ตอนที่แล้วตอนที่ 43 : โดนคนอื่นต้องตาต้องใจเสียแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 : ทำปลา

ตอนที่ 44 : เสี่ยวจิน  


ตอนที่ 44 : เสี่ยวจิน

มิง่ายเลยกว่าจะรอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงกลางดึกสงัดที่ทุกคนหลับสนิท สวีฮุ่ยลงกลอนประตูแล้วรีบหายเข้าไปในมิติ

“เฮ่อจิ่น !”

“เจ้านาย เจ้ามาดูสมบัติในมิติของเราสิ !”

สวีฮุ่ยเดินไปตามริมตลิ่งที่เฮ่อจิ่นชี้ ภายในน้ำนอกจากจะมีปลาตะเพียนหลายตัวที่หนักราวสองชั่ง นอกจากนี้ยังมีปลาหลีสีทองอร่ามแหวกว่ายอยู่ตัวหนึ่งด้วย !

“ปลาตัวนี้มาจากที่ใด ?” สวีฮุ่ยถามด้วยความสงสัย

“มันก็คือลำแสงสีทองที่เจ้าเห็นวันนี้นี่แหละ เสี่ยวจิน เจ้ารีบมาพบเจ้านายของเราเร็วเข้า !”

ปลาหลีสีทองว่ายน้ำมาหาแล้วกระโดดเข้ามาในอ้อมแขนของสวีฮุ่ย สวีฮุ่ยมองดูปลาหลีที่น่าจะหนักอย่างน้อยหนึ่งชั่งกว่า มิว่าจะมองเยี่ยงไรก็มองมิออกว่ามันมีความพิเศษตรงไหน นอกจากสีของมันที่แตกต่างไปจากปลาอื่น

เสี่ยวจินมองออกถึงความสงสัยในแววตาของสวีฮุ่ย มันจึงกระโดดลงไปบนพื้น ทันใดนั้นมันก็แปลงกายเป็นร่างปลาขนาดใหญ่ที่มีความยาวกว่า 2 เมตรและหนักอย่างน้อย 100 ชั่ง สวีฮุ่ยสังเกตเห็นว่าบนหัวของมันเหมือนจะมีมงกุฎปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างเลือนลาง

หรือว่านี่จะเป็นเซียนปลาหลี?

“เจ้านาย เสี่ยวจินมิใช่ปลาธรรมดาเชียวนะ เดิมทีมันอาศัยอยู่ในสระหยก แต่เป็นเพราะมันละเมิดกฎสวรรค์ จึงถูกลงโทษให้ลงมายังโลกมนุษย์

พลังวิญญาณในโลกมนุษย์มีอยู่น้อยนิด มิเหมาะสำหรับการฝึกตน มันใช้เวลาตามหาอยู่นานหลายร้อยปีถึงสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณบนตัวของข้าที่ถูกส่งผ่านไปยังมือของเจ้า มันจึงตามมา ! ”

“มิติแห่งนี้เหมาะแก่การให้มันฝึกตนใช่หรือไม่?หากใช่ก็จงฝึกตนอย่างสบายใจเถิด! เสี่ยวจิน เจ้าช่วยกลับคืนสภาพเดิมได้ไหม !” ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ หากใส่ลงไปในบ่อก็เกรงว่าจะเบียดปลาตะเพียนตัวอื่นจนตายหมด หากเอาไว้บนพื้น เกรงว่าใช้เวลาไม่นานก็คงตัวแห้งตายพอดี !

เสี่ยวจินกลับคืนสภาพเดิมอีกครั้ง คราวนี้มันเปลี่ยนขนาดตนเองให้มีขนาดเท่าฝ่ามือของสวีฮุ่ย มันดิ้นอยู่บนมือของนางด้วยท่าทีที่มีความสุขมาก

“เจ้าอย่าได้ดูแคลนมิติแห่งนี้เชียว เพราะมันเป็นถึงของวิเศษที่หลอมขึ้นมาโดยยอดฝีมือที่แม้แต่เซียนบนสวรรค์ยังต้องหวาดกลัว ที่นี่มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยม แต่เนื่องจากมันถูกจำกัดโดยมิติ เมื่อออกไปด้านนอกจะทำให้พลังวิญญาณลดลงไปอย่างมาก ดังนั้นเสี่ยวจินจะกลับคืนร่างเดิมได้หรือไม่นั้น และสุดท้ายจะสามารถกลับไปยังสระหยกได้หรือไม่นั้น ยังคงเป็นเรื่องที่มิอาจรู้ได้”

“เสี่ยวจิน หากเจ้ากลับไปมิได้ก็อยู่ที่นี่เธอ หรือมิเจ้าลงไปแช่ในน้ำแร่ใสดีไหม !” สวีฮุ่ยถาม

“ถ้าหากเจ้านายอนุญาต ข้าก็จะใช้น้ำแร่ใสมาสร้างสระน้ำล้อมมันเอาไว้ ซึ่งเตรียมไว้ให้มันฝึกตนโดยเฉพาะ แบบนี้มันก็จะมีโอกาสกลับไปยังสระหยกบนสวรรค์ได้เร็วขึ้น !”

สวีฮุ่ยพยักหน้ารับ ในเมื่อเฮ่อจิ่นเคยบอกเอาไว้ว่าขอเพียงแค่ยังมีมิติอยู่ น้ำแร่ซุปและน้ำแร่ใสจะมิมีวันเหือดแห้งไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นก็ใช้ไปเถอะ! วันนี้ที่นางเข้ามาในมิติเพราะยังมีภารกิจที่สำคัญอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือการปลูกข้าว !

เมื่อหาจอบขนาดเล็กได้แล้ว สวีฮุ่ยจึงไปขุดพรวนดินบริเวณใกล้บ่อน้ำ เฮ่อจิ่นเองก็มิได้อยู่ว่างเช่นเดียวกัน มันช่วยเสี่ยวจินขุดบ่อน้ำวงกลมขนาดใหญ่ แล้วเสกน้ำแร่ใสลงบ่อ เสี่ยวจินกระโดดลงบ่อไปแหวกว่ายอย่างร่าเริง

หลังจากช่วยทำบ่อน้ำให้เสี่ยวจินแล้ว เฮ่อจิ่นจึงมาช่วยสวีฮุ่ย หลังจากหว่านเมล็ดลงไปแล้ว สวีฮุ่ยอยากนำน้ำแร่ใสมารดแปลงนา

“เสี่ยวจิน ถึงเวลาที่ต้องให้เจ้าช่วยแล้ว !” เฮ่อจิ่นตะโกนเรียก เสี่ยวจินจึงว่ายมาริมบ่อแล้วอ้าปาก ทำให้น้ำแร่ใสไหลออกมาจากปากของเสี่ยวจินไม่หยุด ก่อนจะไหลลงไปในแปลงนาของสวีฮุ่ย

“เฮ่อจิ่น น้ำพวกนี้คงไม่ใช่น้ำในทะเลใช่ไหม !” ถ้าหากเป็นน้ำทะเลขึ้นมาคงแย่แน่นอน สวีฮุ่ยจึงถามด้วยความมิมั่นใจ

“เสี่ยวจินสามารถเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดได้ เจ้ามิต้องกังวล ! มันมิเพียงแต่ช่วยเรารดน้ำแปลงนาได้เท่านั้น ต่อไปนี้เวลาเจ้าต้องการใช้น้ำ เจ้าสามารถเรียกหาข้าได้ แล้วข้าจะบอกมัน หรือหากเจ้าอยากได้ปลาเมื่อไหร่ก็มิต้องใช้น้ำแร่ใสล่อปลามาแล้ว ขอเพียงแค่ให้มันเรียกปลาให้ ก็จะมีปลามากมายนับมิถ้วนแหวกว่ายเข้ามาให้เจ้าได้เลือกสรร”

ปลาตัวนั้นมิธรรมดาจริงด้วย สวีฮุ่ยเข้าไปทำอาหารกินในครัว เฮ่อจิ่นเอาตัวเองไปแช่ในน้ำแร่ใสอย่างเพลิดเพลิน รอกินอาหารมื้ออร่อย !

ตอนนี้ได้ปลูกข้าวสาลีและข้าวเจ้าแล้ว สวีฮุ่ยรู้สึกดีใจมาก หากมีเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งสองชนิดนี้แล้ว ต่อไปนี้ก็จะได้กินแป้งหมี่ข้าวและข้าวเจ้าเสียที

อีกหลายวันต่อมา ทุกวันตอนสายสวีฮุ่ยจะฝึกคัดอักษรและท่องกลอนที่บ้าน ส่วนตอนเที่ยงและตอนเย็นก็มาช่วยท่านย่าทำอาหาร

“แปลกยิ่งนัก เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่ามันฝรั่งของบ้านเรามิเคยลดลงเลยล่ะ !” นับตั้งแต่ที่คนในตระกูลสวีชอบอาหารที่ทำมาจากมันฝรั่งนั้น ครอบครัวของพวกเขาจะต้องกินเมนูมันฝรั่งอย่างน้อยวันละหนึ่งมื้อ ทว่ามันฝรั่งที่บ้านกลับมิลดลงเลย ยังคงมีสิบกว่าลูกเช่นเดิม และยังคงสดใหม่มิเปลี่ยน เติ้งอาเหลียนคิดเท่าไหร่ก็คิดมิออกว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ท่านย่า ท่านจำผิดหรือเปล่า ! บางทีในห้องใต้ดินอาจจะยังมีอยู่ก็ได้ ท่านคงลืมไปน่ะ !” แน่นอนว่าสวีฮุ่ยมิมีทางยอมรับว่าเป็นฝีมือของนางแน่นอน

เพื่อพิสูจน์คำพูดของหลานสาว เติ้งอาเหลียนจึงเปิดห้องใต้ดินออก แล้วตั้งใจว่าจะเข้าไปตรวจสอบดูเสียหน่อย สวีฮุ่ยบอกว่าหลังจากเปิดประตูห้องใต้ดินแล้วควรรอให้ความอับมันหายไปก่อน แล้วค่อยเข้าไป

สวีฮุ่ยแอบหากระสอบเล็กๆ มาผูกไว้ที่เอว จากนั้นก็ให้เฮ่อจิ่นเอากระสอบนั้นไปวางไปในมุมหนึ่งของห้องใต้ดินก่อนที่เติ้งอาเหลียนจะลงไป

“ท่านย่า ท่านดูสิ ที่นี่ยังมีมันฝรั่งอีกหนึ่งกระสอบ ข้าบอกแล้วว่าในห้องใต้ดินของเรายังมีมันฝรั่งอยู่ ท่านย่ายังจะมิเชื่ออีกหรือ”

หรือนางเหลือไว้ตอนที่เพาะปลูก?เติ้งอาเหลียนเริ่มสับสนแล้ว

“มีมันฝรั่งพวกนี้ก็ดีเลย ต่อไปนี้เวลาพวกเราอยากกิน เราจะได้มิต้องมัวมาเสียดาย” มันฝรั่งพวกนี้เพียงพอให้กินได้เป็นเดือน สวีฮุ่ยอยากนึ่งขนมมันฝรั่งกินแล้ว

ในเมื่อที่บ้านมีมันฝรั่งเหลืออีกเป็นกระสอบ เติ้งอาเหลียนจึงโบกมืออย่างใจกว้าง “เอาไปทำขนมมันฝรั่งเถิด !”

นางเลือกมันฝรั่งสองลูก ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้น จากนั้นนำไปนึ่งในหม้อ บดให้เละและเติมเกลือ เครื่องปรุงลงไป

ตอนนี้เติ้งอาเหลียนอายุมากแล้ว สวีฮุ่ยจึงบดมันฝรั่งให้นิ่ม และเป็นเพราะน้ำมันแพงเกินไป นางจึงอบขนมมันฝรั่งด้วยความร้อนต่ำแทน

แม้ว่าตลอดช่วงสองวันนี้ สวีจื้อหย่งและโจวเสี่ยวเหมยจะมิได้ออกนา แต่พวกเขากลับมิยอมว่างงาน พวกเขาไปเก็บฟืน เกี่ยวหญ้าให้หมู ต้อนวัวไปกินหญ้า ในขณะที่สวีเจี้ยนหลินมักจะไปจับปลาที่แม่น้ำเป็นประจำ และปลาที่เขาหามาได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นปลาเล็กปลาน้อยหนักประมาณตัวละ 1 ชั่ง

“ปลาในหมู่บ้านฉือหลิ่งของเราคงมิถูกน้องหญิงจับไปหมดแล้วใช่ไหม !” สวีเจี้ยนหลินบ่นอุบ

“พี่รองลงน้ำจับปลาทุกวัน ปลาพวกนั้นรู้จักท่านหมดแล้ว พอเห็นท่าน มันก็เลยหนีกันหมด มิเกี่ยวกับข้าเสียหน่อย !” สวีฮุ่ยแก้ตัวแทนตัวเอง

“เสี่ยวหลินจื่อ มิอนุญาตให้ออกไปพูดจามั่วซั่ว พรุ่งนี้เราจะไปตั้งแผงขายของแล้ว ตอนบ่ายฮุ่ยฮุ่ยและพ่อของพวกเจ้าไปลงน้ำจับปลาเถิด !”

“ในเมื่อพี่รองบอกว่าแม่น้ำของหมู่บ้านเรามิมีปลาเหลือแล้ว ฉะนั้นเราไปจับปลาตรงแม่น้ำที่เราเคยจับปลาหลีฮื้อได้เถิด ท่านย่า ท่านรอข้ากลับมาช่วยท่านทอดแป้งนะ !”

ครั้งนี้ตระกูลสวีตั้งใจจะทอดแป้งไป 200 แผ่น ต้มซุปปลา 2 หม้อ

“ตอนสาย ย่าและแม่ของเจ้าทอดไว้ 100 แผ่นแล้ว ตอนบ่ายทอดอีกแค่ 100 แผ่นเท่านั้น เจ้าตั้งใจจับปลาก็พอแล้ว มิต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”

“ฉะนั้นคงต้องลำบากท่านย่าและท่านแม่แล้ว ข้าและพี่รองไปเล่นน้ำสักพักเดี๋ยวกลับมานะเจ้าคะ” หลายวันมานี้สวีฮุ่ยมิได้ออกไปไหน เพราะมัวแต่คัดอักษรท่องกลอน บ่ายวันนี้นางจึงตั้งใจจะผ่อนคลายตนเองเสียหน่อย

“ประเดี๋ยวพ่อจะใช้หอกแทงปลา แทงได้เท่าใดก็ขายเท่านั้น ฮุ่ยฮุ่ย ลูกจับปลาหลีมาสักสิบตัวก็พอแล้ว !” สวีจื้อหย่งวางแผนเสร็จสรรพ

ตระกูลสวีมิใช่คนละโมบโลภมากคิดอยากได้ของผู้อื่น พวกเขาทำมาหากินด้วยความขยันและความซื่อสัตย์ ซึ่งสวีฮุ่ยชื่นชอบบรรยากาศครอบครัวที่เป็นแบบนี้มาก

“ได้ แต่หวังว่าวันนี้ข้าจะอาศัยบารมีของน้องหญิงจับปลาตัวใหญ่ได้อย่างเขาบ้าง ท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ พรุ่งนี้พาข้าไปตลาดด้วยได้ไหม ?” สวีเจี้ยนหลินตั้งใจจะขอไปด้วยตั้งแต่แรกแล้ว

“ได้ !”เติ้งอาเหลียนตอบรับอย่างมิคิด พรุ่งนี้นางต้องไปส่งหลานชายคนโตในเมืองพอดี อาจารย์ในสำนักได้กล่าวแล้วว่าขอเพียงแค่เขาสอบผ่าน จ่ายค่าเรียนครบ เพียงเท่านี้ก็สามารถเข้าเรียนได้แล้ว คนในตระกูลสวีต่างคาดหวังให้สวีเจี้ยนเหวินสอบผ่านเข้าเรียนในสำนักวิชาได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด