ตอนที่ 1266 เมื่อเร็วๆ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับ หยุนเหมิน
หลินฟาน ออกจากหยุนเหมิน โดยไม่หันกลับไปมองอีก ครั้งนี้ไม่ได้พา หยุน ชิงเย้า ออกไปด้วย ความเร็วของเขาก็เร็วขึ้นมาก ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็เดินออกจากป่าทึบ แล้วกลับออกไปถึงหมู่บ้านชิงหนิว
แผนของ หลินฟาน คือ กลับไปที่เมืองเฟิ่งเซี่ยนก่อน เพื่อรับรถ Rolls-Royce ของเขาคืน และถึงตอนนั้นมันคงจะมืดแล้วเหมือนกัน ดังนั้น เขาคงต้องหาที่พักสักคืนหนึ่ง แล้วค่อยออกเดินทางกลับไปยังเมืองหยุนเฉิงในวันรุ่งขึ้น อีกอย่างเมื่อคืนเขาเองก็ไม่ได้นอนมาทั้งคืน…
ครั้งนี้.. เขาก็ได้เดินทางมาไกลหลายพันลี้กว่าจะมาถึงหยุนเหมิน สุดท้ายแล้วเขาก็พอใจที่แก้ไขปัญหาของหยุนเหมินได้ มิฉะนั้นเขาเองคงถูกหยุนเหมินตามมารังควานก่อกวนไม่เลิก และบางครั้งอาจจะถึงขั้นสร้างปัญหาให้กับเขาได้ในอนาคต ตัวเขาไม่สามารถทําลายหยุนเหมิน ได้เหมือนกับ ชายใบหน้าเหลี่ยมผู้นั้น และถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถนี้ ก็ตาม..
ในความเป็นจริง ถึงแม้ว่า หลินฟาน จะมีความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่เขาก็ไม่เคยฆ่าคน ในฐานะที่เป็นเยาวชนที่ได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด และเขาก็เชื่อว่ามันมีวิธีที่มีอารยะมากกว่านี้ ในการแก้ปัญหา และแน่นอนว่า ..การฆ่าสังหาร มันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยง แต่มันก็เว้นเสียแต่จะหลีกเลี่ยงมันไม่ได้จริงๆ
การหยุดสงคราม หรือการยุติสงครามด้วยสงคราม ล้วนเป็นวิธีการแก้ปัญหาของสงคราม หากคุณเลือกที่จะยอมจำนนโดยไม่สู้ นั่นก็คือ สิ่งที่ดีที่สุด และแน่นอนว่าการยุติสงครามด้วยสงครามนั้น มักจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
ตัวอย่างเช่น การปรากฏตัวของ ชายใบหน้าเหลี่ยมผู้นั้น หลินฟาน ได้เห็นเขาฆ่าผู้บริสุทธิ์ไปอย่างไร้ความปราณี และในที่สุดเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้า ..เพราะเขาต้องการช่วยหยุนเหมิน และแก้ไขความขัดแย้งกับหยุนเหมิน ซึ่งตอนนี้มันก็ได้รับการแก้ไขแล้ว
หยุนเหมิน ไม่เพียงแต่จะยกเลิกคำสั่งไล่ล่า เย่ เทียนอวี้ เท่านั้น แต่ยังต้องการรับเขาเข้ามาเป็นลูกเขยอีกด้วย
เมื่อนึกถึงส่วนนี้ หลินฟาน ก็อดจะหัวเราะไม่ได้..
เพราะวันก่อน เขา กับหยุน ชิงเย้า ยังเป็นศัตรูกัน มาวันนี้ก็มาถูกจับคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้มันดูรวดเร็วเกินไปจริงๆ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจ หยุน ชิงเย้า.. เมื่อเห็นใบหน้าอันสวยสดงดงามของ หยุน ชิงเย้า แล้ว เขาในฐานะผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งจะไปนิ่งเฉยได้อย่างไร? ขนาดแม้แต่ พระถัง ต่อหน้า ราชินีเมืองแม่ม่าย ก็เกือบจะเสียความคิดตนเองไป ถึงขนาดคล้อยตามจนทำให้อารมณ์นำพาไป และเขา.. ก็ไม่ใช่ พระถัง ตรงกันข้าม เขาชื่นชอบสาวงาม และเขาก็ไม่เคยมีความคิดที่จะสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้านสาวงามแต่อย่างใด
แต่น่าเสียดายที่กฎเกณฑ์การแต่งงานที่แปลกประหลาดของชนเผ่าหยุน ทําให้เขา กับหยุน ชิงเย้า ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกัน..
หลินฟาน คิดว่า ถ้าชนเผ่าหยุนไม่มีกฎเกณฑ์การแต่งงานนี้ และถ้าเกิด ตระกูลหยุน ต้องการให้เขาแต่งงาน กับหยุน ชิงเย้า ถึงตอนนั้น เขาจะตอบตกลงหรือไม่กัน?
คําถามนี้ หลินฟาน ไม่สามารถตอบได้ในทันที
จะบอกว่าเขาไม่เสียใจ แต่ก็ใช่ว่า เขา.. จะปราศจากความเสียใจ...
หลินฟาน ยิ้มอย่างขมขื่น และรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว : “ช่างเถอะ เดินออกมาแล้ว อนาคต.. คงไม่มีโอกาสได้พบเจอเธออีก จริงๆ คําถามนี้จะไปมีประโยชน์อะไร เลิกคิดได้แล้ว ถึงเวลาต้องเริ่มบทใหม่แล้ว”
หลินฟาน พึมพํา และเดินก้าวไปข้างหน้า.. เขากำลังจะกลับไปที่เมืองหยุนเฉิงแล้ว
และจากนี้ไป, อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องเขาจะยุ่งมันให้น้อยลง.. แผนการของเขาคือ หลังจากกลับไปที่หยุนเฉิงแล้ว เขาจะมุ่งมั่นที่จะบริหารกลุ่ม หยงจิ่ว ให้ดี และทําภารกิจหลักของระบบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็คือการสร้างอาณาจักรธุรกิจล้านล้าน!
ตอนนี้ หลินฟาน ได้ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน และเขาแค่ต้องการอยากกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง ..โดยเร็วที่สุด
หลังจากออกจากป่ามาได้ไม่นาน หมู่บ้านชิงหนิว ก็ปรากฏให้เห็นอยู่ข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม...
เมื่อ หลินฟาน เข้าใกล้หมู่บ้านชิงหนิว เขาก็พบว่าหมู่บ้านบนภูเขาที่เงียบสงบอย่าง หมู่บ้านชิงหนิว วันนี้กลับดูคึกคักขึ้นมา
บนพื้นที่ใช้ตากอาหารแห้งของชาวบ้านตรงทางเข้าหมู่บ้าน ในขณะนี้ ชาวบ้านในหมู่บ้านชิงหนิวทั้งหมดต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ คาดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งหมดจะคุกเข่าลงไปกับพื้น ทั้งแต่ละคนก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนก และหวาดกลัวออกมา
มีคนสามคน เป็นชายสองคน และหญิงอีกหนึ่งคน กำลังจ้องมองไปที่พวกชาวบ้าน
ผู้นํากลับเป็นชายที่มีตาสามเหลี่ยมคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาได้เรียบนิ่ง มือข้างหนึ่งจับชายชราคนหนึ่งเอาไว้ : “ตาแก่ คนในหมู่บ้านมากันหมดหรือยัง?”
ชายชรา ตกใจจนตัวสั่น และได้พูดว่า : “น.. น่าจะครบแล้ว”
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม กล่าวว่า : “ดี.. ตอนนี้คุณบอกฉันมาได้ไหมว่า หยุนเหมิน อยู่ที่ไหน?”
ชายชราพูดด้วยสีหน้าขมขื่นไปว่า : “ฉันพูดไปแล้วฉันไม่รู้ และฉันก็ไม่รู้จริงๆ..”
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ฮึ่มเสียง แล้วพูดไปว่า : “ดูเหมือนว่าไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ สินะ ตอนแรกฉันอารมณ์ดีๆ เลยอยากถามคุณไป และถ้าแค่คุณตอบคำถามของฉันออกมาตรงๆ แค่นั้นมันก็ไม่เป็นไรแล้ว มาตอนนี้.. จงจำไว้ว่าความผิดของเรื่องนี้ทั้งหมดมันเป็นเพราะคุณ..”
เมื่อพูดวกไปวนมาจนจบ ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ก็หันไปสบตากับชายอีกคน
ชายอีกคนมีอายุสามสิบปี รูปร่างผอมบาง และมีรอยยิ้มขี้เล่นประดับอยู่บนใบหน้าของเขา
แล้วเขาได้มองดูคนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเหมือนกำลังเลือกอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าคนไหนจะดวงซวยโชคร้ายที่ถูกเขาเลือกขึ้นมา
ชาวบ้านที่เห็นเช่นนี้.. ต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก และพากันมองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านที่ได้เรียกพวกเขามาที่นี่ จากนั้นจึงได้รู้ว่า หัวหน้าหมู่บ้านได้ถูกควบคุมโดยสามคนนี้ ซึ่งก็คือชายชราที่ตอนนี้ตกไปอยู่ในมือของ ชายที่มีตาสามเหลี่ยม
ทั้งสามคน ได้เข้าข่มขู่หัวหน้าหมู่บ้าน และขอให้ทุกคนคุกเข่าลงไปกับพื้น ซึ่งด้วยความกลัวพวกเขาจึงได้ทำตามทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามัน ..เกิดอะไรขึ้น
“ชาวบ้านที่รักทุกท่าน สถานการณ์ปัจจุบันของพวกคุณนั้น มันก็ได้แต่ต้องโทษหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณเอง และฉัน.. ได้ถามคำถามเขาไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมตอบฉันมา เช่นนั้นฉันก็ได้แต่ต้องเรียกทุกคนให้มารวมกันที่นี่ เพื่ออยากที่จะขอให้ทุกคนได้ช่วยฉันเกลี้ยกล่อมหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณ..” ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ได้พูดเสียงดังออกไป
เกลี้ยกล่อมหัวหน้าหมู่บ้าน?
เกลี้ยกล่อมอะไร?
ทุกคนไม่รู้ แต่จู่ๆ เมื่อเห็นชายร่างผอมเดินเข้ามาในฝูงชน ทันใดนั้นก็ดึงกระฉากผมของหญิงสาวคนหนึ่ง และดึงเธอขึ้นมา
หญิงสาวคนดังกล่าวถึงกับตกใจ กรีดร้องออกมา แต่เธอก็สู้ไม่ไหวถูกชายรูปร่างผอมฉุดดึงออกมา ใบหน้าของเธอก็ได้ซีดเผือกด้วยความตกใจไปอยู่พักใหญ่
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ได้หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า : “เนื่องจากหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณ ..ดื้อรั้น ฉันจึงทําได้แค่วิธีนี้เท่านั้น และฉันก็จะทรมานพวกคุณไปทีละคนจนกว่าหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณจะพูดบอกคําตอบที่เราอยากรู้ ดังนั้น.. ถ้าพวกคุณไม่อยากถูกทรมานทางที่ดีก็ควรเกลี้ยกล่อมหัวหน้าหมู่บ้านของพวกคุณ ..จะดีกว่า”
ขณะนั้นหญิงสาวคนดังกล่าวก็ตะโกนด้วยความตกใจ : “หัวหน้าหมู่บ้าน ช่วยด้วย หัวหน้าหมู่บ้าน ช่วยฉันด้วย!”
หัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อเห็นทุกคนตกใจทั้งหวาดกลัวกระวนกระวาย ก็พูดไปว่า : “ขอร้องพวกคุณเถอะ ปล่อยทุกคนไปเถอะ แม้ว่าพวกคุณจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด ฉันก็ไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ!”
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม พูดว่า : “คุณไม่รู้ แล้วใครในหมู่บ้านของคุณรู้?”
หัวหน้าหมู่บ้าน กล่าวว่า : “อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเขาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว พวกคุณจะลองถามพวกเขาดูไหม?”
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ก็กวาดตามองไปที่ทุกคน แล้วพูดว่า : “พวกเราสามคนกำลังมองหา หยุนเหมิน ..อยู่ ในหมู่พวกคุณมีผู้ใดรู้จัก หยุนเหมิน บ้างหรือไม่.. ถ้ารู้แล้วริเริ่มจะยืนขึ้น มันก็จะช่วยผู้คนทั้งหมู่บ้านของคุณได้ ไม่เช่นนั้น.. อย่าได้มาตำหนิเราเลยที่หยาบคาย!”
ชาวบ้านมองหน้ากัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่รู้ว่า หยุนเหมิน อยู่ที่ไหน และพวกเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชายที่มีตาสามเหลี่ยม คนนั้น ..พูดอะไร
มีเพียงคนเดียวที่ก้มศีรษะลง และตัวสั่นอยู่
คนคนนี่ก็คือคนพิการ คนที่ หลินฟาน จับได้ในคืนนั้น คนพิการคนนี้คือ คนที่เป็นหู เป็นตาของ หยุนเหมินที่แฝงตัวอยู่ที่นี่ และมีเพียงเขาเท่านั้นในหมู่บ้านชิงหนิว ที่รู้ว่า หยุนเหมิน.. อยู่ที่ไหน
ในเวลานี้คนพิการกำลังตื่นตระหนกอยู่ในใจ เมื่อเร็วๆ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับหยุนเหมิน สองวันนี้มีคนมากมายที่กำลังมองหาหยุนเหมิน ทั้งเมื่อคืนก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปในภูเขา และตอนนี้ก็มีสามคนนี้อีก
และสิ่งที่แตกต่างจาก หลินฟาน ก็คือ ทั้งสามคนนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี
เขากำลังคิดดิ้นรน แต่สักพักเขาก็ยังไม่กล้าลุกขึ้นไป
พอเห็นว่าไม่มีใครตอบ ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ก็รู้สึกไม่พอใจมาก : “อย่าบอกว่าฉันไม่เคยให้โอกาสพวกคุณ ในเมื่อไม่มีใครยอมยืนขึ้น งั้นก็อย่าได้มาว่าฉันหยาบคาย!”
เขาได้ขยิบตาให้กับ ชายร่างผอม อีกครั้ง.
ชายร่างผอม ได้ยิ้มหัวเราะออกมาอย่างน่ากลัว และเขาได้เอื้อมมือไปจับปกเสื้อของหญิงสาวคนดังกล่าว และฉีกกระชากออกอย่างรุนแรง
พอมีเสียง ‘แคว่ก ควั่ก’ เสื้อผ้าของหญิงสาวดังกล่าวก็ขาด เผยร่างกายของหญิงสาวครึ่งหนึ่งออกมา
“อ๊า!” หญิงสาวได้ตะโกนร้องออกมาด้วยความกลัว ความอัปยศอดสูแบบนี้ แม้ว่าเธอจะถูกฆ่าตายมันก็ยากที่จะทำให้เธอยอมรับได้
เห็นเช่นนี้ หัวหน้าหมู่บ้าน ก็มีสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา
ชายที่มีตาสามเหลี่ยม ได้พูดหัวเราะออกไปว่า : “ว่าไงตาแก่.. คุณยังไม่ยอมพูดมันออกมาอีกใช่ไหม ..โอ้ เช่นนั้น ฉัน.. ก็ไม่รังเกียจที่จะถลกเปลื้องผ้าของเธอออก ทั้งหมด”
ต้องบอกว่าวิธีการของทั้งสามคนนี้ มันต่ำทรามเกินไป
เมื่อเห็นว่า ชายร่างผอม กำลังจะก้าวขึ้นไป..
“พวกคุณกำลังมองหาหยุนเหมิน ใช่ไหม? ..ผมรู้”
ในจังหวะนั้น ..เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้น