บทที่ 26 คลื่นสัตว์อสูร
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนได้ไม่นานมากนัก พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะสังหารหนูดินต่อไปเพื่อฝึกฝนเมื่อพวกเขาได้รับอิทธิพลจากอีเลฟเว่น
เพื่ออนาคตของพวกเขา พวกเขาทำได้เพียงแค่ปล่อยให้หนูดินต้องทนทุกข์ทรมาณ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะเริ่ม เสียงประกาศของคณะกรรมการหมู่บ้านลำธารขาวก็ดังขึ้นมา
เมื่อเสียงประกาศดังขึ้น แม้กระทั่งซืออวี๋และคนอื่นที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านก็ได้ยินอย่างชัดเจน
ในขณะนั้นเอง เมื่อพวกเขาได้ยินเนื้อหาของเสียงประกาศ สีหน้าของซืออวี๋และคนอื่นก็เปลี่ยนไป
“ชาวบ้านทุกคนโปรดทราบ ชาวบ้านทุกคนโปรดทราบ! ทางเมืองได้ออกประกาศเตือนภัยระดับสีเหลืองสำหรับคลื่นสัตว์อสูร ขอย้ำอีกครั้ง เมืองได้ออกประกาศเตือนภัยระดับสีเหลืองสำหรับคลื่นสัตว์อสูร”
“มีสัตว์อสูรจำนวนหนึ่งรวมตัวกันอยู่ที่กำแพงเมืองแล้ว และจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
“โปรดดำเนินตามแนวทางการป้องกัน…”
“บัดซ*!” เฉินไคอดไม่ได้ที่จะระบายอารมณ์ของเขาออกมา จวงเยว่และอวี๋จิงจิงดูสับสนและประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน
คลื่นสัตว์อสูรเหรอ?
พวกเขาบางคนไม่คุ้นกับคำนี้
สิบปีก่อน เขตผิงเฉิงถูกสร้างขึ้นใหม่เพราะมันเคยเผชิญหน้ากับคลื่นสัตว์อสูร
ในเวลานั้น แม้ว่าทุกคนจะยังเด็ก แต่ก็ไปไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
คลื่นสัตว์อสูรมาอีกแล้วเหรอ???
“แย่แล้ว”
ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนกำลังตกตะลึง ชาวนาวัยกลางคนที่เดินตรวจตราในฟาร์มก็เข้ามาหาพวกเขา
“เจ้าหนู สถานการณ์ในวันนี้พิเศษมาก ทำไมพวกเจ้าไม่กลับไปก่อนล่ะ?”
“ลุง เสียงประกาศเมื่อสักครู่นี่ล่ะ?” ซืออวี๋เอ่ยถาม
“ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน แต่เหล่าสัตว์บนภูเขาหิมะนั้นโกลาหลมาก การเตือนภัยระดับสีเหลือง มันฟังดูค่อนข้างร้ายแรงมาก หากจำเป็น เราอาจต้องอพยพ” ชายวัยกลางคนคิดอะไรไม่ออกเช่นกัน แต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว เขาไม่ได้ลนลานมากนัก
ในขณะนี้ ซืออวี๋ก็มีการตอบสนองเช่นกัน แต่ไม่ใช่การตื่นตระหนก
ต่างจากสิบปีก่อน ในปัจจุบันกำแพงเมืองอันสูงสง่าได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อกั้นเขตผิงเฉิงและภูเขาหิมะ
กองทัพนักฝึกสัตว์อสูรของสมาคมนักฝึกสัตว์อสูรประจำำการอยู่นอกกำแพงเมืองและเป็นแนวป้องกันแรกที่เผชิญหน้ากับคลื่นสัตว์อสูร
การเตือนภัยนั้นเป็นเพียงการเตือนชาวเมืองทุกคนเท่านั้น มันไม่ได้หมายถึงมีอันตราย
หากพวกมันบุกเข้ามาในเมืองได้จริง การเตือนภัยคงไม่เป็นระดับสีเหลือง
“ทำไมเราไม่ลองเข้าไปดูล่ะ?” เฉินไคแนะนำ
เมืองทุ่งน้ำแข็งนั้นตั้งอยู่ที่ชายแดนของประเทศ และเขตผิงเฉิงและเขตอื่นรอบเมืองทุ่งน้ำแข็งก็อยู่ติดกับภูเขาหิมะที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผิงเฉิงและอีกสองเขตจึงเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นสัตว์อสูรเมื่อสิบปีก่อน
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่? ในเวลาเช่นนี้นั้นมีกับดักมากมายทั้งในและนอกกำแพงเมือง หากเจ้าไป เจ้าจะไม่สร้างปัญหาหรอกเหรอ?” จวงเยว่กล่าวออกมา
“เรากลับกันเถอะ” ซืออวี๋กล่าวออกมา
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่บรรกาศในเวลานี้ก็ตึงเครียด การที่อยู่เฉยและไม่สร้างปัญหาให้กับคนอื่นด้วยการสังหารหนูดินอย่างสบายใจนั้นน่าจะดีกว่า
เกมตีตุ่นสามารถเล่นได้ทุกเมื่อ การทำตามการเตือนภัยคลื่นสัตว์อสูรล่วงหน้านั้นสำคัญกว่า
อีกสามคนพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้พวกเขาไม่มีความปรารถนาที่จะต่อสู้กับหนูดินแล้ว หลังจากเก็บของเสร็จ พวกเขาก็กลับไปที่ผิงเฉิงอย่างรวดเร็ว
เมืองทุ่งน้ำแข็ง เขตผิงเฉิง สมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่คนจบภารกิจการกำจัดหนูดิน พวกเขาก็แจ้งการเตือนภัยจากหมู่บ้านลำธารขาวให้กับเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับของโถงภารกิจและเอ่ยถามว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“นี่…”
พนักงานที่แผนกต้อนรับส่ายหัวของเขาและกล่าวว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเช่นกัน”
“แต่นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่ครั้งแรกในเดือนนี้ สองครั้งก่อนหน้านี้เป็นการเตือนภัยระดับสีน้ำเงิน ครั้งนี้เป็นการเตือนภัยระดับสีเหลืองงั้นเหรอ?”
สำหรับคำตอบนี้ทำให้ซืออวี๋และคนอื่นสบสันมาก มันเหมือนกับไม่ได้ตอบคำถามของพวกเขาเลย
เฉินไคกำลังจะถามบางสิ่งในขณะที่มีคนเรียกชื่อเขาจากระยะไกล
“เฉินไค จวงเยว่!”
เสียงจากระยะไกลทำให้เฉินไคและจวงเยว่ตัวสั่น พวกเขาหันหัวกลับไปโดยไม่รู้ตัว
ซืออวี๋และอวี๋จิงจิงมองดูและตระหนักว่านักฝึกสัตว์อสูรที่สวมแว่นตาและดูซื่อสัตย์ก็ตรงเข้ามา
อีกฝ่ายอายุประมาณสามสิบปี แต่ผมของเขาดูเบาบางเล็กน้อย เขาควรจะเป็นอาจารย์
“ท่านอาจารย์จาง…” เฉินไคและจวงเยว่กล่าวออกมาพร้อมกัน
“ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
คนผู้นี้ก็คืออาจารย์จากโรงเรียนของจวงเยว่และเฉินไค
“ข้าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ข้าเพิ่งเห็นพวกเจ้าคุยกันในกลุ่มแชท ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ ข้าไม่คาดคิดว่าจะเจอพวกเจ้า”
ระหว่างทางกลับ เฉินไคและจวงเยว่ได้แบ่งปันเรื่องการเตือนภัยคลื่นสัตว์อสูรระดับสีเหลืองให้กับเพื่อนร่วมห้องในกลุ่มแชทห้อง พวกเขาจึงไม่คาดคิดว่าอาจารย์จะเห็นมัน
พวกเจ้าคุยกันในแชทกลุ่มห้องที่มีอาจารย์เหรอ? ซืออวี๋มองไปที่กลุ่มนักเรียนอันแปลกประหลาดและคิดกับตัวเอง
ภายใต้สถานการณ์ปกติ นักเรียนไม่ควรจะเชิญอาจารย์เข้ามาในกลุ่มแชทห้องหรอกเหรอ?
หากพวกเจ้าทำเช่นนี้ การพูดคุยในกลุ่มคงไม่เป็นธรรมชาติมากนัก
“สองคนนี้คือใครเหรอ?” เขามองไปที่ซืออวี๋และอวี๋จิงจิง จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาในฐานะอาจารย์ที่ห่วงใยนักเรียนของเขา
เฉินไคกล่าวว่า “พวกเขาเป็นเพื่อนของข้า นักฝึกสัตว์อสูรจากโรงเรียนอื่น”
อาจารย์จางยิ้มออกมาและพยักหน้า “พวกเจ้าต้องสงสัยเกี่ยวกับการเตือนภัยคลื่นสัตว์อสูรอย่างแน่นอน”
“ใช่แล้วท่านอาจารย์ สถานการณ์ในครั้งนี้ร้ายแรงมากเหรอ? อย่าบอกนะว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นอีก” เฉินไครู้ว่าอาจารย์ของเขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพและควรจะรู้ข้อมูลวงใน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามขึ้นมาทันที
“ที่นี่เสียงดังเกินไป ไปคุยกันข้างนอกกันเถอะ” อาจารย์จางกล่าวออกมา
ไม่มีใครคัดค้าน พวกเขาออกจากโถงภารกิจและเริ่มเดินไปรอบสมาคมนักฝึกสัตว์อสูร
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จักอาจารย์จางผู้นี้ แต่ซืออวี๋ผู้ที่ต้องการรู้สถานการณ์ก็ไปกับพวกเขาเช่นกัน
หากมีอันตรายเกิดขึ้นจริง… เขาต้องเตรียมตัวล่วงหน้าและหลบหนีเข้าไปในเมืองพร้อมกับอีเลฟเว่น
ท้ายที่สุด บ้านระแวงศูนย์กลางเมืองนั้นจะราคาแพงมากขึ้นหลังจากเกิดคลื่นสัตว์อสูร
บ้านในชนบทหรือแม้กระทั่งในชานเมืองอาจมีราคาถูก แต่ก็ใกล้กับป่า
มันอันตรายมากเกินไป!
บนทางเดินหิน อาจารย์จางมองไปที่กลุ่มหนุ่มสาวและกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไป มันแตกต่างจากเมื่อสิบปีก่อนมาก สิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันรอบภูเขาหิมะนั้นทำงานได้ดีมาก”
“แม้ว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นจริง แต่สมาคมนักฝึกสัตว์อสูรก็จะตอบสนองอย่างรวดเร็ว หากกองทัพเขตผิงเฉิงป้องกันไม่ได้ นักฝึกสัตว์อสูรในเมืองก็จะเข้ามาแทนที่พวกเขา”
“หากกองทัพนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองไม่สามารถป้องกันได้ กองกำลังอื่นในเมืองรอบๆ ก็จะให้การสนับสนุนในไม่ช้า ในปัจจุบัน สัตว์อสูรบนภูเขาหิมะนี้ไม่เพียงพอที่จะเป็นภัยคุกคามต่อเมืองทุ่งน้ำแข็งอีกต่อไป”
เฉินไคเอ่ยถาม “ดังนั้นท่านอาจารย์หมายความว่าคลื่นสัตว์อสูรอาจปรากฎขึ้นอีกครั้งเหรอ?”
“ในเวลานี้ มันเป็นเพียงสัตว์อสูรไม่กี่ตัวเท่านั้น จำนวนสัตว์อสูรนั้นห่างไกลจากการเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อสิบปีก่อนมาก ในตอนนั้นสัตว์อสูรมากยิ่งกว่านี้มาก…”
จวงเยว่กล่าวออกมา “ทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นล่ะ? สัตว์อสูรเหล่านั้นไม่ใช่สัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งทุกตัวเหรอ? เมื่อเทียบกับเมืองแล้ว พวกมันอาจชอบสภาพแวดล้อมบนภูเขาหิมะมากกว่า”
“หนังสือบอกว่าการขาดแคลนอาหารและทรัพยากรนั้นสร้างแรงกดดันต่อพวกมัน และนั่นก็คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดคลื่นสัตว์อสูร” ซืออวี๋มองไปยังภูเขาหิมะ “แต่นี่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักของคลื่นสัตว์อสูรจากภูเขาหิมะใช่ไหม…? ท้ายที่สุด คลื่นสัตว์อสูรที่มีเหตุผลเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง มันจะมีสัญญาณบอกล่วงหน้าและมันจะไม่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นเดียวกับเมื่อสิบปีก่อน”
อาจารย์จางมองไปที่ซืออวี๋และพยักหน้า “ถูกต้อง การเกิดคลื่นสัตว์อสูรเมื่อสิบปีก่อนก็ยังคงเป็นปริศนาที่ยังแก้ไขไม่ได้ แต่ในส่วนของการคาดการณ์ คำตอบนั้นอยู่ในเมืองทุ่งน้ำแข็ง พวกเจ้ารู้ประวัติของเมืองหรือไม่?”
พวกเขาส่ายหัวของตัวเอง
“อันที่จริง มันไม่ใช่ประวัติของเมือง ท้ายที่สุด มันก็ยังไม่ได้ถูกพิสูจน์อย่างสมบูรณ์ ในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่การคาดเดา”
“จากการค้นพบทางโบราณคดี เมื่อสองพันปีก่อนไม่ควรจะมีสภาพแวดล้อมภูเขาหิมะรอบเมืองทุ่งน้ำแข็ง”
“นี่คืออาณาเขตของนักฝึกสัตว์อสูรที่พัฒนาอย่างมากในประเทศสโบราณในเวลานั้น แต่ต่อมา มังกรน้ำแข็งก็บินมาจากระยะไกลและมาอยู่บนภูเขาแห่งนี้”
“มังกรน้ำแข็งตัวนี้แข็งแกร่งมาก แม้ว่ามันจะอยู่เฉยๆ แต่มันก็กระตุ้นยุคน้ำแข็งขนาดเล็กทางอ้อม ทำให้นักฝึกสัตว์อสูรในยุคนั้นต้องทนทุกข์ทรมาณอย่างมาก”
“จากนั้นมา นักฝึกสัตว์อสูรในตอนนั้นก็ตัดสินใจขับไล่มังกรน้ำแข็ง พวกเขาตั้งกองทัพและเริ่มสงครามกับมังกรน้ำแข็งบนภูเขา”
“ว่ากันว่าภูเขาหิมะนี้เกิดขึ้นในเวลานั้น”
ซืออวี๋เอ่ยถาม “ฝ่ายไหนชนะล่ะ?”
อาจารย์จางกล่าวว่า “ควรจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูรที่ชนะ มีซากปรักหักพังมังกรน้ำแข็งบนภูเขาหิมะ ว่ากันว่าโครงกระดูกของมังกรน้ำแข็งถูกผนึกไว้ข้างใน มันถูกผนึกโดยนักฝึกสัตว์อสูรในยุคนั้น”
“แม้แต่ในตอนนี้ก็ยังคงมีกลิ่นอายของมังกรเล็ดรอดออกมาจากซากปรักหักพังเป็นครั้งคราว แต่มันก็ผ่านมาสองพันปีแล้ว แม้แต่มังกรน้ำแข็งตัวนั้นก็น่าจะตายอย่างสมบูรณ์แล้ว”
“มีการคาดการณ์ในขณะนี้ว่ามังกรน้ำแข็งที่ถูกผนึกได้กลายเป็นวิญญาณและมีอิทธิพลต่อสัตว์อสูรเหล่านั้นบนภูเขาหิมะ ออร่าของมังกรทำให้สัตว์อสูรไร้สติและแก้แค้นเมือง”
ซืออวี๋และคนอื่นมองไปที่ภูเขาหิมะอีกครั้ง
อันเดดมังกรน้ำแข็งเหรอ?
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเรื่องเช่นนี้
อาจารย์จางชี้ไปที่รูปปั้นยักษ์หินที่อยู่ไม่ไดลและกล่าวออกมา “พวกเจ้าเห็นนั่นไหม?”
“นั่นเป็นหนึ่งในสิ่งประดิษฐ์โบราณที่นักโบราณคดีขุดขึ้นมา ว่ากันว่ายักษ์หินคือโทเท็มของเผ่าพันธุ์โบราณ”
ในขณะที่พวกเขาคุยกัน พวกเขาก็มาถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่แล้ว
ที่ศูนย์กลางมีรูปปั้นยักษ์หิน ยักษ์หินเป็นสัตว์อสูรประเภทธาตุ มันถูกวางไว้ที่นี่เพื่อเพิ่มมรดกทางประวัติศาสตร์ของเขตผิงเฉิงและทำให้สถานที่แห่งนี้ดูมีประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น
“เผ่านั้นใช้สิ่งนี้เอาชนะมังกรน้ำแข็งเหรอ?” เฉินไคมองไปที่รูปปั้นหิน เขาไม่เคยสังเกตสิ่งนี้มาก่อน เขาคิดว่ามันเป็นของตกแต่ง แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์โบราณจากเมืองทุ่งน้ำแข็ง
สายตาของซืออวี๋และคนอื่นต่างก็จ้องไปที่รูปปั้นยักษ์หิน ในขณะที่พวกเขาจ้องมองมัน หัวใจของซืออวี๋ก็เต้นเร็วขึ้น
สมองของเขาสั่นไหว และพรสวรรค์กระแสจิตของเขาก็ดูราวกับถูกกระตุ้น เขาได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้นมา
‘ไม่ใช่เช่นนั้น…’
‘ไม่ใช่เช่นนั้น…’
เสียงที่กระทันหันนี้ทำให้ซืออวี๋ตัวสั่น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปรอบตัว เขาก็ตระหนักว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับอาจารย์จาง เฉินไค และคนอื่น
ในขณะที่ระงับความตกตะลึงในหัวใจของเขา ซืออวี๋ก็มองไปที่รูปปั้นหิน ใบหน้าของเขาซีดลง
อย่าบอกนะว่าเสียงมาจากรูปปั้นหินนี้ เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน?
รูปปั้นหินนี้ไม่มีร่องรอยของชีวิตเลย
กระแสจิตสามารถได้ยินความคิดของสิ่งมีชีวิตเท่นั้นไม่ใช่เหรอ? หากรูปปั้นหินไม่ธรรมดา มันก็จะไม่ถูกวางไว้ที่นี่!
‘ไม่ใช่เช่นนั้น…’
ซืออวี๋ยังคงได้ยินเสียงอีกครั้ง
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน