บทที่ 35 ตำหนักยมบาลในสำนักตงฉ่าง
บทที่ 35 ตำหนักยมบาลในสำนักตงฉ่าง
"ร้านเย็บศพหมายเลขสาม พร้อมที่จะเย็บศพ..."
"ร้านเย็บศพหมายเลขเจ็ด พร้อมที่จะเย็บศพ..."
"ร้านเย็บศพหมายสิบสอง พร้อมที่จะเย็บศพ..."
เนื่องจากการหยุดพักเมื่อคืน ทำให้คืนนี้ ดูเหมือนจะมีศพเป็นจำนวนมาก และช่างเย็บศพเกือบทั้งหมดมีงานต้องทำ
มีเพียงหยางจิ่วเท่านั้นที่ไม่ต้องเย็บศพ
ดูเหมือนว่าคืนนี้สำนักตงฉ่างคงจะไม่ได้มอบศพให้เขา แม้ว่าจะน่าเสียดาย แต่เขาก็สามารถเข้านอนแต่หัวค่ำได้
การเข้านอนแต่หัวค่ำถือว่าเป็นพรอันประเสริฐ และจำเป็นต้องได้รับการทะนุถนอมอย่างยิ่ง
ขณะที่เขากำลังจะกลับห้องไปนอน เขาก็เห็นเจ้าหน้าที่อีกสองคนจากสำนักตงฉ่างเข้ามา
แต่สิ่งที่พวกเขาบรรทุกไม่ใช่ศพ แต่เป็นฉางกวนเฟิง
"ใต้เท้าหยาง ท่านช่วยเปิดประตูร้านให้ข้าหน่อยได้ไหม?" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งตะโกนถามด้วยความเคารพ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าหน้าที่ของสำนักตงฉ่าง แต่หลังจากที่เว่ยจงเซียนปฏิรูประบบช่างเย็บศพหยางจิ่วซึ่งเป็นขุนนางขั้นหก ก็มีขั้นขุนนางสูงกว่าพวกเขามาก
หยางจิ่วย่อมเต็มใจช่วยเหลืออยู่แล้ว เขาเดินไปเปิดประตูร้านเย็บศพหมายเลขสอง แล้วถามว่า "มีอะไรเกิดกับท่านซ่างกวน?"
ฉางกวนเฟิงเพิ่งตกอยู่ในอาการโคม่า แต่ชีวิตของเขายังไม่ตกอยู่ในอันตราย
"เป็นเพราะการเย็บศพ"
"เย็บศพ?"
"พูดตามตรง ในลานด้านหลังของสำนักตงฉ่างของเรามีลานผีสิง ข้าได้ยินมาว่า ศพทั้งหมดที่นอนอยู่ในนั้น เป็นศพที่ไม่สามารถเย็บได้ ยิ่งเราค้างคาศพไว้มากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลต่อโชคของจักรวรรดิเว่ยอันยิ่งใหญ่เท่านั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ว่าการได้สั่งให้ช่างเย็บศพระดับขุนนางเทียน มุ่งความสนใจไปที่การพิชิตศพเหล่านั้น” เจ้าหน้าที่ประจำสำนักตงฉ่างอีกคนมักจะปากเสีย และเมื่อหยางจิ่วถาม เขาก็จะเล่าต่อไปเรื่อย ๆ
หยางจิ่วคือขุนนางเทียนระดับเก้า และฉางกวนเฟิง คือขุนนางเทียนระดับหก จะเห็นได้ว่า ระดับการเย็บศพของฉางกวนเฟิงนั้นสูงกว่าหยางจิ่วมาก
(ขุนนางมีสี่ขั้นนะครับ กันลืม ขุนนางหวงขั้นเก้า ขุนนางซวนขั้นแปด ขุนนางตี้ขั้นเจ็ด ขุนนางเทียนขั้นหกหยางจิ่วเป็นขุนนางขั้นหกระดับเก้า ฉางกวนเฟิงเป็นขุนนางขั้นหกระดับหก ท่านปู่สามเป็นขุนนางขั้นหกระดับสอง หากใครเป็นขุนนางขั้นหกระดับหนึ่ง จะเทียบได้กับขั้นสี่ของราชสำนัก)
ศพที่ฉางกวนเฟิงจัดการไม่ได้งั้น้หรอ มันน่ากลัวขนาดไหนกันนะ?
ถ้าข้าได้เห็นมันด้วยตาของข้าเองละก็
ดวงตาของหยางจิ่วเป็นประกาย
"ใต้เท้าหยาง ทำไมท่านดูตื่นเต้นจัง?"
"ข้าได้ยินมาว่าเมื่อใต้เท้าหยางพักผ่อนแล้ว ท่านจะถูกเรียกให้ไปปราบศพเหล่านั้น"
หลังจากพูดจบ เจ้าหน้าที่ทั้งสองก็ส่งชางกวนเฟิงไปที่ร้านเย็บศพหมายเลขสอง
หยางจิ่วต้องการขอให้เจ้าหน้าที่สองคนนี้ส่งข้อความไปให้สำนักตงฉ่าง อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเลย
แต่ผู้บังคับบัญชาจะจัดการอย่างไรนั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับหยางจิ่วที่จะตัดสินใจ
เป็นเวลาสามวันติดต่อกัน ที่สำนักตงฉ่างไม่ได้แจกจ่ายศพให้หยางจิ่ว
นอนกลางคืนเที่ยวเมืองฉางอันตอนกลางวัน แม้ชีวิตจะสบาย แต่พอไม่ได้เย็บศพ เขาก็มักรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวตลอดเวลา
ในคืนที่สี่ก่อนที่มันจะมืด เสี่ยวซวนจื่อมาเชิญหยางจิ่วเป็นการส่วนตัวเพื่อเย็บศพ
ลานผีสิงที่เจ้าหน้าที่สำนักตงฉ่างกล่าวถึงมีชื่อว่า ตำหนักยมบาล(หยานลั่วเตี้ยน)
ตำหนักยมบาลนั้นใหญ่มาก มีเรือนนับพันหลังและมีศพมากกว่า 500 ศพ
ศพทั้งหมดถูกบรรจุในโลงศพหยกเย็น แม้เวลาจะผ่านไปหลายพันปี ศพเหล่านี้ก็ไม่เน่าเปื่อย
หยกเย็นนั้นหายากมาก แต่ใครจะคิดว่า จะมีโลงศพที่ทำจากหยกเย็นเกือบพันโลง ณ ตำหนักยมบาลใน สำนักตงฉ่าง
หากศพที่ไม่ได้เย็บไม่ได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ มันง่ายมากที่ทำให้ศพเปลี่ยนกลายเป็นผีดิบ ซึ่งจะทำให้เกิดผลที่ตามมาอย่างไม่สามารถแก้ไขได้
ไม่ว่าจะเป็นชิงบู(กรมยุติธรรม) ลิ่วซ่านเหมิน(สำนักกองปราบที่หก) จินยี่เหว่ย(องครักษ์เสื้อแพร) หรือแม้แต่ทั่วทั้งอาณาจักร ศพที่ไม่สามารถเย็บได้จะถูกส่งมาที่สำนักตงฉ่าง
หากช่างเย็บศพในสำนักตงฉ่างไม่สามารถเย็บได้ ศพจะถูกเก็บไว้ในตำหนักยมบาล และปล่อยให้ช่างเย็บศพที่ยอดเยี่ยมรุ่นต่อไป ทำงานอย่างหนักเพื่อพิชิตมัน
ยิ่งเก็บศพมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ว่าการเว่ยจงเซียนก็ปวดหัวมากขึ้นเช่นกัน
ระดับโดยรวมของช่างเย็บซากศพรุ่นปัจจุบันไม่สูงนัก และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีความสามารถเช่นท่านปู่สาม
"ใต้เท้าหยาง ศพในตำหนักยมบาลยังแบ่งเป็น เทียน(สวรรค์) ตี้(โลก) และหวง(มนุษย์) ศพที่ใต้เท้าฉางกวนเย็บไม่สำเร็จเมื่อสองสามวันก่อน อยู่ในห้องหมายเลข 20 ของอักขระหวง" เซียวซวนจื่อกระซิบที่หน้าประตู.
หยางจิ่วยิ้มและพูดว่า "ตกลง ข้าจะลองดู"
“ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้ขอให้ท่านเย็บศพนั้น แต่ยิ่งจำนวนเลขห้องมากเท่าไหร่ อันตรายของศพก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น ข้าหวังว่าท่านจะเย็บศพห้องอักขระหวง หมายเลข 291 ได้” เสี่ยวซวนจื่อเต็มไปด้วยความกังวล ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการให้เกิดอะไรขึ้นกับหยางจิ่ว
หยางจิ่วกล่าวขอบคุณ เปิดประตูและเดินเข้าไปในตำหนักยมบาล
เสี่ยวซวนจื่อไม่ได้ไปไหน แค่รออยู่หน้าประตู
ตำหนักยมบาลเต็มไปด้วยเรือนที่เป็นแถว ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีสวน หรือหินประดับสวน รู้สึกเหมือนเรือนเหล่านี้ อัดแน่นกันเหมือนเมล็ดข้าวโพด เหลือแต่ทางเดินแคบๆตรงกลางให้คนเดิน
เมฆมืดปกคลุมดวงจันทร์
โคมไฟสีแดงกะพริบถี่ๆ
รอบๆ เงียบมากจนน่าขนลุก
เงียบจนหยางจิ่วได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าของเขาเอง
ทันใดนั้น เขาก็เห็นห้องหมายเลข 20 อักขระหวง
ถ้าเขาต้องการไปที่ห้องหมายเลข 291 อักขระหวง เขาต้องไปต่ออีกยาวไกล
ฉางกวนเฟิง!
ฉางกวนเฟิงจัดการกับศพนี้ไม่ได้ แต่ถ้าเป็นตัวเขาจัดการเองล่ะ
หยางจิ่วหายใจเข้าลึกๆ เปิดประตู และเดินเข้าไปในห้องหมายเลข 20 อักขระหวง
เจ้าหน้าที่สำนักตงฉ่างที่เฝ้าดูอย่างลับๆ วิ่งไปรายงานเว่ยจงเซียนทันที
"เขาไปที่ห้องหมายเลข 20 อักขระหวง?" เว่ยจงเซียนเพียงแค่หยิบชามชาขึ้นมา แล้ววางมันลงอย่างเบามือ
หยางจิ่วผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ
ตราบเท่าที่หยางจิ่วสามารถเดินออกจากห้องหมายเลข 20 อักขระหวงได้ เว่ยจงเซียนจะต้องพิจารณาเพิ่มอันดับของหยางจิ่ว ไม่ว่าศพจะถูกเย็บหรือไม่ก็ตาม
...
ณ ตำหนักยมบาล.
ห้องหมายเลข 20 อักขระหวง
ห้องไม่ใหญนัก กึ่งกลางห้องมีโลงศพหยกเย็นอยู่ มีโต๊ะและธูปหอมตั้งอยู่ด้านข้าง
หยางจิ่ววางตะเกียงที่เขาถืออยู่ เป่าคบเพลิงให้ลุกโชน แล้วจุดธูปหอม
โลงศพหยกเย็นช่างเย็นยะเยือก
"ขออนุญาต" หยางจิ่วใช้ทักษะภูษาเหล็ก จับฝาโลงศพแล้วดันออกไป
มีศพหญิงสาวนอนอยู่ในโลงศพ
ท้องของศพหญิงสาวถูกผ่าออก แต่เพราะมันถูกรักษาไว้อย่างดี มันจึงยังดูเปื้อนเลือดอยู่
แม้ว่าโลงศพหยกเย็นจะให้ความเย็น แต่มันก็ไม่ได้แช่แข็งศพ มันทำได้เพียงรักษาศพไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย
หยางจิ่วยืนดูอย่างระมัดระวัง ฉางกวนเฟิงได้เย็บลำไส้ของศพหญิงสาวแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือการเย็บแผลที่ท้องของนาง
หยางจิ่วหันกลับมาจุดธูปหอม ร้อยด้ายเข้าไปในตาเข็ม ใช้ทักษะภูษาเหล็กอีกคระเง แล้วเริ่มเย็บศพ
โดยไม่คาดคิด! ขณะที่เข็มเหล็กเจาะท้องของศพหญิงสาว มือของศพหญิงสาวก็เหวี่ยงมาจับแขนของหยางจิ่วแน่น
หยางจิ่วหันศีรษะไปมอง และเห็นศพหญิงสาวยิ้มด้วยความตื่นเต้น
ภาพหลอน!?
นี่ต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ
หยางจิ่วหลับตา หายใจเข้าลึกๆ แล้วลืมตาขึ้นอีกครั้ง เพียงเพื่อจะพบว่าศพหญิงสาวยังคงแยกเขี้ยว และมีเสียงมนุษย์ที่ชัดเจนออกมาจากลำคอของนาง:
"อย่าทำร้ายลูกของข้า อย่าทำร้ายลูกของข้า..."
ลูก!?
เด็กมาจากไหน?
หยางจิ่วหลุดจากมือของศพหญิสาวง เขาเห็นโซ่เหล็กจากด้านข้าง แล้วรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และมัดมือศพหญิงสาวให้แน่น
มือที่เปะปะไปทั่ว จะส่งผลต่อความเร็วที่เขาเย็บศพเท่านั้น
ศพหญิงสาวดิ้นอย่างรุนแรง ทำให้โซ่เหล็กสั่นไหว
หยางจิ่วเย็บศพด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด
เมื่อเย็บแผลสุดท้ายเสร็จ ศพหญิงสาวที่ดิ้นรนก็เงียบลงทันทีและหยุดเคลื่อนไหว
หยางจิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปลดโซ่เหล็กแล้วถอนหายใจ: "ว่ากันว่าถ้าตายเร็วก็จะเกิดใหม่ได้เร็ว ตอนนี้เจ้าสามารถเกิดใหม่ด้วยความสบายใจได้แล้ว"
"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ปรากฏขึ้นในขณะนี้ และเริ่มบันทึกชีวิตของศพหญิงสาวคนนี้
ศพหญิงสาวนี้มีชื่อว่า ฉวนเปาเป่า หน้าตาของนางเหมือน "ไซเตียวฉาน" มาก
(赛貂蝉 SaiDiaochan ตัวละครในซีรีย์ทีวีเรื่อง Wulin wai zhuan)
ฉวนเปาเป้าไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเยี่ยมยุทธ์ในศิลปะการต่อสู้อีกด้วย มีหนุ่มๆ มากความสามารถที่ชื่นชมและติดตามนางในโลกนี้
แต่ฉวนเปาเป้าเพิกเฉยต่อคนเหล่านั้น จนกระทั่งนางอายุได้ยี่สิบเอ็ดปี ฉวนเปาเป้าจึงได้พบกับชายหนุ่มที่ทำให้นางต้องการมอบร่างอันไร้เดียงสาของนาง