ตอนที่ 145 ทดสอบแนวป้องกัน(ฟรี)
(ตอนเดียวนะครับวันนี้)
ตกกลางคืน อากาศก็เริ่มเย็นขึ้น
ลี่เยว่กับลี่ลี่เป็นคนนำ
โดยมีมินโฮ เว่ยหยูหลัน และหยู่เฟ่ยหยานเดินตามมา
เด็กสาวทั้งห้าสวมเครื่องแบบของหน่วยรบพิเศษ และมุ่งหน้าไปยังกำแพงเมืองเวยฉาย
คืนนี้พวกเธอได้รับภารกิจฝึกซ้อมแบบหน่วยรบพิเศษ และได้ทดสอบแนวป้องกันของเมืองไปด้วย เพราะเป็นการดีที่จะได้รู้ว่าทหารยามตื่นตัวแค่ไหน
ลี่เยว่สะกิดลี่ลี่ ก่อนที่ลี่ลี่จะชี้ไปทางสามสาว
“พวกเราจะนำไปก่อนแล้วเปิดทางให้ แล้วทั้งสามค่อยตามมา”
มู่เหลียงเองก็ได้สอนกลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ ให้กับทั้งห้าคนแล้ว อย่างเช่นตำแหน่งท่ายืน ทิศทางหมุนตัว และการออกท่าต่างๆ
มินโฮก็แสดงท่าทางตกลงแบบทหารที่มู่เหลียงสอนให้
ทุกวันนี้มินโฮเริ่มที่จะคุ้นเคยกับทุกคนมากขึ้น จนไม่เขินอายอีกแล้ว
ลี่เยว่กับลี่ลี่มองหน้ากัน ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงอย่างรวดเร็ว
ด้วยความเร็วของผู้มีพลังขั้น 4 การปีนกำแพงเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
เด็กสาวทั้งสองยืนอยู่เหนือกำแพง พร้อมกับฟังเสียงพูดคุยของยามเฝ้าเวร
“เวรรอบดึกเป็นอะไรที่ทรมานที่สุดแล้ว เพราะมันหนาวแทบเดินไม่ออก”
“ใช่ บางทีเพราะเมืองเต่าทมิฬตั้งอยู่ในที่สูงเกินไป ก่อนหน้านี้ที่กลุ่มทะเลสาบพระจันทร์ยังไม่หนาวขนาดนี้เวลากลางคืน”
“เมืองเต่าทมิฬอยู่สูง คงไม่มีใครกล้าปีนขึ้นมาหรอก พวกเราหนีกลับบ้านกันเถอะ”
“ไม่ได้ ไม่ได้ เราต้องเดินลาดตระเวนให้จบก่อนถึงจะกลับได้ ไม่งั้นท่านแม่ทัพจะหักแต้มสะสมของพวกเรา”
“....”
ลี่เยว่กับลี่ลี่ที่ฟังอยู่ ก็มองหน้ากันพร้อมกับพยักหน้า
ทั้งสองเดินเข้าไปหาอย่างนุ่มนวลราวกับแมว
ก่อนที่จะหยิบผ้าเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า พร้อมกับขวดดินเผาเล็กๆ ที่มีจุกก๊อกปิดอยู่ หลังจากนั้นก็เปิดจุกก๊อก และเทของเหลวที่อยู่ข้างในขวดลงในผ้า
ลี่เยว่กลั้นหายใจ เพราะนี้คือยามึนเมาที่โหย่วเฟ่ยทำขึ้น ทั้งสองย่องอย่างช้าๆ ไปทางทหารยามพร้อมกัน
เมื่อทั้งคู่เห็นโอกาสเหมาะก็พยักหน้าให้สัญญาณ ก่อนที่จะเตะตัดขาทหารยามทั้งสองจนหงายหลังและกดด้วยผ้าที่เต็มไปด้วยยามึนเมา
ทหารยามทั้งสองถูกผ้าปิดปากและจมูกเอาไว้ ทำให้ส่งเสียงไม่ได้ เมื่อทั้งสองสูดดมยาเข้าไปก็เริ่มหมดสติไปทันที
“น่าจะสลบไปจนเช้า”
ลี่เยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เธอหนิบขวดเล็กๆ ที่ใส่หมึกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และเอาพู่กันอันเล็กออกมา จุ่มหมึกและเขียนลงไปบนหน้าทหารยามทั้งสอง
“เสร็จแล้ว”
ลี่ลี่เองก็ทำเช่นเดียวกัน
ทั้งสองเอาเชือกออกมาจากกระเป๋าสะพายและโยนลงไปจากกำแพงเมือง เพื่อรับตัวทั้งสามคนขึ้นมา
“ตอนนี้ เป้าหมายของพวกเราคือแม่ทัพที่ 1 แห่งประตูซานไห่”
ลี่เยว่ชี้ไปยังหอคอยเฝ้าระวังที่อยู่อีกฝั่งของประตูเวยฉาย และพูดขึ้น
“เราสองคนจะใช้ยามึนเมานี้ทำให้เขาหมดสติ และพวกเธอทั้งสามคนช่วยกันจัดการที่เหลือ”
เธอไม่กล้าที่จะมอบหมายให้ทั้งสามลงมือใช้ยามึนเมากันคนอื่น เพราะหากพลาดทั้งหมดจะถูกจับได้
“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเอง”
หยู่เฟ่ยหยานพูดอย่างจริงจัง
“อือ”
มินโฮขานรับเบาๆ
เว่ยหยูหลันเองก็พยักหน้าเล็กน้อย อย่างเข้าใจ
“งั้นลงมือได้”
ลี่เยว่เป็นคนนำ และย่องออกไปอย่างเงียบเชียบ
โดยมีลี่ลี่เดินตามหลังไปติดๆ โดยทิ้งทั้งสามให้เดินตามหลังมา
ระหว่างทาง สามสาวที่อ่อนต่อโลกแห่งการต่อสู้นั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และรู้สึกประหม่าไปหมด
พวกเธอเรียนรู้และดูสิ่งที่ลี่เยว่กับลี่ลี่ทำ เพราะทั้งสองเป็นผู้มีประสบการณ์
แต่ก่อนพวกเธอมักจะได้เรียนรู้จากมู่เหลียง แต่ตอนนี้พวกเธอต้องลงมือจริงๆ แล้ว ซึ่งมันแตกต่างจากตอนฝึกกับมู่เหลียงมาก
กำแพงเมืองเวยฉายนั้นเชื่อมไปถึงประตูซานไห่ทำให้หญิงสาวทั้งห้าไปถึงได้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
พวกเธอพบว่าทหารยามนั้นขี้เกียจมาก และมักจะรวมตัวกันที่กองไฟเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น และแอบหลับ
ไม่มีใครทำหน้าที่ตรงหอคอยประตูเมืองจริงๆ เลย หากไม่มีเสียงเตือนดังที่ชัดเจนคงไม่มีใครตื่นตัว และยังไม่มีเสียงเตือนภัยแน่นอน
ลี่เยว่กับลี่ลี่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะเล่นงานทหารเฝ้ายามไปทีละคน จนเหลือแค่เว่ยกังเพียงคนเดียว
“ที่เหลือจัดการด้วย”
ลี่เยว่สั่งให้สามสาวจัดการขนย้ายร่างทหารออกไป
“ที่นี้เราไปเล่นงานแม่ทัพกันเถอะ”
ลี่ลี่พูดขึ้นพร้อมกับมองเข้าไปในหอคอยเฝ้าระวัง
“เร็วๆ ลงมือกันเถอะ”
หยู่เฟ่ยหยานหยิบขวดหมึกกับพู่กันออกมา และเริ่มวาดลงบนหน้าทหารยามที่สลบอยู่
“อือ”
มินโฮนั้นมีแววตาเป็นประกาย และคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะได้ฝึกวาดรูป
“....”
เว่ยหยูหลันนั้นกุมมือแน่นด้วยความเป็นห่วงพ่อของเธอ
และหวังว่าพ่อของเธอจะระวังตัวมากกว่านี้ และไม่ตกเป็นเหยื่อของทุกคน
เธอจมอยู่กับความคิดนี้ได้ไม่นาน
เว่ยหยูหลันก็เห้นว่าลี่เยว่กำลังลากชายวัยกลางคนออกมาจากหอคอย และมาหยุดที่ตรงกองไฟ
นั้นคือพ่อของเธอเว่ยกังนั้นเอง
“....”
-เว่ยหยูหลันหันหน้าหนีไม่อยากจะเห็นในส่งที่เกิดขึ้น
เธอรู้ได้เลยว่าพ่อของเธอคงถูกเล่นงานและสลบไปในไม่กี่วินาที
“น้องหลัน หน้าที่นี้ฉันยกให้เธอ”
ลี่เยว่เดินมาเรียกเว่ยหยูหลันที่กำลังขวัญเสีย
“ฉัน…!?”
เว่ยหยูหลันจ้องมองพู่กันกับขวดน้ำหมึกในมือของลี่เยว่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และมองไปยังพ่อของเธออย่างลังเล
“ใช่ รีบวาดเข้า เราจะต้องไปที่ป้อมอีกสองแห่ง”
ลี่เยว่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
เธอไม่คิดว่าเว่ยกังจะไม่ระวังตัวขนาดนี้ และเขาถูกจัดการได้อย่าง่ายๆ โดยไม่มีการขัดขืนเลย
…….
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
เว่ยหยูหลันเม้มปากพร้อมกับจำใจ ก้มลงไปเขียนหน้าพ่อของเธอ
เธอมองไปยังเคราบนใบหน้าและรู้สึกว่ามันเกะกะเกินไปจนวาดไม่ได้
“ถ้าตัดเคราออก คงวาดได้ง่ายขึ้น”
เว่ยหยูหลันบ่นและทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่เธอจะดึงมีดสั้นออกมา และโกนหนวดเคราพ่อของเธอ
“.....”
ทั้งสี่สาวมองดูด้วยสายตาที่ตกตะลึง เมื่อเห็นการกระทำของสาวใช้ตัวน้อย
ลี่เยว่หันมองมินโฮ และใช้สายตาถามมินโฮว่า
‘น้องหลันเกลียดพ่อของเธอขนาดนั้นเลยหรอ’
มินโฮส่ายหัวปฏิเสธ
ลี่เยว่คิดว่าแบบนี้จะไม่เป็นอะไรจริงๆ งั้นหรอ เด็กน้อยเล่นโกนหนวดของพ่อเธอจนหมด
ในฐานะหน่วยผี ลี่เยว่ได้ตรวจสอบข้อมูลของแม่ทัพทุกคนอย่างละเอียด
เธอรู้ว่าเว่ยกังนั้นรักหนวดเคราของตัวเองมาก และมักจะเล็มและจัดทรงหนวดเคราอยู่บ่อยๆ เพื่อให้มันออกมาดูดีต่อหน้าสมาชิกทุกคนในหน่วยของเขา
และเธอเองก็เห็นกับตาและได้ยินกับหูว่าเว่ยกังนั้นชอบหนวดเคราของเขามากๆ เพราะมักพูดกับซูเอ๋ออยู่บ่อยๆ
“ได้เวลาลงมือแล้ว”
เว่ยหยูหลันนั้นปัดมือไปมา พร้อมกับรอยยิ้มอันซุกซนของเธอ และเริ่มขีดเขียนลงบนใบหน้าของเว่ยกัง
ทั้งรอยดำรอบดวงตา จุดดำตามใบหน้า และรอบปาก แถมยังวาดหนวดเคราให้ใหม่อีก
“เรียบร้อย”
เว่ยหยูหลันมองไปยังผลงานชิ้นเอกอย่างภูมิใจ
เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าทั้งสี่สาวกำลังมองเธออยู่ด้วยความทึ่ง ด้วยความสงสัยเธอจึงถามออกไป
“อะไรหรอเจ้าค่ะ?”
“ไม่..ไม่ ไม่มีอะไร”
ลี่เยว่รีบตอบปัดไปทันที
“ใช่ๆ เธอทำได้ดีมากไ
มินโฮพูดขึ้นพร้อมกับยกนิ้วโป้งชม
“พอเถอะเจ้าค่ะ”
เว่ยหยูหลันยิ้มด้วยความเขินอาย
“ไปกันเถอะ เราต้องไปอีกสองป้อมที่เหลือ”
ลี่ลี่เดินนำหน้าออกไป
คือนนี้เป็นการทดสอบป้อมปราการทั้งสามของเมือง
เห็นได้ชัดเลยว่าที่ด่านเวยฉาย กับประตูซานไห่นั้นอ่อนแออย่างมาก และถูกบุกได้อย่างง่ายดาย หากทั้งสี่เป็นศัตรู พวกทหารยามคงตายหมดแล้ว
“ถ้าอีกสองป้อมเป็นเหมือนกันอีก…”
มินโฮเม้มปาก และไม่กล้าพูดต่อ
“หลังจากนั้นพวกเขาจะเจอสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเสียอีก”
หยู่เฟ่ยหยานผายมือออก และเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“....”
เว่ยหยูหลันตัวสั่นเล็กน้อย เมื่อคิดถึงสิ่งที่เธอวาดลงไปบนใบหน้าพ่อของเธอ
พรุ่งนี้พ่อของเธอจะไปหามู่เหลียงด้วยสภาพน่าสมเพชแบบนั้นจริงๆ งั้นหรอ
เว่ยหยูหลันนั้นตัดสินใจว่าช่วงวันหยุดเธอจะไม่กลับไปบ้านสักสองสามวัน และจะกลับไปหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปแล้วสักพัก
“เร็ว พวกเราต้องรีบลงมือ”
ลี่เยว่เตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง