ตอนที่แล้วตอนที่ 48 : คำเชิญแสนอบอุ่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 50 : ปลาหลีฮื้อเยอะมาก

ตอนที่ 49 : เก็บเห็ด  


ตอนที่ 49 : เก็บเห็ด

ในตอนที่ครอบครัวของสวีจื้อหย่งกลับหมู่บ้านก็มิได้พูดคุยถึงเรื่องเมื่อครู่นี้  เพราะทุกคนต่างคิดว่าฟู่เฉียวเยว่มิได้มีเจตนาดีอะไร เติ้งอาเหลียนจึงกำชับลูกชายและลูกสะใภ้ว่าหากคราวหน้าพบคนของบ้านใหญ่ ต้องระวังตัวเอาไว้

ดูเหมือนสวีฮุ่ยจะเดาออกแล้วว่าทำไมจู่ ๆ พวกฟู่เฉียวเยว่ถึงได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้ เพราะตอนนี้สิ่งที่ครอบครัวของนางเกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ การตั้งร้านแผงลอยขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ และคงมีเพียงการค้าที่สามารถทำเงินได้เท่านั้นถึงจะเข้าตาพวกเขาได้

หัวของสวีจื้อเกาโดนลาเตะไปแล้วหรือ ? เขากล้ามีความคิดนี้ได้เยี่ยงไร สวีฮุ่ยอยากจะรอดูนักว่าพวกเขาเตรียมจะทำอะไรต่อ แล้วพวกเขาจะเอ่ยปากขอสูตรทำซุปปลาเยี่ยงไร

ตอนนี้หว่านเมล็ดพันธุ์ไปได้สิบกว่าวันแล้ว เวลาที่สวีจื้อหย่งว่างก็มักจะไปเดินดูที่แปลงนา  และถ้าหากมิได้ไปขายของที่ตลาดหรือมิต้องคัดตัวอักษร สวีฮุ่ยก็มักจะขอให้พ่อพาตนเองไปที่แปลงนาเสมอ นางจะนำตะกร้าใบเล็กติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ระหว่างทางก็จะไปขุดผู่กงอิง เก็บผักป่าตามทุ่งริมภูเขา

หลังจากฝนในฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไป โจวเสี่ยวเหมยอยากไปดูตามใต้ต้นผลไม้ป่าแถบหน้าหมู่บ้าน เพื่อดูว่าพอจะเก็บเห็ดได้บ้างหรือไม่

เห็ดชนิดนี้มิเหมือนเห็ดหลินจือป่าที่ขึ้นอยู่ตามภูเขา มันค่อนข้างสะอาด มีสีอ่อน มักขึ้นอยู่รวมกันเป็นกระจุก หากนำเห็ดสดมาผัดกิน จะให้รสชาติที่มิเลวเลยทีเดียว

“ท่านแม่ ท่านพาข้าไปด้วยเถิด ข้ารับปากว่าจะมิวิ่งวุ่นวายแน่นอน !” สวีฮุ่ยเตรียมตะกร้าไว้เรียบร้อยแล้ว เด็กสาวตัวเล็กมวยผมทรงอาหมวยสองข้าง ไหนจะดวงตากลมโตที่ดูงดงามคู่นั้น แม่ของนางจะปฏิเสธได้ลงเชียวหรือ ?

“เจ้าต้องทำให้ได้อย่างที่พูดนะ ห้ามวิ่งวุ่นเด็ดขาด เข้าใจไหม ?” โจวเสี่ยวเหมยเพราะว่าวันนี้น่าจะมีชาวบ้านหลายคนไปเดินหาของป่าที่ชายเขา นางกลัวว่าลูกสาวของตนจะไปถูกเด็กบ้านอื่นรังแกเข้า

“มิเช่นนั้นให้ข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าของพี่รองดีไหม แล้วค่อยแต้มกระเพิ่มเข้าไปสักหน่อย !” สวีฮุ่ยเห็นว่าแม่ยังคงลังเล เพื่อมิให้พลาดโอกาสนี้ นางจึงรีบขอความเห็นแม่ทันที

“ตอนอยู่ในหมู่บ้านมิต้องแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายหรอก ย่าเองก็ไปกับพวกเจ้าเช่นกัน ฮุ่ยฮุ่ย จำไว้ว่าห้ามห่างไปจากข้างกายย่าเด็ดขาด หากครั้งนี้เจ้ามิเชื่อฟังกัน ต่อไปนี้ย่าจะมิอนุญาตให้เจ้าออกไปไหนมาไหนแล้ว !” เติ้งอาเหลียนทำความสะอาดครัวเสร็จแล้ว นางมิวางใจหากให้หลานสาวไปกับแม่ของนางเพียงลำพัง จึงตั้งใจว่าจะตามสองคนแม่ลูกไปด้วย

สวีฮุ่ยรีบรับปากอย่างรวดเร็ว วันนี้นางอยากไปเก็บเห็ด มิได้คิดอยากทำอย่างอื่น

ในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงป่านั้น ก็เห็นชาวบ้านมากมายกำลังก้มเอวหาเห็ด สวีฮุ่ยเอามือจับไม้เลื้อยแหวกหา แล้วกล่าวว่า “ท่านย่า ท่านแม่ ด้านนั้นคนน้อย !”

“ที่คนน้อยอาจเป็นเพราะมีคนมาเก็บไปแล้ว หรือไม่ก็บริเวณนั้นมิมีเห็ด !” เติ้งอาเหลียนกล่าว

“เจ้านาย บริเวณนี้เหลือเห็ดมิเท่าไหร่แล้ว พวกท่านเดินลงไปอีกหน่อย เลี้ยวลงเขาและเดินหักเข้ามุมเล็กน้อย บริเวณพื้นหญ้าเหล่านั้นมีเห็ดอยู่” เฮ่อจิ่นชี้ทางให้จากในมิติ

“ท่านย่า บริเวณนี้คนเยอะเหลือเกิน เกรงว่าคงจะมิเหลือเห็ดแล้ว พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ !”

เติ้งอาเหลียนและโจวเสี่ยวเหมยต่างรู้ดีว่าต่อให้ที่นี่มีเห็ด แต่ก็คงถูกเด็ดไปเกือบหมดแล้ว ที่ผ่านมาพวกนางมาเก็บเห็ดที่นี่เช่นเดียวกัน และดูเหมือนว่าบริเวณนี้มิมีที่ใดที่มีเห็ดอีกแล้ว

“พวกท่านตามข้ามา !” สวีฮุ่ยดึงมือเติ้งอาเหลียนแล้วพาเดินลัดเลาะไปตามป่า จากนั้นก็เดินผ่านทุ่งหญ้าไปตามที่เฮ่อจิ่นบอกทาง ด้านหน้ามีต้นไม้สิบกว่าต้นที่ใกล้จะแห้งตายแล้ว

“ฮุ่ยฮุ่ย ที่นี่จะมีเห็ดได้เยี่ยงไร ?” เติ้งอาเหลียนอยากจะเดินกลับไป เพราะหากเดินกลับไปตอนนี้ก็น่าจะยังเก็บเห็ดได้บ้าง ตอนกลางวันจะได้นำไปผัดสักชามนึง

“พวกท่านดูทางด้านนั้นสิ !” สวีฮุ่ยพยายามแหวกหา ในที่สุดนางก็เจอเห็ดขึ้นอยู่กระจุกหนึ่ง

ตรงนี้มีเห็ดจริงด้วย เติ้งอาเหลียนเดินเข้าไปแหวกกิ่งไม้และใบไม้ออก ยื่นมือไปเด็ดเห็ด เก็บเห็ดกระจุกแรกไปแล้ว ก็เจอเห็ดกระจุกที่สอง โจวเสี่ยวเหมยเองก็ตั้งใจหาอย่างพินิจพิเคราะห์เช่นกัน สวีฮุ่ยแยกตัวออกมาจากพวกเขา เฮ่อจิ่นเตือนนางว่ามีเห็ดขึ้นบนท่อนไม้ที่ตายแล้วด้านหลังนาง และมีเห็ดหัวเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ด้วย

เติ้งอาเหลียนและโจวเสี่ยวเหมยเดินวนไปวนมาแถวต้นไม้ไม่กี่ต้นก็เก็บเห็ดได้เกือบเต็มกระบุง และเมื่อพวกนางหันกลับไปมองหาสวีฮุ่ย ก็มิเห็นหนูน้อยแล้ว

“ฮุ่ยฮุ่ย !” เติ้งอาเหลียนเรียกหาหนูน้อยด้วยความตกใจ จนนางเกือบจะทำตระกร้าหลุดมือ

โจวเสี่ยวเหมยเองก็ร้อนใจ เหตุใดเพียงชั่วพริบตาลูกสาวถึงได้หายไปแล้วล่ะ?

“ท่านย่า ท่านแม่ ข้าอยู่นี่ ? ตรงนี้มีเห็ดเช่นกัน แถมยังมีเห็ดหูหนูด้วย !”

ทั้งสองมาถึงตรงหน้าของสวีฮุ่ย ก็เห็นว่าในตะกร้าของหนูน้อยมีเห็ดหูหนูสีดำอยู่เต็มตะกร้า

“ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าสิ่งนี้มิอร่อย !” มิว่าจะเป็นหมู่บ้านฉือหลิ่งหรือทั่วแคว้นตงจิ้งล้วนมิมีวัฒนธรรมกินเห็ดหูหนู ดังนั้นเมื่อพบเห็นตามบนภูเขาจึงคร้านที่จะเก็บ

“มันมีประโยชน์ต่อร่างกาย หากทำดี ๆ จะได้รสชาติที่อร่อยมาก จะยำหรือผัดล้วนได้ทั้งนั้น ประเดี๋ยวกลับบ้านแล้วข้าจะทำให้กิน !”

ตระกูลสวีชินกับเรื่องที่สวีฮุ่ยชอบกินของแปลกไปแล้ว นับตั้งแต่ตอนแรกที่กินผักจี่ไฉ มันฝรั่ง มาจนถึงเห็ดหูหนูสีดำสนิท

พวกนางกลับทางเดิม เมื่อเห็นว่ามีคนเข้ามาในป่ามากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังมีหลายคนที่ตะกร้ายังคงว่างเปล่า

เดิมทีเห็ดในฤดูกาลนี้มีน้อยอยู่แล้ว พอมีคนเข้ามาหาเห็ดเป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนของเห็ดมีมิเพียงพอต่อทุกคน ในตอนนี้เอง ได้มีคนเห็นว่าตะกร้าของตระกูลสวีเต็มไปด้วยเห็ด ก็พลันตกตะลึงจนตาแทบจะถลนออกมา !

“สะใภ้ พวกเจ้าไปเก็บเห็ดมาจากที่ใด !” สะใภ้เล็กของครอบครัวหลี่ เฉียนยวี่ผิงยื่นหน้าเข้ามาถาม

“ฝั่งตรงข้ามทุ่งหญ้า !” ถึงอย่างไรด้านนั้นก็มิมีเห็ดแล้ว เติ้งอาเหลียนจึงมิปิดบัง

“งั้นหรือ ?” เฉียนยวี่ผิงกลับมิสนใจอะไรอีก นางวิ่งถลาไปทางฝั่งตรงข้ามทันที และเป็นเพราะเพิ่งมีฝนตกไปเมื่อวาน ทำให้พื้นลื่น นอกจากนี้นางมัวแต่คิดถึงเรื่องเห็ด มิแม้แต่จะสนใจทาง นึกว่าหากตนไปถึงฝั่งตรงข้ามได้เร็วที่สุดก็จะสามารถเก็บเห็ดได้เท่ากับตระกูลสวี มิได้ระวังว่าเท้าของตนจะลื่นหรือไม่

นางลื่นเองคนเดียวมิว่า แต่นี่ตะกร้าของนางยังกระเด็นกระดอนออกไป ทำให้เห็ดที่เก็บมาอย่างยากลำบากลอยหายไปไหนมิรู้ และเป็นเพราะมันคือทางลงเขา ทำให้นางกลิ้งลงไปหลายตลบถึงได้หยุดลง เสื้อผ้าหน้าผมของนางเต็มไปด้วยใบไม้แห้งและเศษกิ่งไม้

สวีฮุ่ยพยายามกลั้นขำอย่างเต็มที่ นางผู้นี้โลภแต่อยากจะเก็บเห็ดจนมิสนใจอะไรแล้ว

เฉียนยวี่ผิงที่ลื่นล้มไปอย่างน่าอนาถได้ระบายความโกรธทั้งหมดไปที่เติ้งอาเหลียน “สะใภ้ เหตุใดเจ้าถึงมิบอกข้าว่าพื้นลื่น แถมเป็นทางลงเขาอีกด้วย ! เกิดข้าลื่นล้มตายไปขึ้นมาล่ะ เฮ้อหยา แขนของข้า ขาของข้าคงกระดูกหักแล้วเป็นแน่ !”

“สะใภ้ชิงฉือ เจ้าถามข้าว่าข้าไปเก็บเห็ดมาจากที่ใด ข้าก็บอกเจ้าไปแล้ว ยังต้องให้ข้ามาคอยกำชับเจ้าว่าตรงไหนเดินได้ ตรงไหนเดินมิได้ ตรงไหนเป็นทางลงเขาอีกหรือ เหตุใดเจ้าถึงมิบอกให้ข้าแบกเจ้าไปด้วยเลยล่ะ !” หากมิเห็นแก่หน้าของแม่นางหลี่ เติ้งอาเหลียนคงได้ด่ากราดนางไปฉาดหนึ่งแล้ว

นางมิได้แต่งเข้าหมู่บ้านฉือหลิ่งเป็นวันแรกเสียหน่อย จะมิรู้เชียวหรือว่าตรงนี้มีทางลงเขา ? อีกทั้งเมื่อวานก็เพิ่งมีฝนตกไป จะมิระวังตนเองตอนเดินเชียวหรือ !

“เจ้าพูดจาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร ? หากเจ้ามิได้บอกข้าว่าตรงนั้นมีเห็ด ข้าจะวิ่งไปทางด้านนั้นไหม ? แล้วถ้ามิวิ่ง ข้าจะล้มไหม ?”

“หากเจ้ามิถาม ข้าก็คงมิพูดให้มากความหรอก ช่างเถิด ข้ามิอยากต่อล้อต่อเถียงกับเจ้าแล้ว หากเจ้าอยากกลับบ้าน ข้าจะให้เสี่ยวเหมยพยุงเจ้าไป หากมิกลับ พวกข้าคงต้องขอตัวก่อน !” เติ้งอาเหลียนรับตะกร้าเห็ดมาจากลูกสะใภ้ เฉียนยวี่ผิงผู้นั้นเอาแต่จับจ้องมาที่เห็ดในตะกร้าของพวกนางมิวางตา มิว่าอย่างไรวันนี้นางจะมิยอมให้เห็ดแก่เฉียนยวี่ผิงเด็ดขาด เพราะหากให้นางไป ตัวเองคงต้องรู้สึกผิดต่อตระกูลสวีแน่นอน

เฉียนยวี่ผิงอยากให้โจวเสี่ยวเหมยแบกนางขึ้นหลัง แต่สวีฮุ่ยรู้งาน จึงกล่าวเสียงอ่อนกับแม่ตนเอง “ท่านแม่ ข้าเดินมิไหวแล้ว ท่านแม่แบกข้าหน่อย !”

ครอบครัวคนอื่นมีใครที่ไหนที่ให้ความสนใจกับลูกสาว ทว่าโจวเสี่ยวเหมยกลับย่อตัวลงให้สวีฮุ่ยปีนขึ้นมาบนหลังของนาง และยังมิลืมจะหันไปเรียกเฉียนยวี่ผิง:“แม่นางเฉียน ไปสิ !”

นังเด็กตัวเหม็นจากตระกูลสวีคนนี้ ตัวก็เล็กแต่กลับเจ้าเล่ห์มากไปด้วยแผนการ สุดท้ายเฉียนยวี่ผิงจึงต้องถูกหญิงวัยกลางคนอีกคนพยุงแบบเดินตุปัดตุเป๋ไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด