บทที่ 23 โดโจศิลาไผ่
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงหมู่บ้านลำธารขาว
หลังจากลงที่ป้ายรถบัสของหมู่บ้าน พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่คณะกรรมการหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่คนจะไม่ใช่นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพ แต่ตราบใดที่พวกเขามาและกำจัดหนูดิน หมู่บ้านลำธารขาวก็จะต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นเสมอ
เนื่องจากเวลาอันน้อยนิด พวกเขาทั้งสี่คนจึงไม่ได้อยู่เฉย หลังจากมาถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขา พวกเขาก็ตรงไปยังพื้นที่หายนะซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เพาะปลูกและป่าไม้
นอกพื้นที่เพาะปลูกและป่าไม้ ซืออวี๋และคนอื่นไร้คำกล่าวไปชั่วขณะหนึ่ง
พวกเขาควรเริ่มจากที่ไหนล่ะ?
อันที่จริง หนูดินอ่อนแอและไร้สติปัญญาบางตัวถูกสังหารโดยสุนัขและแมวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องกำจัดหนูดินที่เจ้าเล่ห์และมีระดับค่อนข้างสูง
หนูดินเหล่านี้มีการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เก่งในการพรางตัว และมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง การกำจัดพวกมันจึงค่อนข้างยาก
“อัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเราก่อน” ซืออวี๋แนะนำ
สุดยอดการมองเห็นของอีเลฟเว่นเป็นวิธีเดียวที่จะเล็งไปที่หนูดินในสภาพแวดล้อมอันซับซ้อนเช่นนี้
“ตกลง”
เมื่อซืออวี๋กล่าวเสร็จ พวกเขาทั้งสี่คนก็สื่อสารกับมิติฝึกสัตว์อสูรและอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขา
อสูรกินเหล็กปรากฎตัวตรงหน้าซืออวี๋และจวงเยว่ อสูรเกราะน้ำแข็งปรากฎตัวตรงหน้าเฉินไค และอสรพิษหนามก็ปรากฎตัวตรงหน้าอวี๋จิงจิง
ในขณะที่นางอัญเชิญสัตว์อสูรของนางเสร็จ สายตาของจวงเยว่ก็ถูกดึงดูดโดยอีเลฟเว่น
เมื่อวานนี้ นางได้สังเกตมันจากระยะไกลและไม่พบอะไรเลย แต่วันนี้ในตอนที่นางมองมันอย่างใกล้ชิด นางก็ตระหนักได้ว่าอสูรกินเหล็กของซืออวี๋ได้ถูกพัฒนามาอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นสีขนหรือรูปร่างของมันต่างก็ดูดีมาก
“ขอโทษนะ อสูรกินเหล็กของเจ้าก็ได้มาจากฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล็กเช่นกันใช่ไหม?”
ซืออวี๋พยักหน้า
อสูรกินเหล็กทุกตัวในเมืองทุ่งน้ำแข็งอาจถูกเพาะพันธุ์โดยฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล้ก… รวมถึงอสูรกินเหล็กของจวงเยว่
อย่างไรก็ตาม อสูรกินเหล็กของจวงเยว่ก็ตัวใหญ่กว่าอสูรกินเหล็กของซืออวี๋อย่างเห็นได้ชัด มันแก่กว่าเล็กน้อย ดังนั้นอสูรกินเหล็กทั้งสองตัวจึงไม่ควรจะมาจากกลุ่มเดียวกัน
เนื่องจากพวกมันไม่ได้อยู่ในกลุ่มทารกเดียวกัน อสูรกินเหล็กทั้งสองตัวจึงไม่รู้จักกัน อีเลฟเว่นมองอีกฝ่ายและมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน อสูรเกราะน้ำแข็งของเฉินไคก้มองไปที่อีเลฟเว่นด้วยความหวาดกลัวตลอดเวลา ร่างกายของมันดูราวกับกำลังละลาย
“รอเดี๋ยวก่อนนะ” จวงเยว่ก็นึกถึงบางสิ่งในทันใด “เป็นไปได้ไหมว่า…? เจ้าคือศิษย์จากโดโจศิลาไผ่เหรอ?”
นี่ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายเดียวสำหรับซืออวี๋ผู้ทรงพลัง
“ไม่…” ซืออวี๋ส่ายหัวของเขา
โดโจศิลาไผ่และฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล็กคือที่เดียวกัน
เจ้าของโดโจและเจ้าของฐานเพาะพันธุ์คือคนคนเดียวกัน
ฐานเพาะพันธุ์ไผ่เหล็กเป็นสถานที่ซึ่งอสูรกินเหล็กถูกเพาะพันธุ์และเลี้ยงดู และโดโจศิลาไผ่เป็นสถานที่ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อบ่มเพาะนักฝึกสัตว์อสูรที่ทำสัญญากับอสูรกินเหล็ก
เจ้าของในปัจจุบันของโดโจศิลาไผ่ก็คือนักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์ผู้ที่บ่มเพาะอสูรกินเหล็ก
นอกเหนือจากการเชี่ยวชาญการเคลือบแข็งแล้ว อสูรกินเหล็กของเขาก็ยังเชี่ยวชาญพลังแห่งสายฟ้าและเปลวเพลิง มันต้องมีวิธีการบ่มเพาะพิเศษมาก
อาจกล่าวได้ว่าในเมืองทุ่งน้ำแข็ง นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนต่างก็กล่าวว่านักฝึกสัตว์อสูรจากโดโจศิลาไผ่เป็นผู้ที่รู้เกี่ยวกับการบ่มเพาะอสูรกินเหล็กมากที่สุด
มันเป็นเรื่องปกติที่จวงเยว่จะสงสัยว่าซืออวี๋เป็นศิษย์ของโดโจศิลาไผ่ แม้ว่าซืออวี๋จะกล่าวว่าเขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของโดโจศิลาไผ่ นางก็อาจจะเชื่อเขา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าซืออวี๋และโดโจศิลาไผ่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกันในตอนนี้ แต่เขาก็จะไปขอคำแนะนำไม่ช้าก็เร็ว… หรือบางทีพวกเขาอาจเรียนรู้จากกันและกัน.
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์เหรอ? ข้าคิดว่าเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวของโดโจไผ่เหล็กอย่างแน่นอนซะอีก…” จวงเยว่หัวเราะออกมา
“ในปัจจุบัน นักฝึกสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่สุดในเขตผิงเฉิงก็คือเจ้าโถงหลินใช่ไหม?” เฉินไคกล่าวออกมา
ตั้งแต่ระดับฝึกหัดไปถึงระดับมืออาชีพและระดับปรมจารย์ ระดับเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นสูง เจ้าโถงหลินแห่งโดโจศิลาไผ่ที่เฉินไคกล่าวถึงก็คือนักฝึกสัตว์อสูรปรมจารย์
ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในอันดับต้นๆ แม้แต่ในเมืองทุ่งน้ำแข็ง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าโถงหลินนั้นน่าประทับใจที่สุดหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพที่อายุน้อยที่สุดในเขตผิงเฉิงใช่ไหม?” อวี๋จิงจิงกล่าวออกมา
“ข้าคิดว่านางผ่านการประเมินมืออาชีพในตอนที่นางอายุสิบแปดปี ต่อมา ข้าก็ได้ยินอีกว่านางเข้าเรียนหนึ่งในเก้ามหาวิทยาลัยหลักเพื่อศึกษาต่อ นางควรจะจบการศึกษาแล้ว… ข้าสงสัยว่านางอยู่ระดับไหนแล้ว”
“ข่าวของเจ้านั้นเก่าไปแล้ว หลินซิ่วจูผู้นั้นเลือกสาขาเพาะพันธุ์ในภายหลัง ตอนนี้นางกลับมาที่เขตผิงเฉิงแล้ว นางเป็นผู้ที่ช่วยข้าเลือกอสูรกินเหล็กของข้า” จวงเยว่กล่าวออกมา “พี่สาวซิ่วจูกล่าวว่านางเรียนสาขานี้เพื่อดูว่ามีความเป็นไปได้ที่อสูรกินเหล็กจะวิวัฒนาการอีกครั้งหรือไม่ ข้าสงสัยว่านางจะประสบความสำเร็ตหรือไม่…”
