ตอนที่ 478 สร้างกองยานชั้นนำ
ตอนที่ 478 สร้างกองยานชั้นนำ
คำอธิบายจากเซี่ยเฟยทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง ซึ่งมันก็ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงบอกว่าเขาเหลือเวลาอีกไม่มากนัก เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็เพิ่งกลับมาจากการเดินทางอันยาวนานในดินแดนเซิร์ก แล้วทำไมเขาถึงยังจะต้องจากไปในช่วงเวลาเร็ว ๆ นี้อีก
เมื่อพิจารณาจากท่าทางของเซี่ยเฟยแล้วชายหนุ่มคนนี้ก็ดูจะมีท่าทางอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย และถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้สึกสงสัยว่าเซี่ยเฟยกำลังจะเดินทางไปไหน แต่มันก็ไม่มีใครถามคำถามใด ๆ ออกมา
ในเวลาเดียวกันเมื่อได้ยินว่าเซี่ยเฟยกำลังจะจากไปอีกครั้ง ซาร่าก็เผลอบีบปากกาภายในมือจนหักออกเป็น 2 ท่อน และถึงแม้ว่าเธอจะได้เรียนรู้มารยาทในระหว่างที่ทำงานอยู่บนดาวโลกแล้ว แต่พื้นเพเดิมเธอก็ยังคงเป็นคนตรง ๆ อยู่ ดีดังนั้นเธอจึงมักที่จะแสดงความรู้สึกออกมาทันทีถ้าหากว่าเธอไม่ชอบอะไร
เซี่ยเฟยส่งเสียงกระแอมออกมา 2 ครั้งพร้อมกับหลบเลี่ยงแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามของซาร่า ก่อนที่จะหันไปพูดกับชาร์ลีว่า
“หากรวมยานบรรทุกสินค้าที่กำลังจะซื้อมาใหม่เข้ากับยานเดิมที่พวกเรามี บริษัทจะมียานบรรทุกมากกว่า 1,000 ลำ แต่ฉันไม่ต้องการให้กองยานที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ถูกจัดการโดยมนุษย์คนอื่นที่ไม่ใช่มนุษย์โลก ดังนั้นเตรียมโยกย้ายพนักงานที่เราไว้ใจไปคอยคุมกองยานที่กำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่ด้วย”
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมจะจัดการหาพนักงานชาวโลกที่ภักดีกับบริษัทมาจัดการกับเรื่องนี้เอง แต่เราจะเอายังไงกับจำนวนของยานอวกาศที่ทำการขนส่งผู้อพยพไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬดี?” ชาร์ลีกล่าว
“ถ้าหากมีคนตัดสินใจอพยพจากโลกไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬ 3,000 ล้านคน เราก็จำเป็นจะต้องมียานโดยสารขนาดใหญ่ไม่น้อยกว่า 3,000 ลำ นายลองติดต่อไปที่บริษัทขนส่งจักรวาลที่ใหญ่ที่สุดในพันธมิตรดู แล้วถามว่าพวกเขาพอจะจัดหายานอวกาศเป็นจำนวนมากให้กับเราได้หรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองติดต่อดู แต่เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงสงครามมันจึงทำให้ชาวโลกส่วนใหญ่กระจายกันอยู่ในกองยานอื่น ๆ ปะปนกันไป มีแม้กระทั่งคนที่ต้องไปอยู่ในยานอุตสาหกรรมหรือยานบรรทุกสินค้า และถึงแม้ว่ามนุษย์พอจะอาศัยอยู่ในยานพวกนั้นได้ แต่การโดยสารยานที่ไม่สะดวกสบายเป็นเวลานานย่อมทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นเราก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องจัดหายานขนส่งให้กับคนของเรา เพื่อที่จะให้พวกเขาพักผ่อนในระหว่างการเดินทางได้อย่างเต็มที่” ชาร์ลีกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ซาร่าฉันขอแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้บัญชาการกองยานขนส่งใหม่ของบริษัทควอนตัม ฝากเธอช่วยจัดหาเสบียงที่จำเป็นให้กับกองยานด้วยนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วที่สุด” ซาร่าพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“พี่หลง, คุณอันเดร์พวกคุณทั้งสองคนจะต้องกลับไปที่โลกให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ผมต้องการให้โลกกลับสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด ซึ่งเรื่องนี้บริษัทของเราจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ผมขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ให้กับพวกคุณด้วยนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“คุณนี่รู้ใจฉันจริง ๆ ว่าฉันไม่อยากจะทิ้งดาวโลกไป อู่หลงก็คงต้องการดูแลดาวบ้านเกิดของเราเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกเราจะคอยจัดการเรื่องบนโลกให้เรียบร้อยเอง” อันเดร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเกรงว่าฉันคงจะช่วยอะไรได้ไม่มากนัก และการสร้างสหพันธ์โลกขึ้นมาใหม่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด” อู่หลงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
อู่หลงเป็นคนตรง ๆ และมีความซื่อสัตย์เป็นจุดเด่นตั้งแต่สมัยที่เขาได้พบกับเซี่ยเฟย โดยหลังจากที่เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหพันธ์มาเป็นเวลานาน เขาก็เริ่มผูกพันกับหน้าที่ที่เขาจะต้องรับผิดชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงไม่ได้พูดถึงเรื่องการออกไปผจญภัยในอวกาศเหมือนกับอดีตอีกแล้ว ซึ่งเรียกได้ว่าในตอนนี้เขามีจิตใจเป็นประธานาธิบดีของสหพันธ์โลกอย่างเต็มตัว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับพอตเตอร์
“การก่อสร้างช่วงต้นในภูมิภาคดาวเหวทมิฬคงต้องรบกวนลุงแล้ว หลังจากนี้ลุงจะมีอำนาจอย่างเต็มที่ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรอคอยผู้อพยพ”
“ถึงนายไม่บอกฉันก็คิดที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว วินด์ไชม์ห่างจากบ้านเกิดมานานแล้วและฉันก็อยากจะไปเยี่ยมบ้านเกิดของเธอด้วยเหมือนกัน หลังจากจัดการเรื่องในภูมิภาคดาวมฤตยูจนเสร็จ เดี๋ยวฉันจะรีบไปจัดการเรื่องโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคดาวเหวทมิฬให้เอง” พอตเตอร์กล่าว
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็มอบหมายหน้าที่ผู้จัดการสถานการณ์โดยรวมให้กับชาร์ลี เพราะเขาคือคนที่มีมุมมองกว้างขวางและสามารถตัดสินใจได้อย่างยืดหยุ่นมากที่สุดในบรรดาทุกคน
ถึงแม้แผนการของเซี่ยเฟยจะดูซับซ้อนแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจ โดยชายหนุ่มต้องการที่จะสร้างทั้งภูมิภาคดาวเหวทมิฬและโลกขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ซึ่งส่วนที่ยากที่สุดสำหรับแผนการในช่วงเวลานี้คือการอพยพผู้คนเป็นจำนวนมาก และความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด
นอกจากนี้ผู้อพยพยังจำเป็นจะต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานรอพวกเขาอยู่ที่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬอย่างครบครัน ซึ่งมันก็จำเป็นจะต้องเริ่มการก่อสร้างขนาดใหญ่ และจำเป็นจะต้องก่อสร้างทุกอย่างให้แล้วเสร็จก่อนที่ผู้อพยพจะเดินทางมาถึง
แน่นอนว่าจุดแรกที่เซี่ยเฟยจะเริ่มพัฒนานั่นก็คือดาวเคราะห์ฟรีเดล จากนั้นเขาก็จะใช้ดาวดวงนี้เป็นจุดศูนย์กลางเพื่อขยายขอบเขตออกไปยังพื้นที่โดยรอบ
“แผนการของนายไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย พวกชาร์ลีคงจะต้องยุ่งไปอีกนาน” อันธกล่าวหลังจากหน้าจอแสงทั้งหมดดับลงไป
“นั่นก็ใช่ แต่ฉันก็เหลือเวลาไม่มากแล้วเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงผู้คนบนโลกจะต้องพึ่งพาและปกป้องตัวเองให้ได้ภายใน 30 เดือน ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะออกเดินทางไปยังดินแดนผู้ใช้กฎอย่างไม่สบายใจ” เซี่ยเฟยกล่าว
ในที่สุดมันก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องจัดการกับเรื่องที่สำคัญที่สุดในแผนการครั้งนี้ นั่นก็คือการพยายามสร้างกองยานที่แข็งแกร่งขึ้นมา เพราะในจักรวาลต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยหมาป่าล่าเนื้อ และมนุษย์โลกก็จำเป็นจะต้องมีกองยานที่แข็งแกร่งเพื่อเอาไว้ในการปกป้องตัวเอง
แน่นอนว่าคนแรกที่เซี่ยเฟยนึกถึงเมื่อเขาต้องการจะซื้อยานรบเป็นจำนวนมากนั่นก็คือนิโคลผู้ซึ่งเป็นคนดูแลบริษัทไกอาในปัจจุบัน และเธอยังเป็นหนึ่งในผู้บริหารชั้นนำของบิ๊กโฟร์ที่เซี่ยเฟยสนิทด้วยมากที่สุด
“ฉันดีใจนะที่คุณยังจำฉันได้” นิโคลกล่าวด้วยความประหลาดใจเมื่อจู่ ๆ เซี่ยเฟยได้ติดต่อมาหาเธอ
“สาวสวยคนเดียวในบรรดาบอร์ดบริหารของบริษัทบิ๊กโฟร์จะทำให้ผมลืมได้ยังไง แต่เมื่อวานมีแขกค่อนข้างเยอะผมเลยไม่ได้มีเวลาไปคุยกับคุณสักคำ ซึ่งเรื่องนั้นผมต้องขอโทษเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย” เซี่ยเฟยพยายามกล่าวติดตลก
“ไม่เป็นไร ใครใช้ให้คุณเป็นวีรบุรุษของสงครามครั้งนี้กันล่ะ ว่าแต่ที่คุณโทรมาหาฉันเพราะว่าคุณต้องการจะคุยเรื่องธุรกิจใช่ไหม?” นิโคลกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
“ผมได้รับภูมิภาคดาวมาดูแลเป็นของขวัญจากวีรกรรมของผมในสงครามครั้งนี้ และผมก็ต้องการที่จะสร้างกองยานเป็นของตัวเองเพื่อปกป้องความปลอดภัยของภูมิภาคดาวเหวทมิฬ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“บอกมาสิว่าคุณต้องการยานรุ่นไหน? แล้วต้องการราคาเท่าไหร่?” นิโคลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังอยู่เล็กน้อย
“เดี๋ยวผมส่งรุ่นกับจำนวนยานที่ผมต้องการไปให้คุณก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยเรื่องราคากัน”
แม้ว่าจะผิดหวังที่เซี่ยเฟยติดต่อเธอเฉพาะเรื่องงาน แต่เธอก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอที่จะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้ ดังนั้นเธอจึงรีบอ่านรายละเอียดที่เซี่ยเฟยส่งมาให้กับเธออย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะกล่าวถามขึ้นไปด้วยความประหลาดใจว่า
“ยานประจัญบานรุ่นโดมินิค 150 ลำ, ยานครุยเซอร์รุ่นฟิวรี่ 300 ลำ, ยานฟริเกตรุ่นทริสตัน 600 ลำ ประกอบกับยานบัญชาการรุ่นจูเนี่ยนของคุณอีกลำ นี่คุณคิดจะไปทำสงครามกับใครงั้นเหรอ?”
ภายใต้สถานการณ์ปกติกองยานคุ้มกันมาตรฐานจะประกอบไปด้วยยานประจัญบาน 20 ลำ, ยานครุยเซอร์ 40 ลำและยานฟริเกต 100 ลำ แต่เมื่อพิจารณาจากคำสั่งซื้อของเซี่ยเฟยแล้ว มันก็ดูคล้ายกับว่าเขากำลังพยายามสร้างกองยานรบเต็มรูปแบบมากกว่าการสร้างกองยานคุ้มกันตามปกติ
“ผมไม่ได้จะไปรบกับใครและผมก็ไม่ได้ต้องการยานพวกนั้นเพียงแค่ชุดเดียว แต่ผมต้องการพวกมันจำนวน 3 ชุดต่างหาก”
“นอกจากยานรบพวกนี้ที่ผมจะสั่งจากบริษัทของคุณแล้ว ผมยังเลือกยานประจัญบานรุ่นเฮลแองเจิลจากบริษัทเอ็มม่า, ยานแบทเทิลครุยเซอร์รุ่นเดรคจากบริษัทคัลดารี, ยานครุยเซอร์รุ่นแบล็คเบิร์ด, ยานฟริเกตรุ่นสตีลฟอลคอนและยานฟริเกตรุ่นริฟท์จากบริษัทมิททัลอีกด้วย”
“ด้วยองค์ประกอบของยานพวกนี้มันก็จะทำให้ผมได้กองยานหลักมาทั้งสิ้น 3 กอง โดยจะแบ่งหน้าที่ออกเป็นกองยานคุ้มกันในภูมิภาคดาวเหวทมิฬ 1 กอง, กองยานที่มีหน้าที่ลาดตระเวนรอบ ๆ ภูมิภาคดาว 1 กองและกองยานที่คอยทำหน้าที่คุ้มกันการเดินทางไปกลับระหว่างพันธมิตรกับภูมิภาคดาวเหวทมิฬอีกหนึ่งกอง” เซี่ยเฟยอธิบายแผนการภายในใจของเขาออกมา
“ความคิดของคุณค่อนข้างจะสมเหตุสมผลแล้วที่รวมผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดของบิ๊กโฟร์เข้าด้วยกัน ซึ่งถ้าหากว่าคุณสร้างกองยานนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ กองยานของคุณก็จะมีความแข็งแกร่งถึงอันดับ 4 ในพันธมิตร ซึ่งเป็นรองเพียงแค่กองยานของกองทัพ, กองยานของจัสทิสและกองยานของเฮอร์มิทเท่านั้น” นิโคลกล่าวเมื่อจินตนาการถึงกองยานที่เซี่ยเฟยต้องการจะสร้างขึ้นมา ก่อนที่เธอจะพยายามอธิบายเพิ่มเติมออกไปอีกว่า
“เอาล่ะฉันเข้าใจว่าคุณต้องการที่จะเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดจาก 4 บริษัทชั้นนำในคราวเดียว แต่คุณก็ต้องอย่าลืมว่ายานรบพวกนี้มีราคาแพงมาก อย่างเช่น ยานรุ่นเฮลแองเจิลที่ขึ้นชื่อเรื่องยานหุ้มเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในพันธมิตรก็มีราคาสูงถึงลำละ 55,000 ล้านสตาร์คอยน์ก่อนช่วงเวลาสงคราม และถึงแม้ว่าในช่วงนี้ราคาของยานจะพุ่งดิ่งลง แต่มันก็ควรจะมีราคาไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านสตาร์คอยน์อยู่ดี”
“เมื่อมันได้นำเงินจำนวนนี้ไปคูณกับจำนวนของยานรบที่คุณต้องการ อย่างน้อยคุณก็จะต้องมีเงินทุนสำหรับการซื้อยานไม่น้อยกว่า 4.5 ล้านล้านสตาร์คอยน์ ส่วนราคาของกองยานทั้งหมดที่คุณวางแผนเอาไว้ก็ควรจะมีราคาไม่น้อยกว่า 7 ล้านล้านสตาร์คอยน์ด้วยเหมือนกัน ซึ่งคุณก็น่าจะรู้ถึงราคาของพวกมันตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“มันเป็นเรื่องปกติที่ยานรบชั้นยอดจะต้องมีราคาต้นทุนที่สูงมาก แต่อย่างน้อยนี่จะเป็นการลงทุนเพียงแค่ครั้งเดียว และผมก็เชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้ก็คงจะทำให้กองยานของผมยืนหยัดทำงานอยู่ได้เป็นเวลาไม่น้อยไปกว่า 100 ปี” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่อย่างสบาย ๆ
“ความจริงถ้าคุณไม่ได้มีปัญหาเรื่องราคา ฉันก็พอจะมีข้อเสนอมาหยิบยื่นให้กับคุณ” นิโคลกล่าวออกไปอย่างลังเลเล็กน้อยหลังจากที่ได้เห็นท่าทางสบาย ๆ ของเซี่ยเฟย
“ข้อเสนออะไร? หรือว่าบริษัทบิ๊กโฟร์มีสินค้าลับที่ยังไม่ถูกเปิดตัวออกมาด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“คุณคิดถูกแล้ว บริษัทผลิตยานรบทั้งสี่แห่งไม่ได้อยู่เฉย ๆ ในช่วงสงคราม และการพัฒนายานรบรุ่นที่ 2 ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นก็มีความคืบหน้าไปไกลกว่าเดิมมาก” นิโคลกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างจริงจัง
“ยานรบรุ่นที่ 2? คุณกำลังพูดถึงยานรบรุ่นเดียวกับไดมอสที่คุณให้ผมมาครั้งที่แล้วใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถามหลังจากชะงักไปเล็กน้อย
“ยานรบรุ่นที่ 2 มีพลังการต่อสู้ที่โดดเด่นมาก แล้วมันก็เป็นการวิวัฒนาการชนิดที่ยานรบรุ่นแรกเทียบกับยานรบรุ่นที่ 2 ในเรื่องของประสิทธิภาพไม่ติดเลยแม้แต่ด้านเดียว”
นิโคลยังคงสงบนิ่งก่อนที่เธอจะทำการส่งไฟล์เข้ารหัสไปให้กับเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยเรียกดูข้อมูลจากนิโคลอย่างระมัดระวัง ก่อนที่เขาจะพูดกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคนโบราณถึงบอกว่าสงครามคือแรงผลักดันเทคโนโลยีชั้นดี ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าสงครามในครั้งนี้จะทำให้การพัฒนายานรบรุ่นที่ 2 ของพันธมิตรเดินหน้าไปไกลกว่าเดิมมาก”
************