บทที่ 25 การประเมินมืออาชีพ
อันที่จริง มันถูกพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่แค่ความงี่เง่าและเสียงหัวเราะเท่านั้นที่จะแพร่ไปยังคนอื่นได้ แต่ความขยันขันแข็งก็มีโอกาสแพร่ไปยังคนอื่นได้เช่นกัน
หลังจากกินข้าวเสร็จและพักผ่อนเล็กน้อย เฉินไคและคนอื่นก็มองไปที่อสูรกินเหล็กซึ่งยังคงฝึกฝนและรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แม้ว่าอสูรกินเหล็กที่ขึ้นชื่อว่าจอมขี้เกียจก็ยังฝึกฝนอย่างหนักและขยันขันแข็งมาก
หากมันไม่ใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์เลย งั้นพวกเขามีสิทธิ์อะไรมาพักผ่อนล่ะ?
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอัตราการสอบผ่านของการประเมินมืออาชีพในเมืองถึงสูงมาก…”
“นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนในเมืองของเจ้าขยันเช่นนี้เหรอ? และเจ้าฝึกฝนสัตว์อสูรของเจ้าให้มีวินัยเช่นนี้ได้ยังไงกัน…” ใบหน้าของเฉินไคกระตุก
ระดับการศึกษาในเมืองสูงกว่าที่ชานเมืองจริงเหรอ?
เขาไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นซืออวี๋ในบรรดานักฝึกสัตว์อสูรที่เขาเคยพบมาก่อน
“มันไม่ขนาดนั้น…” ซืออวี๋กล่าวออกมา
ดูเหมือนว่าเขาจะได้เพิ่มมุมมองเกี่ยวกับนักฝึกสัตว์อสูรในเมืองใหญ่ของทั้งสามคนโดยไม่รู้ตัวใช่ไหม?
เข้าใจผิดแล้ว
เขานำอาหารเสริมมาเพียงเพราะเขาไร้หนทาง
เขาไม่ต้องการทำงานหนักมากเกินไปเช่นกัน แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้สารบัญทักษะนั้นสูงเกินไป
เขาจะทำอะไรได้ล่ะ?
สำหรับอีเลฟเว่น มันเป็นอุบัติเหตุ!
มันมีคุณสมบัติความขยันขันแข็งตั้งแต่แรก มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย…
อีเลฟเว่นอาจเป็นสัตว์อสูรของคนอื่น แต่มันก็ถูกทิ้งให้ซืออวี๋มารับไว้
ย้อนกลับไปในตอนนั้น มีเพียงหลิวซิ่วจูและเขาเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าอีเลฟเว่นมีศักยภาพไม่ธรรมดา
หลินซิ่วจูมีประสบการณ์มากมายในการเลี้ยงสัตว์อสูร และเขามีสิ่งที่การันตีความสำเร็จได้อย่างสารบัญทักษะ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในการเลือกสัตว์อสูรทุกชนิด
มีการผสมผสานอันไร้เหตุผลระหว่างซืออวี๋และอีเลฟเว่นโดยบังเอิญ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากพวกเขา พวกเขาเป็นแค่กรณีพิเศษ
เจ้าต้องไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าเห็นด้วยตาของเจ้า!
เจ้าจะหลงทาง
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับซืออวี๋ที่จะอธิบาย เขาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมให้คนอื่นไม่ขยันได้ใช่ไหม?
“มันจะไม่ขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”
“อย่ากล่าวถึงเรื่องนี้อีกเลย ในอนาคต ข้าจะให้อสูรเกราะน้ำแข็งฝึกฝนเข้มข้นเช่นนี้”
“ข้าเช่นกัน พรุ่งนี้ข้าจะไปร้านขายยาเพื่อซื้อแคปซูลสดชื่นหนึ่งกล่องและหาความรู้ทั้งคืน”
“ข้าไม่เชื่อหรอก พวกเขามีสองแขนและสองขา… ข้าก็ทำได้เช่นกันหากข้าต้องการ” เฉินไคกล่าวพร้อมกับกัดฟัน
เขาติดตามซืออวี๋อย่างไร้ยางอายในภารกิจนี้เพราะเขาต้องการเห็นว่าทำไมซืออวี๋ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้และค้นหาเหตุผลที่เกี่ยวข้อง
ในที่สุดเขาก็พบมันแล้ว เขาก็ต้องลองมันแน่นอน
จวงเยว่และอวี๋จิงจิงมองหน้ากัน แม้ว่าพวกนางจะไม่กล่าวอะไร แต่พวกนางก็รู้สึกว่าพวกนางผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่ายังมีเวลาเหลืออีกมากเพื่อที่จะขยัน… พรุ่งนี้ค่อยทำก็ได้
ซืออวี๋ : “...”
พวกเขาจะขยันเช่นนั้นได้จริงเหรอ?
ถ้าเช่นนั้นเขาก็หวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จ
การขยันขันแข็งนั้นไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป…
ซืออวี๋รู้สึกยินดีมากที่คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของเขาสามารถส่งผลกระทบต่อคนอื่นได้
“ซืออวี๋ เจ้าจะเข้าร่วมการประเมินนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพหรือไม่? อีกอย่าง เจ้าจะเข้าร่วมการประเมินสาขาการรักษา… หรือเจ้าจะเข้าร่วมการประเมินนักเพาะพันธุ์มืออาชีพล่ะ?” เฉินไคเอ่ยถามออกมา
“อืมม…”
นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพเป็นเส้นทางการยกระดับนักฝึกสัตว์อสูรแบบดั้งเดิม มันทดสอบพลังต่อสู้ของนักฝึกสัตว์อสูร
การประเมินนักเพาะพันธุ์คือระดับการเลี้ยงดูและระดับการบ่มเพาะของนักฝึกสัตว์อสูร ดังนั้นงานส่วนใหญ่ก็คือการทำฟาร์ม
นักเพาะพันธุ์ระดับสูงสามารถทำงานเพียงลำพัง ช่วยเหลือนักฝึกสัตว์อสูรคนอื่นดูแลสัตว์อสูรของพวกเขา และแม้กระทั่งให้กำเนิดอาชีพที่เกี่ยวข้องเช่นอาจารย์ทักษะและนักวางแผนวิวัฒนาการ
กล่าวตามตรง ซืออวี๋ควรจะเป็นนักเพาะพันธุ์ และเขายังมีสารบัญทักษะอีกเช่นกัน เขาจะได้รับเงินมหาศาลในอนาคตอย่างแน่นอนจากการประเมินนักเพาะพันธุ์มืออาชีพ…
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ที่สองของเขานั้นแปลกมาก ซืออวี๋กลัวที่จะถูกจับนำไปทดลองหลังจากมันถูกเปิดเผย
แม้ว่าประเทศนี้จะยังเป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายในตอนนี้ แต่ก็มีชนชั้นอย่างชัดเจนระหว่างนักฝึกสัตว์อสูรระดับสูงและคนธรรมดา ตั้งแต่ข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีแม้กระทั่งเส้นทางการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ยุติธรรม มันจึงเห็นได้ชัดเจนว่าการผูกขาดของโลกใบนี้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก
ในการต่อสู้สาธารณะบางครั้ง มีกรณีของนักฝึกสัตว์อสูรที่วางแผนต่อสู้กันเอง แต่นิกายและประเทศเข้ามามีส่วนร่วม
นอกจากนี้ ยังมีสัตว์อสูรที่มีสติปัญญาสูงบางตัวที่จ้องมายังพื้นที่ของมนุษย์… เขาไม่ต้องการสูญเสียอิสรภาพของเขา
ซืออวี๋คิดเกี่ยวกับมัน หากวิธีการสอนของสารบัญทักษะเปลี่ยนไม่ได้ เขาจะไม่ใช้พรสวรรค์นี้เพื่อสอนทักษะให้แก่สัตว์อสูรของคนอื่นอย่างแน่นอนก่อนที่เขาจะมีความสามารถในการป้องกันตัวเอง
แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรป่าที่มีสติปัญญาต่ำ แต่เขาก็จะไม่สอนมัน
เว้นแต่มันจะเป็นสัตว์อสูรที่แทบไร้สติปัญญาอย่างหนอนไหมเขียว หลังจากสอนมันไปแล้ว หนอนไหมเขียวก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีอันตรายเลย
ในระยะสั้น เฉพาะสัตว์อสูรที่ทำสัญญาวิญญาณกับเขาเท่านั้นที่จะถูกสอนโดยซืออวี๋ได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้นซืออวี๋จึงรู้สึกว่าการเข้าร่วมการประเมินนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาก่อนนั้นจะดีกว่า
นักฝึกสัตว์อสูรที่โดดเด่นบางคนสามารถสอนทักษะให้ตัวเองได้นอกจากสัตว์อสูรของพวกเขา ตัวอย่างเช่น อสูรกินเหล็กจำนวนมากในโดโจศิลาไผ่สามารถเชี่ยวชาญทักษะเปลวเพลิงและสายฟ้าได้
สัตว์อสูรป่าที่มีพรสวรรค์หายากบางตัวเชี่ยวชาญทักษะนอกเผ่าพันธุ์ของพวกมันด้วยซ้ำ
ตัวอย่างเช่น ราชาหมาป่าแห่งฝูงหมาป่าหิมะทุกตัวล้วนมีทักษะการปราบปราม
แม้ว่าจะการสอนทักษะข้ามเผ่าพันธุ์เช่นนี้จะไร้สาระมาก แต่มันก็พบได้ทั่วไปในนักฝึกสัตว์อสูรระดับสูง นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แม้ว่าจะไม่เคยมีพรสวรรค์การอสนที่สามารถสอนทักษะให้แก่สัตว์อสูรได้ในทันทีที่มันถูกสัมผัส นอกจากนี้ เขายังเป็นคนข้ามโลกที่มีสองพรสวรรค์ในตอนเริ่มต้น…
กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นสถานการณ์ที่อันตราย
ในโลกที่ค่อนข้างอันตรายนี้ ความแข็งแกร่งเป็นรากฐานของทุกสิ่ง… การเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองก่อนนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ
“แม้ว่าข้าจะอยู่สาขาเพาะพันธุ์ แต่ข้าก็ต้องการเตรียมตัวสำหรับการประเมินนักฝึกสัตว์อสูรก่อน” ซืออวี๋กล่าวออกมา
คำตอบของเขาดึงดูดความสนใจของเฉินไคและอีกสองคนในทันใด
เฉินไคกล่าวว่า “ให้ข้านับดูก่อนนะ การประเมินครั้งต่อไป… ไม่สิ ครั้งหน้าของการประเมินครั้งต่อไปใช่ไหม? บางทีเราอาจสามารถเข้าร่วมพร้อมกันได้”
การประเมินนักฝึกสัตว์อสูรจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 1 มกราคมของทุกปี
ตอนนี้เป็นเดือนกรกฎาคมแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งปีก่อนที่การประเมินครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้น
อสูรกินเหล็กของซืออวี๋ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับปลุกตื่นขั้นห้า ในขณะที่อสูรเกราะน้ำแข็งของเฉินไคอยู่ที่ระดับปลุกตื่นขั้นหก ระดับนี้ยังไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินมืออาชีพ
เพื่อให้มีคุณสมบัติในการประเมินนักฝึกสัตว์อสูรรอบแรก เงื่อนไขขั้นต่ำสำหรับสัตว์อสูรของนักฝึกสัตว์อสูรก็คือพลังต่อสู้ระดับเหนือธรรมชาติ นี่คือระดับต่อจากระดับปลุกตื่นขั้นสิบ
ครึ่งปีต่อมา สัตว์อสูรของพวกเขาก็น่าจะใกล้ระดับปลุกตื่นขั้นสิบ นับประสาอะไรกับระดับเหนือธรรมชาติ ดังนั้นเฉินไคจึงตัดสินโดยจิตใต้สำนึกของเขาว่าซืออวี๋ตั้งใจที่จะเข้าร่วมครั้งหน้าของการประเมินครั้งต่อไปเช่นเดียวกับเขา
อย่างไรก็ตาม
“หากข้าไม่ผ่านการประเมินครั้งต่อไป ข้าสามารถเข้าร่วมการประเมินพร้อมกับเจ้าได้” ซืออวี๋กล่าวอย่างจริงจัง
หากเขาไม่มีแหล่งรายได้เพิ่มเติม เงินเก็บอันน้อยนิดของเขาก็คงอยู่ได้ไม่ถึงปีครึ่งด้วยซ้ำ…
ดังนั้นการได้รับใบรับรองมืออาชีพให้เร็วที่สุดอาจลดแรงกดดันทางการเงินให้แก่ซืออวี๋ได้
เขาวางแผนที่จะเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพครั้งต่อไปในอีกครึ่งปีโดยตรง
เฉินไครู้สึกสับสน
“แต่อสูรกินเหล็กของเจ้าอยู่เพียงแค่ระดับปลุกตื่นขั้นห้าเองไม่ใช่เหรอ? การไปถึงระดับเหนือธรรมชาติในครึ่งปีนั้นไม่ยากเกินไปเหรอ…?”
สิ่งต่างๆ เช่น ระดับการเติบโตนั้นยากยิ่งขึ้นหากมีระดับสูงขึ้น
คอขวดจากระดับปลุกตื่นไปยังระดับเหนือธรรมชาติ… ดูสิมีสัตว์อสูรมากเพียงใดที่ติดอยู่ในจุดนั้น
การเปลี่ยนแปลงจากมนุษย์สู่ผู้อยู่เหนือธรรมชาตินั้นขึ้นอยู่กับว่าจะมีใครก้าวข้ามประตูนี้ได้หรือไม่
“ไม่เป็นไร การเข้าสู่ระดับเหนือธรรมชาติอาจยากเล็กน้อย แต่ระดับปลุกตื่นขั้นสิบไม่น่าจะมีปัญหา…”
ตราบใดที่ทักษะเผ่าพันธุ์ของอีเลฟเว่นถูกเสริมพลังอย่างต่อเนื่อง ระดับการเติบโตของมันก็จะก้าวหน้าเช่นกัน
ซืออวี๋รู้สึกว่าไม่ควรเป็นปัญหาใหญ่ในการเข้าสู่ระดับปลุกตื่นขั้นสิบในครึ่งปี และยังเป็นไปได้มากว่ามันจะอยู่ระดับเหนือธรรมชาติ
แม้ว่าจะไปไม่ถึงระดับเหนือธรรมชาติ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าร่วมการประเมินในระดับปลุกตื่น ผู้ที่มีความแข็งแกร่งมักจะมีสิทธิ์พิเศษเสมอ
เฉินไคตระหนักถึงบางสิ่ง “เจ้ากำลังพูดถึงการประเมินพิเศาเหรอ???”
“เจ้าจะท้าทายผู้ที่มีระดับสูงกว่าเหรอ??” เด็กสาวทั้งสองคนก็เคยได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน
สำหรับนักฝึกสัตว์อสูรอัจฉริยะบางคนและสัตว์อสูรที่มีระดับเผ่าพันธุ์สูงนั้นมีเกณฑ์พิเศษสำหรับการปมะเมินมืออาชีพ
นั่นคือแม้ว่าระดับการเติบโตของมันจะไม่ถึงระดับเหนือธรรมชาติ แต่มันก็สามารถเอาชนะสัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติในขณะที่อยู่ในระดับปลุกตื่น สัตว์อสูรที่มีพลังต่อสู้ระดับเหนือธรรมชาติและนักฝึกสัตว์อสูรของมันก็สามารถเข้าร่วมการประเมินมืออาชีพได้
“ใช่แบ้ว เจ้าสามารถท้าทายเหล่าผู้ที่มีระดับสูงกว่าได้… หากเจ้าไม่ได้อยู่ระดับเหนือธรรมชาติ เจ้าก็สามารถใช้เส้นทางนี้ได้” ซืออวี๋ยิ้มออกมา
การที่สัตว์อสูรที่มีความเชี่ยวชาญในทักษะสูงและมีทักษะระดับสูงจะไปท้าทายข้ามระดับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ?
ในจุดนี้ เฉินไคก็เข้าใจเช่นกัน สำหรับอสูรกินเหล็กที่สามารถเชี่ยวชาญทักษะเผ่าพันธุ์ระดับชำนาญได้ในตอนที่อยู่ระดับปลุกตื่นขั้นห้า…
การที่มันท้าทายผู้ที่มีระดับสูงกว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเลย!
เขาถูกแซงอย่างสมบูรณ์เลย!
ในขณะที่เฉินไคคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ถามมากเกินไป เขากำลังจะเสียสติแล้ว
สัตว์อสูรของพวกเขาอยู่ในระดับที่แตกต่างกัน!
หลังจากกลับไปแล้ว การฝึกฝนอันเข้มข้นของอสูรเกราะน้ำแข็งจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!!
ในสายตาของทั้งสามคน ซืออวี๋ยังคงลึกลับและทรงพลังมาก เพียงแค่พวกเขาไม่รู้ว่าซืออวี๋จะผ่านการประเมินมืออาชีพในครั้งต่อไปหรือไม่…
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน