1052 - ตัดเย็บชุดวิวาห์
1052 - ตัดเย็บชุดวิวาห์
ในเวลานี้หัวใจของเขาเต้นแรง ทุกอย่างน่าเหลือเชื่อมาก เมื่อสองพันห้าร้อยปีที่แล้วในตอนที่ไท่ซ่างเหล่าจวินเดินทางไปทิศตะวันตก ปราณสีม่วงได้ติดตามเขาไปเป็นระยะทางกว่าสามหมื่นลี้ หลังจากนั้นเขาก็หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์จีนจนมาถึงปัจจุบัน
เป็นไปได้ไหมว่าสิ่งที่เรียกว่าด่านหานกู่ที่ไท่ซ่างเหล่าจวินพบเจอในตอนนั้นคือถนนสู่ทุ่งดวงดาวอันยิ่งใหญ่
“การเดินทางไปตะวันตก” อาจเป็นระยะทางที่เย่ฟ่านคาดไม่ถึง
ราชากระทิงสูงตระหง่านราวกับภูเขาอันยิ่งใหญ่ และเสียงของมันเหมือนเสียงลั่นกลองที่ดังก้องไปทั่วโลก
“ตั้งแต่ออกจากช่องเขาฮั่งกู่ไปทางทิศตะวันตก มีใครรู้หรือไม่ว่าเราผู้เฒ่านอนหลับไหลไปกี่ปีแล้ว” เสียงราชากระทิงเหมือนฟ้าร้อง ดวงตากลมโตของมันกวาดมองไปรอบๆ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก รัศมีพลังของกระทิงตัวนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาที่เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่หลายเท่า บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะก็ได้
หยินเทียนเต๋อยังอยู่ในความงุนงง เห็นได้ชัดว่าเขาครอบครองหม้อดินเผานี้มานานแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าจะปลดปล่อยสัตว์ประหลาดแบบนี้ออกมา
ราชามนุษย์และราชาอีกาทองหยุดการต่อสู้ไปแล้ว ท้ายที่สุดราชากระทิงที่อยู่ตรงหน้าอาจเป็นถึงสิ่งมีชีวิตอมตะ การต่อสู้ของพวกเขาดูเหมือนจะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ในระยะไกล การต่อสู้ระหว่างนักพรตชิงกู่และราชาแห่งแสงยังคงดำเนินต่อไป ทั้งสองไม่ได้รับผลกระทบใดๆ พวกเขายังคงมุ่งมั่นที่จะคว้าคัมภีร์ครึ่งหน้านั้นไว้ให้ได้
“ผู้อาวุโส…”
เย่ฟ่านส่งเสียงเรียก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ต้องเข้าใจว่านั่นคือสิ่งมีชีวิตที่มาจากโลกเดียวกันกับเขา และมันทำให้เขาอดที่จะเกิดความสนิทสนมกับฝ่ายตรงข้ามไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่นี่ไม่มีใครรู้จักสิ่งมีชีวิตอมตะเท่ากับเย่ฟ่านอีกแล้ว และรัศมีพลังของราชากระทิงที่อยู่ตรงหน้าเห็นได้ชัดว่ายังอยู่ห่างจากขอบเขตแห่งความเป็นอมตะเล็กน้อย
ที่สำคัญที่สุดคือมันถูกเรียกออกมาโดยหยินเทียนเต๋อ บางทีมันอาจจะถูกเขาควบคุมโดยไม่สามารถต้านทานได้
“เจ้าเป็นใคร?”
ราชาอีกาทองถามอย่างเฉยเมย แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังแต่เขาซึ่งเกือบจะเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะไม่ได้เกิดความหวั่นเกรงแต่อย่างใด
“ราชากระทิง ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เจ้ามาจากทวีปใด เป็นผู้บ่มเพาะจากดาวดวงใดในทุ่งดวงดาวแห่งนี้?”
ราชามนุษย์เป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุด และการที่เขาไม่รู้จักราชากระทิงก็แสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาจากดาวดวงนี้อย่างแน่นอน
ในที่สุดราชากระทิงก็หายจากความสับสน เขากวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะหยุดอยู่ที่หยินเทียนเต๋อ
“ใครเรียกราชาคนนี้ออกมา โอ้ กลายเป็นเจ้า บอกมาสิเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร เราผู้เฒ่าไม่ใช่ร่างจริงและมีเวลาเพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น หากมีอะไรก็รีบบอกมา”
“ราชากระทิงผู้ยิ่งใหญ่โปรดแย่งชิงครึ่งหน้าของคัมภีร์ส่วนนั้นมาให้ข้าด้วย”
เสียงของหยินเทียนเต๋อต่ำและแหบแห้ง เขาพยายามสงบจิตใจของตัวเองลงแม้ว่าภาพที่เห็นจะค่อนข้างแปลกประหลาดก็ตาม
“เอาล่ะ! วัวตัวนี้มีพลังการต่อสู้เพียงหนึ่งชั่วยามแต่ก็สามารถจัดการคนเหล่านี้ได้อย่างเหลือเฟือ” ราชากระทิงกล่าว
จากนั้นเขาก็คำรามทำให้ทะเลสีเงินเกิดความปั่นป่วนอย่างที่สุด
“คุยโตโอ้อวด” ราชาอีกาทองไม่แยแสสีหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง
“พูดจาใหญ่โต เจ้าคงไม่รู้สินะว่าคำว่าตายสะกดอย่างไร” ราชามนุษย์แค่นเสียงอย่างเย็นชาเช่นกัน
“ข้าไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายพันปีแล้ว ในตอนที่ข้ายังท่องเที่ยวอยู่ในโลกพวกเจ้าเป็นเพียงเด็กทารกเท่านั้น” ราชากระทิงคำรามด้วยความโกรธ
“มออออ!”
ดวงดาวทั่วท้องฟ้าเริ่มสั่นไหว ความผันผวนแห่งพลังที่ปะทุออกมาจากร่างของเขาทำให้สีหน้าของราชาทั้งสี่คนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ราชากระทิงสะบัดร่างกายไปมาและทำให้ตัวเห็บนับหมื่นตกลงบนพื้น เห็ดเหล่านี้เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นกระทิงสีเขียวร่างกายแข็งแกร่ง ฐานการบ่มเพาะของพวกมันล้วนอยู่ในระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิ้น
จิตใจของเย่ฟ่านกระวนกระวายมาก นั่นคือหนึ่งในเทพโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดของจีน แต่อีกฝ่ายกลับทำตามคำบัญชาของหยินเทียนเต๋อ
“เชี้ยง…”
ราชาอีกาทองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ขนอีกาทองนับหมื่นเส้นของเขาระดมยิงเข้าหาวัวสีเขียวระดับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น
ปัง!
ราชากระทิงพ่นลมหายใจสีเขียว เสียงคำรามของเขากลายเป็นคลื่นทำลายล้างที่ปะทะกับเส้นขนสีทองกลางท้องฟ้า พลังที่เกิดจากการปะทะกวาดออกไปรอบทิศทางทำให้ทะเลสีเงินเกิดความปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น
“ลูกหลานกระทิงของข้า บดขยี้คนเหล่านี้ให้บิดาเจ้า!”
ราชากระทิงกระแทกตรีศูลลงพื้น จากนั้นฝูงวัวกระทิงสีเขียวก็พุ่งเข้าหาราชาทั้งสี่โดยปราศจากความกลัว
ครืน!
ราชาอีกาทองขยับปีกสีดำและกวาดพลังศักดิ์สิทธิ์ลงสู่เบื้องล่าง
กระทิงสีเขียวนับร้อยนับพันกรีดร้อง แม้กระทั่งสีหน้าของราชากระทิงก็ยังบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
“ไอ้หนูมอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าให้ข้า ข้าไม่ใช่เซียน ข้าต้องมีอาวุธถึงจะต่อต้านเขาได้ อย่ากังวลไปเลยข้ามีเวลาเพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น เมื่อร่างของข้าหายไปอาวุธศักดิ์สิทธิ์จะกลับคืนสู่เจ้าเหมือนเดิม”
ปีกสีดำของราชาอีกาทองน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ราชากระทิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องร้องขออาวุธศักดิ์สิทธิ์จากหยินเทียนเต๋อ
หยินเทียนเต๋อก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะโยนหม้อดินเผาเข้าหาราชากระทิงที่ยืนตระหง่านค้ำสวรรค์
หลังจากได้รับหม้อวิเศษแล้วราชากระทิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องกังวล ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือนี้ ข้าจะเอาคัมภีร์โบราณครึ่งหน้าทั้งสองส่วนมาให้เจ้าอย่างแน่นอน” ราชากระทิงแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของหม้อโบราณออกมา
“หยินเทียนเต๋อคนนี้เจ้าเล่ห์จริงๆ เขาสามารถควบคุมราชากระทิงให้ต่อสู้แทนได้!” หลี่เทียนไม่พอใจเล็กน้อย
เอี๋ยนอี้ซีและคนอื่นๆ ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ วัวสีน้ำเงินตัวนี้คู่ควรกับอาการเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ หากฝ่ายตรงข้ามไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์รับรองว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
“เหล่าจื๊อและศากยมุนีอยู่ที่ไหน เหตุใดราชากระทิงจึงมาอยู่ที่นี่?” เย่ฟ่านเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก
“เจ้าของดั้งเดิมของวังไป๋จิงเป็นใคร นี่คือวัวของเขาหรือ?” หลี่เทียนถาม เพียงจากฟังคำรำพึงของเย่ฟ่านเขาก็พอจะจับสาระสำคัญได้
“เขามาจากอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว เขาเป็นคนโบราณจากบ้านเกิดของข้า มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นซึ่งทำให้การรับรู้ของข้าเกี่ยวกับคนเหล่านี้เปลี่ยนไป” เย่ฟ่านถอนหายใจเบาๆ
ขณะอยู่เหนือทะเล นักพรตชิงกู่และราชาแห่งแสงถอยห่างจากกัน พวกเขาต่อสู้กันมาหลายหมื่นกระบวนท่าและยังไม่มีท่าทีว่าจะได้รับชัยชนะ ดังนั้นพวกเขาจึงเกิดความเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย
ทันใดนั้น มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสนามรบ ครึ่งหน้าของคัมภีร์โบราณที่ราชาแห่งแสงคว้าไว้ได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับการก่อตัวของเมฆสีแดงงดงาม
จากนั้นมีมือที่ใสสะอาดข้างหนึ่งยื่นออกมาคว้าคัมภีร์ก่อนจะควบคุมกลุ่มเมฆสีแดงหลบหนีออกจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
“ร่างแยกของหยินเทียนเต๋อลงมือแล้ว!”
เย่ฟ่านสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเพชรสีแดงในทะเลแห่งความทุกข์ของเขากำลังสั่นไหว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเจ้าของมือที่อยู่ในเมฆสีแดงข้างนั้นจะต้องเป็นหยินเทียนเต๋ออีกคนอย่างแน่นอน
ราชาแห่งแสงตะโกนเสียงดัง ร่างของเขากลายเป็นรุ้งยาวที่ไล่ตามเมฆสีแดงไปด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
นักพรตชิงกู่ก็มีความโกรธแค้นไม่แพ้กัน เขาไล่ตามราชาแห่งแสงออกไปด้วยความเร็ว แต่ในขณะนี้ได้มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งสามคนปรากฏตัวออกมาจากเมฆสีแดงเพื่อปิดกั้นความเคลื่อนไหวของเขา
คนแรกเป็นชายชราเส้นผมสีขาวหลังงองุ้ม อีกคนเป็นชายชราเส้นผมสีเทาถือไม้เท้าสีเขียว และอีกคนมีหนวดเคราแข็งทื่อเป็นชายร่างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความดุร้าย
รัศมีพลังของคนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าอ่อนแอกว่ายอดฝีมือระดับราชาเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพวกเขาลงมือโจมตีนักพรตชิงกู่และราชาแห่งแสงทันทีที่ปรากฏตัวออกมา
“ปัง!”
ชายชราทั้งสามคนไม่สามารถต้านทานการโจมตีของนักพรตชิงกู่และราชาแห่งแสงได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ร่างกายของพวกเขาแหลกละเอียดแม้กระทั่งวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถูกทำลายไปด้วย
อย่างไรก็ตามด้วยการลงมือของพวกเขานั้นทำให้เมฆสีแดงที่อยู่บนฟ้าเคลื่อนตัวจากไปโดยที่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองไม่มีโอกาสไล่ตามทัน
เอี๋ยนอี้ซีและคนอื่นๆ รู้สึกตกใจเล็กน้อยพวกเขาเตรียมที่จะขยับเคลื่อนไหวทันที
“ไม่เป็นไร หยินเทียนเต๋อก็แค่ตัดเย็บชุดวิวาห์ให้ข้าเท่านั้น”
เย่ฟ่านกล่าวอย่างเย็นชา ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวในทักษะซิงจื่อและไล่ตามเมฆสีแดงไปอย่างรวดเร็ว
………..