียมตัวโดนฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้เลย”
หญิงชราในชุดหรูหรานั้นหันหลังกลับและไม่เปิดโอกาสให้ปีศาจตัวไหนพูดอีก
ซู่เสี่ยวไป่รู้สึกว่าเมล็ดพันธ์พวกนี้อาจจะเป็นวัตถุดิบชั้นยอดที่ช่วยในการสร้างอัจฉริยะขึ้นมาสักคน
เขาไม่รู้ว่าเมล็ดพันธ์นั้นใช้ทำอะไร เอาไว้ผสมสร้างปีศาจพวกนี้ออกมาอีกรึป่าว หรือสร้างผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง ไม่ก็สร้างหุ่นเชิดที่ทรงพลัง
ร่างเงานั้นแอบเข้าไปสำรวจไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ และพบว่ามีปีศาจตัวน้อยตัวใหญ่มากมาย แต่ร่างกายกลับซูบผอม นอนดูดกลืนไอชีวิตและวิญญาณอย่างไร้ความหวังอยู่
พวกมันไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากไอวิญญาณและชีวิต เพื่อฝึกฝนตบะบ่มเพาะของมัน
สิ่งนี้ทำให้ร่างกายและจิตใจเสื่อมลง แต่พวกมันก็ยังคงทำเช่นนั้นต่อไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ต่อให้พวกมันต้องตายเพราะสิ่งนี้ก็ตาม
ผู้นำของปีศาจร้องขึ้น
“ไปนำ….ท่านชายมา”
“ไม่..หัวหน้า…อย่าได้ทำ”
มีปีศาจอีกตัวคุกเข่าลงกับพื้นเพื่อจะอ้อนวอนผู้นำของมัน
แต่ปีศาจตัวนั้นร้องคร่ำครวญ
“หัวหน้า…ท่านชาย…เป็นความหวัง…ของเผ่าเรา…ถ้าหากทำแบบนั้น….ชีวิตของท่านก็จบสิ้น…ด้วย”
ผู้นำปีศาจนัยน์ตาแดงก่ำก่อนที่จะพูดออกมา
“ไม่มี…ทางเลือก…ถ้าท่านชาย…ไม่เสียสละ….พวกเราจะตายกันหมด”
แล้วปีศาจตัวนั้นก็ได้ไปนำปีศาจตัวเล็กออก
“พ่อ…อุ้ม”
แม้จะมีร่างกายที่ดูน่าเกียจแต่แววตาของมันกลับอบอุ่นจนน่าใจหายเมื่อเห็นปีศาจตัวน้อย มันเข้าไปอุ้มปีศาจตัวเล็ก พร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า
“พ่อ…อย่าร้อง”
ปีศาจน้อยนั้นยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้กับพ่อของมัน และจับมือของพ่อมันเอาไว้แน่น
“ทุกคน…ทำตามที่สั่ง….ปรับแต่งแก่นโลหิตวิญญาณ…ปลดปล่อยพลังวิญญาณ…..สู่ความว่างเปล่า”
ภายใต้คำสั่งของผู้นำปีศาจ ปีศาจทุกตัวในเมืองหยุดกลืนกินไอชีวิตและวิญญาณก่อนที่ร่างของพวกมันจะเปล่งประกายแสงสีแดงออกมา และทำให้ทั่วทั้งเมืองแห่งนี้ท่วมไปด้วยเลือด จนกลายเป็นทะเลโลหิต
แววตาของซู่เสี่ยวไป่เบิกกว้างด้วยความตกใจ
“สังเวยโลหิต! วิชาต้องห้ามที่จะเผาแก่นโลหิตและต้นกำเนิดชีวิตทั้งหมด…..พวกมันทำเพื่ออะไรกัน”
อยู่ๆ ซู่เสี่ยวไป่ก็ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาเล็กน้อย
แก่นโลหิตจำนวนมากกระเหยออกมาจากร่างของปีศาจ พวกมันได้เผาผลาญพลังทั้งหมด เปลี่ยนตบะบ่มเพาะที่มีเป็นพลังชีวิต และรวบรวมกันเป็นลูกบอลพลังวิญญาณขนาดใหญ่
ก่อนที่ลูกบอลพลังวิญญาณนี้จะพุ่งเข้าสู่ร่างของปีศาจตัวน้อย
เมื่อปีศาจทุกตัวสูญเสียแก่นชีวิตไปหมดแล้ว ร่างของพวกมันก็เริ่มเน่าสลายอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเศษขี้ฝุ่นลอยไปทั่วเมือง
ร่างของปีศาจน้อยเต็มไปด้วยพลังวิญญาณมหาศาล ทำให้ตัวของปีศาจน้อยขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
แล้วินาทีนั้นปีศาจน้อยก็ลืมตาขึ้น
“พ่อ…เจ็บ!!!”
มันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แม้แต่ผู้นำปีศาจเองก็แสดงออกได้แต่แววตาที่ขมขื่นเท่านั้น และไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น
ในที่สุดแสงสีแดงก็อาบไปทั่วทั้งร่างของปีศาจน้อย พลังวิญญาณทั้งหมดไหลทะลักเข้าสู่ร่างปีศาจน้อยทันที ทำให้ตบะบ่มเพาะเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อลมหายใจสุดท้ายของปีศาจรับใช้หายไป ตบะบ่มเพาะของปีศาจน้อยก็กลายเป็นเขตแดนภัยพิบัติขั้น 10
ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจกับฉากอันโหดร้ายนี้
แม้ว่าตบะบ่มเพาะของปีศาจน้อยจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ร่างของปีศาจน้อยเองก็ดูแข็งทื่อราวกับไร้วิญญาณ แววตาของมันดูว่างเปล่าอย่างมาก
“ลูกชาย…ลูกจะต้อง…เสียสละ….ให้กับเผ่าของเราทั้งหมด…..อย่าได้โทษพ่อเลย…..โทษตัวเอง…..เพราะลูกไม่น่าเกิดมาเลย….จริงๆ”
ผู้นำปีศาจได้พาลูกชายของมันพร้อมกับกลุ่มองค์รักษ์มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่หญิงชราคนนั้นจากไป
ซู่เสี่ยวไป่รีบให้ร่างเงาติดตามไปอย่างห่างๆ ทันที
เขาเห็นปีศาจน้อยที่ไร้สติกำลังเดินเข้าไปในกระแสประตูมิติ และซู่เสี่ยวไป่เองก็ตัดสินใจจะตามเข้าไปด้วย เขาจะได้รู้ว่ากระแสมิตินี้จะพาเขาไปที่ไหน
กระแสมิตินี้ได้พามายังสถานที่แห่งหนึ่งที่ซู่เสี่ยวไป่ไม่รู้จัก และที่ไกลออกเป็นมีวังขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ผู้ส่งสารอยู่ในวิหารสูงสุดของจักรวรรดิ และกำลังพูดคุยหารือกับหญิงชราในชุดหรูหราที่ปรากฏตัวในจักรวรรดิฉีเย่ และดูเหมือนว่าผู้ส่งสารจะอนุญาตให้หญิงชราทำบางสิ่ง
หญิงชราดูพอใจอย่างมาก และพูดอย่างมั่นใจ
“สัตว์เลี้ยงพวกนั้นกำลังถูกไล่ต้อนให้จนมุม และไร้ความหวังแล้ว”
ผู้ส่งสารกล่าว
“ก็ดี แต่อย่าได้บีบบังคับให้พวกมันถึงกับสูญพันธ์ เพราะยังไงข้าเองก็ต้องการพวกมันมาเป็นยาเพิ่มพลังให้กับข้า”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
ซู่เสี่ยวไป่แอบฟังการสนทนานี้จากระยะไกล เมื่อได้ยินทั้งหมดเขาถึงกับหวาดกลัว
พวกปีศาจเหล่านั้นถูกเลี้ยงไว้เพื่อเป็นยาเพิ่มพลังให้กับผู้ส่งสาร!
เพราะแบบนี้ผู้ส่งสารแทบไม่ต้องฝึกฝนเพิ่มตบะบ่มเพาะตัวเองเลย เขาเพียงแค่ดูดพลังจากปีศาจพวกนี้เท่านั้น