ตอนที่ 87 เรื่องราวหลังเมืองปลายฝนเป็นซากปรักหักพัง 2(อ่านฟรี)
ตอนที่ 87 เรื่องราวหลังเมืองปลายฝนเป็นซากปรักหักพัง 2
ศูนย์ช่วยเหลือในพื้นที่เขต 1
ตอนนี้ศูนย์ได้มีมาตรการห้ามทุกคนออกไปด้านนอกแนวศูนย์ช่วยเหลือยกเว้นทีมกู้ภัยและช่วยเหลือ เนื่องจากด้านนอกยังมีมอนสเตอร์จำนวนหลายหมื่นอยู่ด้านนอกกระจายตัวอยู่ในพื้นที่เขต 2 3 4 5 และนอกเมืองจำนวนนับหมื่น ๆ ตัว
พวกมันถูกออร่าของระดับ B ข่มไว้ ทำให้ไม่กล้าบุกเข้ามาในเขต 1 แต่ถ้าออกไปนอกเกินระยะพวกมันมีโอกาสจะโจมตีสูงมาก ถึงอย่างนั้นในทีมกู้ภัยจึงต้องให้เหนือมนุษย์ที่ยังเหลืออยู่ติดตามทีมกู้ภัยและค้นหาตามเขต 2 ไปก่อนเท่าที่จะทำได้ และดำเนินการค้นหาเขตอื่น ๆ ในวันต่อไป
ส่วนเรือเหาะบนท้องฟ้าได้จากไปตั้งแต่ตอนเย็น หลังจากที่ผู้อำนวยการอีคอนลงมาจากยานเหาะลำนั้น ในกลุ่มของผู้ลี้ภัยมีข่าวลือเรื่องเด็กสาวหายนะ มันเริ่มมาจากหมู่เหนือมนุษย์ที่เคียดแค้น ก่อนจะกระจายไปยังผู้อพยพ
มีการเรียกร้องให้ผู้อำนวยการจัดการและตัดสินโทษเพื่อล้างแค้นให้กับคนที่ตายไป
แต่ไม่มีการตอบกลับมาจากผู้อำนวยการอีคอนถึงเรื่องพวกนี้ นอกจากคำที่บอกว่าสิ่งนี้ไม่อยู่ในอำนาจของสำนักงานเหนือมนุษย์ ทำให้มีหลายคนจากครอบครัวที่สูญเสียพากันไปยืนตะโกนประท้วงกันอยู่ที่หน้าสำนักงานเหนือมนุษย์
ไม่มีใครหยุดพวกเขา เพราะมันไม่มีความหมายอะไร คนพวกนี้ทำได้เพียงร้องตะโกนด่าทอเท่านั้น
นิโคลกับอีลิกทั้งสองคนเดินผ่านหน้าสำนักงานเหนือมนุษย์พร้อม ๆ กันและแทรกตัวออกไป ทั้งสองไม่พูดไม่จา แต่เดินไปยังจุดแจกจ่ายอาหารที่มีการทำอาหารร้อน ๆ แจกประชาชนในศูนย์ช่วยเหลือ
“นิโคลทางนี้...”
เสียงของบอสตันดังขึ้น เขายกมือให้เห็นว่ายืนอยู่ด้านหนึ่ง พวกเขาจองโต๊ะไว้ ใกล้ ๆ กันเป็นไอกะที่กำลังอุ้มเด็กคนหนึ่ง ขณะที่ดูเด็กอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอดของหญิงผู้เป็นคุณย่าของเด็กทั้งสอง
ในกลุ่มยังมีอีกครอบครัวอยู่ด้วย คนพวกนั้นคือครอบครัวของไอกะและครอบครัวบอสตัน พวกเขารอดมาได้และมาถึงที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งนี้
“พี่นิโคลไปก่อนนะ เดี๋ยวผมจะไปเอาอาหารมาก่อน ตอนนี้ไม่ไหวแล้ว” อีลิกกล่าวขณะที่ลูปท้องที่ร้องโครกครากของตัวเอง เขาต้องเติมเต็มพลังงานที่ใช้ไป
“อืม” นิโคลพยักหน้าและเดินไปหาบอสตันกับไอกะคนเดียว
...
หลังจากรวมตัวกัน 10 นาทีต่อมาอีลิกกลับมาพร้อมกับอาหารจำนวนมากที่กินได้อย่างน้อยก็ 10 คน แต่อีลิกแทบจะกินคนเดียวจนหมด ถ้าไม่ใช่เพราะต้องแบ่งคนอื่นเขาคงกินคนเดียวไปแล้ว
พวกเขาทั้ง 4 คนนั่งแยกออกมาจากคนอื่นและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ถึงการหนีไปหลบซ่อนของคนทั้งสองและครอบครัว ก่อนที่สองคนจะถามเรื่องของลุค
นิโคลใบหน้าจริงจัง ก่อนจะเล่าโดยมีอีลิกคอยเสริมทำให้ทั้งสองเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ความเสียหายแหล่งกำเนิดคลื่นพลังนี่...มันร้ายแรงมาก เรา ๆ จะทำยังไงดี” ไอกะพูดด้วยความกังวล เพราะอาการของลุคหนักมาก
“มันมีหนทางรักษาอยู่ จำได้ไหม ก่อนที่จะเกิดเรื่องลุคเคยไปตามจับมอนสเตอร์เพื่อมาทำยารักษาน้องสาวของเขา น้องของเจนก็บาดเจ็บจากความเสียหายที่แหล่งกำเนิดคลื่นพลังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นมันก็มีวิธีการรักษาได้” นิโคลพูดดึงสติของทุกคน
“แต่เราจะไปหามอนสเตอร์จากไหน” ไอกะถาม
“ไม่ต้อง...เราจะไปหามอนสเตอร์ทำไม? เราต้องหาคนทำยาที่ลุคติดต่อแบบนั้นง่ายกว่า”
“เธอรู้คนที่ลุคติดต่อ?”
นิโคลเงียบไป เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
“อาจจะมีวิธีการติดต่อที่ลุคใช้ดูที่สิ่งของที่ติดตัวของลุคอาจจะมีเบาะแสอยู่” บอสตันกล่าวอย่างมีความหวัง
“ของที่ตัวลุคถูกยึดไปหมดแล้ว เราเข้าไปไม่ถึงหรอก” อีลิกส่ายหัวเบา ๆ เพื่อหยุดความคิดนี้
นิโคล ไอกะและบอสตันขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากทุกคนเงียบกันไปสักพัก นิโคลก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“เราจะเริ่มจากที่บ้านลุค อาจจะมีเบาะแสเหมือนกัน”
“ก็มีความเป็นไปได้ ถึงแบบนั้นเราก็ยังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เมื่อได้ยามาแล้วเราจะเข้าไปหาลุคยังไง ด้านหน้าห้องมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพเฝ้าเขาไว้อยู่”
“นั้นสิ”
ทุกคนเหมือนจะหันไปมองอีลิก
อีลิกถอนหายใจอย่างหมดหนทาง ก่อนจะส่ายหัวอีกครั้ง เขาไม่มีอำนาจอะไรอีกแล้ว
“เรื่องนั้นไว้คิดทีหลัง หายากันก่อน” นิโคลกล่าว
หลังจากวางแผนแล้วพวกเขาคิดว่าจะไปหาเบาะแส แต่ไม่ใช่เวลานี้ เนื่องจากศูนย์ช่วยเหลือไม่อนุญาตให้ใครออกไปด้านนอกแล้ว ยกเว้นพวกทีมกู้ภัย
และถึงจะออกไปได้ก็ยังยากอยู่ดี บ้านของลุคอยู่ในเขต 4 มันไกลเกินไป ด้วยสภาพถนนและมอนสเตอร์ที่อาละวาดอยู่ด้านนอก อาจต้องใช้เวลาทั้งคืนกว่าจะไปถึง
มันไม่คุ้มที่จะเสียง พวกเขาจึงนัดว่าจะออกเดินทางกันในตอนเช้า
พวกเขามีเวลาก่อนตัดสินกันอยู่ 3 วันเนื่องจากทางรัฐคานันจะส่งเจ้าหน้าที่ระดับผู้ปกครองมาที่นี่ในตอนนั้น ข้อมูลเหล่านี้มาจากอีลิก
ขณะที่คนอื่น ๆ แยกย้ายกันโดยอีลิกช่วยให้เร่งรัดจัดหาที่พักใกล้ ๆ กันให้เพื่อจะได้คอยดูแลกันได้ง่าย ๆ
นิโคลแยกตัวออกมา เธอกำลังพูดคุยกับครอบครัวเช่นกัน โชคดีที่ครอบครัวของพวกเธอมีฐานะอยู่จึงได้รับการคุ้มกันอยู่ในเขต 1 และรอดมาได้ทั้งพ่อแม่และน้องชายอีกคน แต่ว่าครอบครัวของญาติกลับไม่ได้โชคดี มีเพียงป้ากับลูกสาวอีกคนที่รอดมาได้
เธอไม่ค่อยชอบสองป้าและลูกพี่ลูกน้องคนนี้สักเท่าไหร่ เพราะสองคนนี้ชอบทำตัววุ่นวายและรู้จักกับเรทเจอร์ แน่นอนว่าในการล่มสลายของกิลด์จำนวนมาก แต่เรทเจอร์กลับรอดมาได้ เพราะเขามีปีกและหลบหนีรอดจากพวกมันมอนสเตอร์มาได้
ในตอนนี้มาคัสได้เข้ามาควบคุมกิลด์แทนฟารันที่ตายไป และยังได้เอาพลังพรสวรรค์ดาบเพลิงไปด้วย ส่วนเรทเจอร์ก็ได้ยกระดับขึ้นมาเป็นรองหัวหน้ากิลด์อีกด้วย
“หนูยังไม่กลับไปตอนนี้ พ่อกับแม่ไม่ต้องไปสนใจป้า ถ้าป้าเขาอยากจะไปพึ่งพาเรทเจอร์ก็ปล่อยไป ส่วนพ่อกับแม่และน้องไม่ต้องห่วง หนูขอให้เพื่อนช่วยหาที่พักให้แล้ว พ่อไปแจ้งเจ้าหน้าที่และบอกเลขห้อง... ไปเดี๋ยวพวกเขาจะพาพ่อกับแม่ไปที่พักเอง มันค่อนข้างดีกว่าที่พักทั่วไป” นิโคลกล่าวอย่างเด็ดขาด
“นี่แต่ว่าเราควรจะฟังป้าไว้บ้างนะ ตอนนี้ทรัพย์สินทั้งหมดของเราโดนทำลายไปแล้ว พ่อกับแม่เหลือเงินติดบัญชีไม่กี่บาดเท่านั้น หลังจากนี้เราจะต้องคิดถึงอนาคตแล้วว่าจะทำยังไง” แม่ของนิโคลพูดผ่านโทรศัพท์
“แม่ไม่ต้องห่วงหนูจะจัดการเรื่องทั้งหมดเอง บางที่นี่อาจจะเป็นการเริ่มใหม่ของพวกเราก็ได้ หนูขอคุยกับพ่อได้ไหม”
“ลูกเป็นยังไงบ้าง” พ่อนิโคลถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง นิโคลค่อนข้างสนิทกับพ่อของเธอมากกว่า และเวลามีอะไรเธอจะพูดคุยกับพ่อเป็นคนแรก ๆ
“พ่อหนูไม่เป็นอะไร แต่ว่าช่วงนี้หนูคงไปรวมกับพ่อและแม่ไม่ได้ แต่ว่ายังไงพ่อไม่ต้องห่วงเรื่องเงินและการใช้จ่าย เดี๋ยวหนูจะโอนเครดิตให้ ในค่ายนี้ยังใช้เงินได้อยู่ ส่วนเรื่องทรัพย์สินยังไงสหพันธรัฐอีคอนเรี่ยนจะชดใช้ให้พวกเรา พ่อดูแลแม่กับน้องดี ๆ นะคะ”
“ลูกก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
หลังจากวางสายแล้วนิโคลก็ไปรวมตัวกับ อีลิก ไอกะและบอสตัน แม้จะเดินทางในตอนเช้า แต่พวกเขาทั้ง 4 คนต้องไปเตรียมตัวในการออกไปจากศูนย์ช่วยเหลือ คือการเข้าไปในหนึ่งในทีมกู้ภัย
...
ยิ่งตกกลางคืนเสียงมอนสเตอร์ก็คำรามดังไม่หยุดสร้างความหวาดผวาต่อคนธรรมดาที่ชีวิตของพวกเขาช่างเปราะบาง ถ้ามีมอนสเตอร์หลุดเข้ามาพวกเขาคงตายกันอย่างง่ายดาย
ต่างกลับที่โรงพยาบาลชั่วคราวที่ชั้น 3 มันกลับเงียบสงบมากจนน่าประหลาดใจ
เอียด ๆ
เสียงรถเข็นดังขึ้นที่ทางเดิน มันค่อย ๆ ผ่านร่างของเหนือมนุษย์และตำรวจที่เฝ้าอยู่ แต่พวกเขาพากันนอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่บนพื้นไม่ก็โต๊ะที่หน้าห้อง
บนรถเข็นมีชายชราผู้ไม่มีขาคนหนึ่งเข็นรถไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องอย่างอารมณ์ดีและเปิดประตูเข้าไป ชายชราขาพิการกวาดตามองด้านในเห็นว่าด้านในไม่มีคนก็เข้าไป
ก่อนจะพาตัวเองไปอยู่ข้างเตียงของลุคที่เขานอนอยู่บนนั้นและล็อกแขนข้าไว้อย่างแน่นหนา
“ชิ เจ้าพวกนั้นช่างเล่นใหญ่จริง ๆ ใช้กุญแจมือที่เป็นอุปกรณ์ระดับ C เลยเหรอ ไอ้หนูนี่มันนอนเป็นผักอยู่แบบนี้แล้วมันจะหนีไปได้ยังไง พวกโง่ยังไงก็ยังโง่อยู่อย่างนั้น”
ชายชราเกาะขอบเตียง ก่อนจะขยับตัวเองขึ้นไปบนเตียงและนั่งทับหน้าอกของลุคราวกับเขาเป็นเพียงเบาะรองนั่งเท่านั้น
“เฮ้ไอ้หนูได้ยินไหม เฮ้อสงสัยจะสลบจริงไม่ได้แกล้งป่วย ชิ แบบนี้ฉันต้องมาขาดทุนเพราะช่วยแกอีก”
ป๊อก ๆ ๆ
ชายชราขาพิการใช้ด้านหลังข้อนิ้วมือที่งอเข้าด้วยกันเป็นมะเหงกและเขกเข้าไปที่หัวของลุคหลายครั้งราวกับจะระบายอารมณ์ ที่จริงคือการตรวจดูสมองว่าได้รับความเสียหายไหมในแบบฉบับของเขา
“ยังไม่ตาย แต่สมองมีแต่ขี้เลื่อยจริง ๆ เอาเถอะนายเป็นลูกค้าชั้นดี จะช่วยหน่อยก็แล้วกัน”
ชายชราล้วงหยิบหลอดยาเล็ก ๆ ออกมาและเขย่า จากหลอดที่ว่างเปล่าก็ค่อย ๆ จับตัวกันและกลายเป็นของดเหลว
“เอาอ้าปาก” ชายชรายัดทั้งขวดเข้าไปในปากของลุค
ยาค่อย ๆ ไหลเข้าปาก ชายชรารีบเก็บขวดยาและลงมาจากตัวลุค ก่อนที่เขาจะถูกห่อหุ้มด้วยไยไหม
“เฮ้อ...เสียของอีกตามเคย”
“ต้องไปเอาแหวนตลาดมืดที่โดนยึดเป็นของกลางไว้ออกมาก่อนที่จะมีการตรวจสอบด้วยสินะ ยุ่งยากจริง ๆ”
ชายชราบ่นไม่หยุด ขณะที่เข็นรถเข็นออกจากห้องไปด้วยความหงุดหงิดไม่หยุด โดยที่หน้าห้องพวกตำรวจและพยาบาลอยู่ในสภาพหลับใหลกันหมด
ไม่มีใครรู้หรือเห็นการปรากฏตัวของชายชราคนนี้แม้แต่น้อย
...