ตอนที่ 480 พลังพิเศษเกี่ยวกับเสียง
ตอนที่ 480 พลังพิเศษเกี่ยวกับเสียง
ในที่สุดหลังจากหาเบาะแสไปสักพัก เซี่ยเฟยกับซุนซานก็ได้พบกับศพนับร้อยที่กำลังลอยอยู่ในสระบัว
“ไม่นะ! ทุกคน!!” ซุนซานนั่งคุกเข่าร้องครวญครางออกมาเสียงดัง พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างปิดใบหน้าด้วยความเสียใจ
“เปลี่ยน!”
เซี่ยเฟยเปลี่ยนดาบดราก้อนสเกลให้กลายเป็นมีดเล่มเล็ก 108 เล่ม พร้อมกับควบคุมใบมีดเหล่านั้นให้ช้อนศพขึ้นมาจากน้ำทีละศพ ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานริมบ่อน้ำก็เต็มไปด้วยกองซากศพที่ส่งกลิ่นสาบเหม็นหึ่ง
หลังจากกู้ศพขึ้นมาจากน้ำ เซี่ยเฟยก็คุกเข่านั่งลงข้าง ๆ และค่อย ๆ สำรวจซากศพไปทีละศพ
“หือ? ไม่มีบาดแผลภายนอกแต่มีร่องรอยของกระดูกหักทางด้านใน คนลงมือน่าจะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษเกี่ยวกับเสียงทำให้จู่โจมเข้าใส่อวัยวะภายในของเหยื่อได้โดยตรง”
“คนร้ายค่อนข้างจะทรงพลังมาก ดูเหมือนคนพวกนี้จะตายจากสถานที่ที่แตกต่างกัน และพวกเขาก็ถูกสังหารให้เสียชีวิตภายใต้การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว จากนั้นศพของพวกเขาค่อยถูกเคลื่อนย้ายนำมาโยนลงในบ่อน้ำภายหลัง”
ระหว่างฟังคำอธิบายจากเซี่ยเฟยซุนซานก็ยกศพของหญิงสาววัยประมาณ 20 ปีขึ้นมากอดพร้อมกับส่งเสียงร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าหญิงสาวคนนี้น่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าในความเป็นจริงเธอเป็นพี่สาวที่เล่นกับซุนซานมาตั้งแต่เด็ก และพวกเขาก็ดูแลซึ่งกันและกันมาไม่ต่างไปจากพี่น้องแท้ ๆ จากพ่อแม่เดียวกัน
“ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก คนที่ตายก็ตายไปแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือเราต้องหาฆาตกรแล้วล้างแค้นให้กับพี่น้องของเรา” เซี่ยเฟยพยายามเตือนสติซุนซานที่กำลังร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่
เมื่อถูกเตือนสติซุนซานก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาและพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยประสบกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าเขาควรเริ่มจะทำอะไรจากตรงไหน เขาจึงทำได้เพียงแต่มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“สิ่งแรกที่นายจะต้องทำคือตรวจดูศพทุกศพให้ละเอียด และพยายามระบุให้ได้ว่ามีใครเหลือรอดชีวิตแล้วไม่ได้ถูกนำมารวมอยู่กับศพพวกนี้บ้าง”
“อย่างที่ 2 นายต้องพยายามนึกให้ออกว่าใครที่มีความเกี่ยวข้องกับสมาพันธ์หนานหมิงที่เป็นผู้ใช้พลังพิเศษเกี่ยวกับเสียง โดยเฉพาะคนที่มีความขัดแย้งกับสมาพันธ์”
“เดี๋ยวฉันจะลองออกไปหาเบาะแสรอบ ๆ แล้วอีก 5 นาทีพวกเราค่อยมาคุยกันใหม่”
ฟุบ!
ทันทีที่เซี่ยเฟยกล่าวจบเขาก็รีบวิ่งออกไปตรวจสอบพื้นที่บริเวณโดยรอบทันที โดยไม่รอให้ซุนซานมีเวลาซักถามข้อสงสัยใด ๆ
“ซุนซานยังมีจิตใจที่ไม่เข้มแข็งพอ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเขาก็คงตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก ถ้าหากพาเขาไปด้วยฉันคิดว่าเขาจะเป็นตัวถ่วงสำหรับนายมากกว่า” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ในฐานะนักสู้มือใหม่เขาก็ยังตั้งสติได้ค่อนข้างเร็ว อย่างน้อยเขาก็ยังมีสติมากพอที่จะฟังคำแนะนำจากฉัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“พูดเหมือนตัวเองเป็นคนแก่ไปได้ ความจริงแล้วนายก็แก่กว่าซุนซานแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นแหละ” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“อายุไม่ใช่สิ่งที่จะนำมาตัดสินประสบการณ์ของคนสักหน่อย คนบางคนใช้ชีวิตทั้งชีวิตไปกับเรื่องไร้สาระ ขณะที่คนบางคนใช้เวลาแต่ละวินาทีไปอย่างยากลำบาก ดังนั้นอายุเพียงอย่างเดียวไม่สามารถนำไปตัดสินประสบการณ์ของใครได้หรอก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ฆาตกรที่จู่โจมสมาพันธ์หนานหนิงไม่ใช่นักฆ่าที่มีประสบการณ์ เขาจึงทิ้งร่องรอยเบาะแสเอาไว้อย่างมากมาย ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยเป็นคนลงมือแทนฆาตกรคนนี้เขาก็คงจะไม่หลงเหลือร่องรอยทิ้งเอาไว้ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าฆาตกรไม่ใช่นักฆ่ามืออาชีพ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เลือกวิธีการทำลายศพโดยการโยนศพทิ้งลงไปในบ่อน้ำแบบนั้น
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็วนกลับไปตรวจสอบที่ยานรบของสมาพันธ์จัสทิสที่สวนหลังบ้านอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“อย่างมากที่สุดยานลำนี้ก็เพิ่งจะเดินทางมาที่นี่ได้เพียงแค่ 2 วัน ซึ่งมันเป็นเวลาที่ศพถูกโยนลงไปในบ่อน้ำเป็นเวลานานหลายวันแล้ว แต่สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจคือคนของสมาพันธ์จัสทิสมาทำอะไรที่นี่?”
“ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนั้นจะลงมือทำอะไร ตอนนี้นายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสมาพันธ์แล้ว และนายก็ไม่จำเป็นจะต้องฟังคำสั่งพวกเขาอีกต่อไป” อันธกล่าวอย่างเฉยเมย
“ฉันไม่เคยฟังคำสั่งของพวกเขาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แม้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับจัสทิสแต่ฉันก็จะลงมือตามที่ฉันเห็นสมควรอยู่ดี” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางกลับไปที่ริมบ่อน้ำ ซุนซานก็รีบลุกขึ้นมารายงานสิ่งที่เขาตรวจพบในทันที
“พี่เซี่ยเฟยผมได้ตรวจสอบทุกคนแล้ว นอกเหนือจากพี่น้องในสมาพันธ์ศพพวกนี้ไม่ได้มีศพของพ่อ, แม่และพี่สาวของผมรวมอยู่ด้วย”
“อย่าพึ่งยอมแพ้จนกว่าทุกอย่างจะถูกตัดสินอย่างสมบูรณ์ บางทีพ่อแม่ของนายอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ เบาะแสเดียวของเราในตอนนี้คือจัสทิสที่เดินทางมาที่นี่เป็นคนสุดท้าย และเดินทางเข้าไปยังป่ามืดเพียงลำพัง ถ้าหากเราตามเขาไปเราอาจจะได้พบกับเบาะแสอะไรเพิ่มเติมก็ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบไหล่ให้กำลังใจเบา ๆ
“ได้ครับ ผมจะรีบกลับไปเอาอุปกรณ์เตรียมตัวเข้าป่าเอเวอร์ไนท์เดี๋ยวนี้เลย” ซุนซานกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“อุปกรณ์?”
“ป่าเอเวอร์ไนท์ตกอยู่ในความมืดมิดตลอดทั้งวัน และสภาพแวดล้อมภายในป่าก็ค่อนข้างที่จะอันตรายมาก ดังนั้นทุกครั้งที่พวกเราเดินเข้าไปเก็บสมุนไพรภายในป่าแห่งนี้ พวกเราจึงจำเป็นจะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น” ซุนซานอธิบาย
“ทำไมมันถึงมีสมุนไพรเติบโตภายในป่าที่เต็มไปด้วยความมืดได้ล่ะ? ถ้าหากว่ามันไม่มีช่วงเวลากลางวันพืชก็ไม่ควรจะสังเคราะห์แสงได้ แล้วพวกมันจะเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนั้นได้ยังไง?” เซี่ยเฟยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ความจริงเรื่องนี้เป็นความลับของสมาพันธ์ซึ่งเราไม่ควรเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง แต่พี่เซี่ยเฟยคอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอดผมจะยอมเล่าความจริงให้พี่ฟัง”
“ป่าเอเวอร์ไนท์เป็นสถานที่ที่แปลกมาก เพราะยิ่งเราเข้าใกล้พื้นที่ใจกลางป่าเท่าไหร่พืชพรรณยิ่งเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งบริเวณใจกลางป่าเป็นบ่อน้ำวิเศษที่มีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์มาก เพราะน้ำพวกนี้สามารถช่วยให้พืชพรรณเติบโตได้เป็นอย่างดี แม้ว่าพวกมันจะไม่มีแสงแดดให้สังเคราะห์แสงก็ตาม”
“ด้วยเหตุนี้เองยิ่งอยู่ใกล้บ่อน้ำมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งได้พบกับสมุนไพรที่มีค่ามากขึ้นเท่านั้น ส่วนระดับของสมุนไพรที่อยู่ห่างจากบ่อน้ำก็จะยิ่งมีคุณภาพลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พ่อของผมบอกว่าบ่อน้ำวิเศษนี้คือรากฐานสำคัญของสมาพันธ์ของเรา ดังนั้นถ้าหากว่าไม่ได้มีเรื่องสำคัญจริง ๆ มันก็ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้กับบ่อน้ำบ่อนั้นเลย”
“เท่าที่ผมจำได้สมัยเด็ก ๆ พ่อเคยสูญเสียแขนซ้ายตอนที่เดินทางไปยังบ่อน้ำบ่อนั้น และศิษย์พี่ของพ่อก็สูญเสียขาทั้งสองข้างจนกลายเป็นคนพิการมาจนถึงทุกวันนี้”
“ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพ่อก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องบ่อน้ำบ่อนั้นอีกเลย และพ่อก็ไล่ศิษย์พี่ออกไปจากสมาพันธ์ตั้งแต่วันนั้นด้วยเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าในวันนั้นความจริงแล้วพวกเขาทะเลาะเรื่องอะไรกันแน่”
เซี่ยเฟยพยักหน้าซ้ำ ๆ และได้ตระหนักว่าแท้ที่จริงความลับเบื้องหลังของสมุนไพรคุณภาพสูงคือบ่อน้ำที่อยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้นี่เอง ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมสมาพันธ์นี้ถึงได้มีรองเท้าระดับสูงอย่างรองเท้าอีซูซุเซี่ยเฟยก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่คำตอบก็คงจะค่อย ๆ เฉลยออกมาเมื่อเขาได้รู้จักกับสมาพันธ์แห่งนี้มากยิ่งขึ้น
ซุนซานนำเซี่ยเฟยเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของอาคาร 3 ชั้น ก่อนที่เขาจะโยกขวดสีขาวเผยให้เห็นเส้นทางลับที่นำลงไปสู่ใต้พื้นดิน
“มีคนลงมาที่นี่งั้นเหรอ?!” ซุนซานอุทานออกมาเสียงดัง
ประตูในเส้นทางลับทั้งสามบานถูกเปิดออกจนหมด แม้แต่กับดักที่ซ่อนอยู่ระหว่างทางก็ถูกปิดการใช้งานไปทั้งหมดเช่นเดียวกัน
“ดูเหมือนคนร้ายจะรู้จักสมาพันธ์ของนายเป็นอย่างดี และเหตุผลที่สภาพแวดล้อมกลายเป็นแบบนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้อยู่เพียงแค่ 2 ทาง หนึ่งคือคนร้ายคงจะเป็นคนบังคับพ่อแม่ของนายให้เขาเปิดห้องลับ หรืออีกทางก็คือคนร้ายรู้วิธีลงมาที่ห้องลับนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้ซุนซานตกตะลึง ซึ่งมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าหากเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเกิดขึ้นจากข้อสันนิษฐานข้อแรก เพราะถ้าหากว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดจากข้อสันนิษฐานในข้อหลัง มันก็หมายความว่ามีคนทรยศในครอบครัวของเขาเอง
“แต่คนที่รู้เรื่องทางลับนี้มีแค่ผม, พ่อ, แม่และพี่สาวแค่นั้นนะ”
เซี่ยเฟยเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งความสงบถือได้ว่าเป็นหนึ่งในพื้นฐานสำคัญของนักรบ และยิ่งพวกเขารู้สึกสับสนมากเท่าไหร่พวกเขาก็จะต้องยิ่งทำตัวสงบให้มากกว่าเดิมเท่านั้น
“ลองตรวจสอบดูสิว่ามีอะไรหายไปบ้างไหม?” เซี่ยเฟยกล่าว
พื้นที่โดยรอบเป็นกล่องเก็บสมุนไพรเพื่อที่จะถนอมสมุนไพรพวกนั้นให้เอาไว้ใช้ได้เป็นเวลานาน ซึ่งนอกเหนือจากผลน้ำค้างขาวและผลเนตรนาคาที่เขารู้จักเป็นอย่างดีแล้ว มันก็ยังมีสมุนไพรอีกหลายชนิดที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่รู้จัก นอกจากนี้บนผนังยังมีชุดป้องกันสีดำถูกแขวนไว้หลายร้อยชุด และอุปกรณ์สำหรับการเก็บเกี่ยวสมุนไพรเหมือนกับที่ซุนซานได้เล่าเอาไว้
“ดูนั่นสิ! สมุนไพรพวกนั้นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่ถูกเก็บเกี่ยวมาจากธรรมชาติหมดเลย” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
แม้ว่าสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวจากธรรมชาติจะน่าสนใจ แต่เซี่ยเฟยก็ให้ความสนใจไปที่ชุดป้องกันกับอุปกรณ์ที่ถูกแขวนไว้บนผนังมากกว่า
“อุปกรณ์พวกนี้หลาย ๆ ชิ้นเป็นอุปกรณ์จากอารยธรรมโบราณไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว และในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญไม่กี่คนที่ศึกษาอารยธรรมโบราณ เขาจึงสามารถแบ่งแยกวัตถุโบราณออกจากวัตถุในยุคปัจจุบันได้อย่างรวดเร็ว
“เรื่องนั้นผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมรู้แค่ว่าอุปกรณ์พวกนี้มีอยู่ในสมาพันธ์ตั้งแต่แรก พวกมันมีค่ามากเลยงั้นเหรอครับ?” ซุนซานกล่าวอย่างไร้เดียงสา
“ถ้าจะเรียกให้ถูกชุดอุปกรณ์พวกนี้ควรจะถูกเรียกว่าชุดเซ็ตอุปกรณ์เก็บเกี่ยว ซึ่งมักจะเอาไว้ใช้ในงานสำรวจของมนุษย์โบราณ” เซี่ยเฟยกล่าว
ซุนซานพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบหาสิ่งของที่หายไป
“สมาพันธ์หนานหนิงจะลึกลับมากจนเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาจะมีชุดอุปกรณ์จากอารยธรรมโบราณเก็บเอาไว้ในสมาพันธ์เป็นจำนวนมากขนาดนี้” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรตอบกลับไป
ไม่กี่นาทีต่อมาซุนซานก็เดินกลับมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แปลกมาก! นอกเหนือจากสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยลบล้างพิษกับรักษาบาดแผลที่หายไป มันก็ไม่มีสมุนไพรล้ำค่าใด ๆ ที่หายไปเลย”
“แน่ใจนะ?”
“ปกติพี่สาวของผมจะเป็นคนบันทึกสมุนไพรทุกชิ้นในห้องนี้ทั้งหมด ซึ่งหลังจากที่ผมได้ตรวจสอบดูแล้วมันก็มีสมุนไพรที่หายไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
หลังจากพูดจบซุนซานก็มอบสมุดบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ให้กับเซี่ยเฟย
“บันทึกล่าสุดเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 5 วันที่แล้วงั้นเหรอ? ถ้าหากคนร้ายไม่ได้บุกสมาพันธ์เพื่อปล้นสมุนไพรล้ำค่า แล้วพวกนั้นจะมาบุกสมาพันธ์นี้ทำไม” เซี่ยเฟยพึมพำอย่างครุ่นคิด
“นอกจากสมุนไพรบางส่วนที่หายไปแล้ว ชุดที่พ่อแม่กับพี่สาวของผมมักจะใส่ก็หายไปทั้งหมดด้วยเหมือนกัน โดยรวมแล้วมีชุดทำงานหายไป 8 ชุด, รองเท้าอีซูซุ 7 คู่กับกล่องเครื่องมืออีก 7 ชุด”
“ชุดทำงานหายไป 8 ชุด แต่รองเท้ากับกล่องเครื่องมือหายไปแค่ 7 ชุดงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความสงสัย
“หรือว่าจัสทิสที่เดินทางมาในตอนท้ายจะเอาชุดกับเครื่องมือพวกนั้นไป?”
“สรุปแล้วคนร้ายมีจำนวนทั้งสิ้นกี่คนกันแน่?”
“พวกเราตามพวกเขาเข้าไปในป่าเอเวอร์ไนท์กันเถอะ” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากที่เขายังไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องนี้ได้
***************