“แต่ข้าคิดว่ามันยังคงยากเกินไป… เจ้าโถงหลินได้บ่มเพาะอสูรกินเหล็กของเขามาทั้งชีวิต แต่เขาก็ไม่สามารถค้นพบความเป็นไปได้ที่พวกมันจะวิวัฒนาการอีกครั้ง ข้าเดาว่านี่คือขีดจำกัดของอสูรกินเหล็ก”
“นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะค้นพบการวิวัฒนาการของอสูรกินเหล็ก แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา…”
อสูรกินเหล็กตรงหน้าจวงเยว่หลับไปแล้ว มันเป็นชาวพุทธและห่างไกลจากทางโลกอย่างมาก
“หยุดพูดได้แล้ว… ข้าพบหนูดินแล้ว” ซืออวี๋กล่าวออกมา
ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน อีเลฟเว่นผู้ที่ใช้สุดยอดการมองเห็นของมันก็ได้พบหนูดินแล้ว
ซืออวี๋ไม่สนใจว่ามันจะวิวัฒนาการได้หรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องปกติในตอนนี้
หลังจากได้รับคำเตือนจากอีเลฟเว่น ซืออวี๋ก็มองตามมัน
ในมุมหนึ่งของพื้นที่การเกษตร หนูตัวใหญ่ซึ่งยาวประมาณสามสิบเซนติเมตรที่มีร่างกายหินไร้ขนนั้นกำลังแอบเก็บผลไม้สีแดง
“ตรงนั้น” ซืออวี๋ชี้ไปที่จุดหนึ่ง และอีกคนคนก็มองไปที่นั่นเช่นกัน
“ดูจากขนาดของมันแล้ว มันน่าจะเป็นปลุกตื่นขั้นสี่ นอกจากนี้ มันยังอยู่เพียงลำพังและไม่เป็นภัยคุกคามมากนัก ส่วนที่ยากที่สุดก็คือวิธีการกำจัดมันก่อนที่มันจะตอบสนองและหลบหนีไป!” เฉินไคกล่าวออกมา
“หนังสือได้บอกว่าหนูดินนั้นขี้ระแวงอย่างมาก เมื่อเทียบกับแสงและเสียงแล้ว พวกมันไวต่ออุณหภูมิมากกว่า เมื่ออสูรกินเหล็กและอสูรเกราะน้ำแข็งเข้าใกล้มัน อุณหภูมิในร่างกายของพวกมันก็จะส่งผลกระทบต่อมัน ดังนั้นมันจะหนีไป…” อวี๋จิงจิงกล่าวออกมา “ข้าจะให้อสรพิษหนามพรางตัวเป็นพืชและเข้าใกล้มันก่อน มาดูกันว่าสัตว์อสูรของข้าจะรัดตัวมันได้โดยตรงหรือไม่”
“แต่ข้าสงสัยว่าหนามของอสรพิษหนามจะส่งผลต่อร่างเปลือกปฐพีของมันหรือไม่ เมื่อถึงเวลา พวกเจ้าก็ตามเข้ามา”
อีกสามคนเห็นด้วยกับกลยุทธ์นี้ ภายใต้คำสั่งของอวี๋จิงจิง อสรพิษหนามของนางก็เริ่มปลอมตัวเป็นพืชและค่อยๆ เลื่อยไปบนพื้น
อสรพิษหนามนั้นคล้ายกับพืชอย่างมาก ท้ายที่สุด มันก็เป็นประเภทพืช หนูดินจึงสัมผัสถึงมันไม่ได้เลย ท้ายที่สุด ในสายตาของหนูดิน พืชชนิดนี้เป็นเพียงแค่อาหาร
นักล่าระดับสูงมักจะปรากฎตัวในรูปแบบของเหยื่อ…
ในเวลาเดียวกัน อีเลฟเว่นและอสูรเกราะน้ำแข็งก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการล่า
มีเพียงอสูรกินเหล็กของจวงเยว่เท่านั้นที่ยังคงนิ่งเฉย… มันเบิกตากว้างภายใต้วงกลมสีดำของมันและมองออกไปอย่างเต็มที่
หนูดินอยู่ที่ไหนกัน? ทำไมมันถึงไม่เห็นอะไรเลยล่ะ?
อสูรกินเหล็กธรรมดาจะเป็นเช่นนี้ ท้ายที่สุด สีของหนูดินนั้นดีเกินไป
ในไม่ช้า อสรพิษหนามก็เข้ามาใกล้หนูดิน มันขยายกิ่งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหนามและพันรอบตัวหนูดิน!
ชู่ววว!!!
อสรพิษหนามปลดปล่อยกำแพงหนาม แต่ไม่มีหนูดินตัวไหนที่สามารถเติบโตถึงระดับปลุกตื่นขั้นสี่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ที่จะรับมือได้ง่าย ในช่วงเวลาสำคัญ หนูดินก็สัมผัสได้ถึงอันตรายและหวาดกลัวมากจนมันโดยนผลไม้สีแดงและวิ่งหนี…
ชู่วว!
มันหันกลับและวิ่งหนี ความเร็วของมันนั้นรวดเร็วมากในขณะที่มันหลบการโจมตี
โดยปกติแล้ว เมื่อหนูดินออกมาหาอาหาร พวกมันจะขุดโพรงไว้ล่วงหน้าเพื่อหลบหนี
สำหรับหลบหนีปฐพี ความเร็วของมันไม่ได้เร็วมากนักและดูเหมือนจะช้าจนมันจะถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย การใช้ทางหนีฉุกเฉินจึงจะดีกว่า
หลังจากการโจมตีครั้งแรกพลาดไป อสรพิษหนามก็ไม่ซ่อนตัวอีกต่อไป กิ่งจำนวนมากงอกออกมาจากร่างกายของมันและพุ่งตรงเข้าหาหนูดินซึ่งจำกัดการเคลื่อนไหวและความเร็วของหนูดิน
ในขณะเดียวกัน อีเลฟเว่นแลอสูรเกราะน้ำแข็งก็ได้ปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดของพวกมัน
“คิดว่าเจ้าจะหนีได้เหรอ?!” เฉินไคตะโกนออกมา อสูรเกราะน้ำแข็งก็ขุดโพรงเก่งเช่นกัน หากมันมีเวลา มันสามารถขุดเจาะภูเขาน้ำแข็งได้ด้วยซ้ำ
แม้ว่าหนูดินจะหลบหนีใต้ดิน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารมัน
แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ดีที่สุดก็คือสังหารหนูดินก่อนที่มันจะเข้าไปใกล้โพรง
อย่างไรก็ตาม… อสูรเกราะน้ำแข็งก็ยังคงช้าไปหนึ่งก้าว
หนูดินมาถึงทางเข้าโพรงได้สำเร็จ
ในขณะที่หนูดินรู้สึกยินดีและต้องการเข้าไปข้างใน อีเลฟเว่นผู้ที่เร็วกว่าอสูรเกราะน้ำแข็งก็ได้มาถึง
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อีเลฟเว่นเอาชนะอสูรเกราะน้ำแข็งได้ในทันทีโดยไม่ได้เคลื่อนไหว แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าการระเบิดความเร็วของมันนั้นด้อยกว่าอสูรเกราะน้ำแข็ง…
บูม!
อีเลฟเว่นวิ่งแซงหน้าอสูรเกราะน้ำแข็งและไล่ตามหนูดินทัน มันกระโจนขึ้นไปและฟาดโพรงที่หนูดินกำลังจะเข้าไปด้วยฝ่ามือเคลือบแข็งของมัน
เช่นเดียวกับเหล็กก้อนใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า แรงกระแทกอันรุนแรงนั้นมาพร้อมกับฝุ่นและละอองดิน โพรงขนาดใหญ่ถูกอีเลฟเว่นทุบหายไปในทันใด
ด้วยสุดยอดการมองเห็นพลังการระเบิดความเร็วของมัน มันจึงรวดเร็วกว่่าเมื่อวานนี้มาก มันมาถึงโพรงก่อนอสรพิษหนามและอสูรเกราะน้ำแข็งหนึ่งก้าว อีเลฟเว่นแสดงความภาคภูมิใจออกมา
หนูดินตกตะลึงอย่างมาก
บ้านของมันล่ะ?
“อ่าาาาาาาซ…!” หลังจากนั้น หนูดินก็ถูกสังหารโดยกำแพงหนาม
แต่ในตอนนี้ ทุกคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่โพรงขนาดใหญ่ข้างอีเลฟเว่น
นี่คือพลังอะไรกัน…? ทำไมถึงรู้สึกว่ามันราวกับตกลงมาจากท้องฟ้าล่ะ?
หนังศีรษะของอีกสามคนด้านชา พวกเขามองไปที่อสูรกินเหล็กเด็กซึ่งมีร่างกายอ้วนกลมเล็กน้อยและรู้สึกว่าเมื่อมีมันอยู่ด้วย พวกเขาจะสามารถไปจัดการกลุ่มหนูดินได้โดยตรงใช่ไหม?
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน