บทที่ 122: หัวหน้าถู่หาวกับหัวสมองที่หายไป!
แม้ว่าโลกโหลวเฉิงจะกว้างใหญ่มากก็ตาม แต่เวลาของกลางวันและกลางคืนนั้นกลับยาวนานกว่าโลกเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อราตรีกำลังจะมาเยือน เหล่าทหารที่ออกเดินทางได้เดินทางมาถึงทางเข้าของหุบเขาเชิ่งหลง
ชาวเมืองเชิ่งหลงกับผู้พเนจรที่ได้รับข้อมูลตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็ได้ออกมาต้อนรับพวกเขา ทุกคนมาอยู่เต็มสองข้างทางเพื่อเอาน้ำกับอาหารมาให้ ในเวลาเดียวกันก็มองดูภูเขาสิ่งของที่อยู่ในรถลำเลียงด้วยสายตาอิจฉา
ในแดนทุรกันดารนี้การต่อสู้ฆ่าฟันแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณของผู้ชายทุกคน หลังจากการต่อสู้ทุกครั้งหากสามารถกลับมาโดยที่ยังมีชีวิตได้จะสามารถกลับมาพร้อมกับสินสงครามซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุดในหมู่ผู้พเนจร เพราะมันแสดงถึงความแข็งแกร่งและความหวังที่จะอยู่รอดต่อไปของครอบครัว
แม้ว่าตอนนี้จะอาศัยอยู่ในเมืองเชิ่งหลงเลยไม่ต้องกังวลกับความหิวโหยตั้งแต่เช้าอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรกินแล้วก็ตาม ทว่าค่านิยมตรงนี้ก็ได้ฝังรากลึกจนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นพวกการต่อสู้ครั้งนี้ก็เพื่อกวาดล้างไอ้พวกศัตรูของเผ่าพันธุ์อย่างพวกโคโบลด์ที่เป็นศัตรูอันน่าเกลียดชังไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าดินเดียวกัน
หลังจากที่กองทหารหยุดที่จัตุรัสหน้าโหลวเฉิง คนขับได้สั่งให้พวกผู้พเนจรขึ้นไปขนของที่ปล้นจากค่ายโคโบลด์ลงจากรถแล้วเอาไปกองไว้ที่ตลาดที่พวกผู้พเนจรสร้างขึ้นชั่วคราว
ขณะที่ถือสินสงครามไว้ในมืออยู่นั้นก็น้ำลายไหลไปด้วย และแอบลอบประเมินดูว่าของเหล่านี้สามารถเอาไปแลกกับอาหารและอาวุธได้มากมาขนาดไหน
และยิ่งเมื่อเห็นทหารที่มีท่าทางสง่างามอาวุธยุทโธปกรณ์ครบมือด้วยแล้วก็ยิ่งอิจฉา ผู้พเนจรที่รูปร่างกำยำล่ำสันคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งก็เริ่มคิดหาวิธีที่จะได้เป็นทหารของเมืองเชิ่งหลงเพื่อเพลิดเพลินไปกับของดี ๆ เหล่านั้นบ้าง
ยิ่งจินตนาการว่าตัวเองได้สวมเกราะคาดดาบแบบนั้นบ้างก็เริ่มรู้สึกคันไม้คันมือมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มแสดงท่าทางขนของอย่างดุดันหมายจะเป็นที่ถูกตาต้องใจคนใหญ่คนโตและได้รับเลือกให้เข้ากองทัพ
แม้จะไม่ได้เป็นทหารตัวจริงของเมืองเชิ่งหลงได้ก็ตาม แต่เอาแค่ได้เป็นกำลังเสริมก็ได้!
ถังเจิ้นเห็นฉากนี้ก็แอบหัวเราะในใจ ผู้พเนจรเหล่านี้อาจไม่รู้ว่าตั้งแต่เขาเปิดประตูต้อนรับทั้งหมดเข้ามาในหุบเขาแล้วก็ไม่ได้มีแผนจะปล่อยให้ทั้งหมดกลับออกไปตั้งแต่แรก วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็วผู้พเนจรเหล่านี้จะกลายเป็นพลเมืองเชิ่งหลงอย่างเป็นทางการอยู่ดี
เพียงแต่ว่า ณ เวลานี้มันไม่ใช่เวลาที่จะบอกความจริง หนึ่งคือจำนวนพลเมืองในโหลวเฉิงเลเวล 1 นั้นรับได้จำกัด ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะออกบัตรประจำตัวเพิ่ม ส่วนพลเมืองเดิมเหล่านั้นหลังจากที่ได้รับสิทธิประโยชน์แล้วความคาดหวังในใจกลับเป็นการก้าวไปข้างหน้า ดังนั้นพฤติกรรมการกระทำจึงอยู่บนพื้นฐานของการรักษาสถานะที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้เอาไว้ให้ได้
หางตาถังเจิ้นเหลือบไปเห็นว่ามีชายกำยำคนหนึ่งในหมู่ผู้พเนจรสะพายกระเป๋าหนังที่เต็มไปด้วยทองคำเดินเข้าไปยังตลาดของผู้พเนจร
กระเป๋าหนังหนัก ๆ แบบนี้ดูแล้วเหมือนคนงานแบกกระสอบข้าวสาร แต่ไอ้หมอนั่นกลับเดินอย่างผ่อนคลายสบายใจอย่างยิ่ง
พอมองดูดี ๆ ว่ามันเป็นใครก็พบว่าเป็นหัวหน้าทีมถู่หาวที่สมงสมองไม่ค่อยจะมีนั่นเอง ไอ้หมอนี่น่าสนใจมาก ถังเจิ้นได้ยินว่าเมื่อมันมาครั้งแรกก็โดนไทสันทุบตีจนร่วงไปกองกับพื้นอย่างง่ายดายเลยไม่พอใจอีกฝ่ายมาก ๆ
ซึ่งทางไทสันที่รู้เรื่องนี้จากที่ใช้ชีวิตขี้เกียจไม่ได้รบราฆ่าฟันทุกวันมานานแล้วก็รีบให้หัวหน้าทีมถู่หาวรีบ ๆ มาทวงเกียรติของตัวเองคืนทันทีโดยสัญญาว่าถ้ามันเอาชนะได้ล่ะก็จะให้เสบียงอาหารเป็นรางวัลไปเลย
แน่นอนว่าหัวหน้าทีมถู่หาวย่อมยินดีกับเรื่องนี้ มันถอดเสื้อออกแล้วเข้าต่อสู้กับไทสันบนพื้นหญ้า
เพียงแต่ว่าไอ้หมอนี่มันไม่ค่อยฉลาดมีดีแค่กำลังเยอะอย่างเดียว ซึ่งในแง่นี้ไทสันเป็นรองมันแค่นิดเดียวเท่านั้น ทว่าในการต่อสู้มันไม่ได้ใช้กำลังวัดกันอย่างเดียว ต้องใช้ฝีมือด้วย
ดังนั้นถึงแม้ว่าด้านพละกำลังความแข็งแกร่งจะด้อยกว่า แต่ไทสันที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้เหนือกว่าบวกกับได้ดูคลิปวิดีโอศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงที่ถังเจิ้นให้มาซึ่งเจ้าตัวเปิดดูไม่หยุด ทั้งนักรบและทหารเมืองเชิ่งหลงต่างสร้างชุดทักษะการต่อสู้อันไม่ซ้ำใครโดยใช้ประสบการณ์ในการสู้รบของพวกตนมากประกอบ บวกกับความรู้ที่ได้จากคลิปวิดีโอทำให้แต่ละการเคลื่อนไหวแม้จะเรียบง่ายแต่เฉียบคมถึงตาย!
ดังนั้นโดยรวมแล้วในแง่ของประสบการณ์และทักษะฝีมือด้านหัวหน้าทีมถู่หาวยังตามหลังไทสันชนิดไม่ได้กินฝุ่น
เพราะเหตุนี้หัวหน้าทีมถู่หาวซึ่งแต่เดิมมาอย่างมั่นหน้าจึงถูกไทสันทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว แต่ละครั้งที่มันจู่โจมต่างก็มาอย่างกับวัวบ้า ซึ่งไทสันสามารถสับขาหลอกหลบหลีกได้อย่างผ่อนคลายจากนั้นก็ใช่แค่ท่าเดียวส่งมันลงสู่ขุมนรกทั้งเป็น
และที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือขณะที่สู้ ๆ อยู่ไทสันยังมาสอนหนังสืออีก ออกกระบวนท่าไปด้วยอธิบายหลักการและเทคนิคในการใช้ไปด้วยให้ผู้ชมได้เห็นฝีมือของนักรบเชิ่งหลง บรรดาผู้ชมต่างก็ปรบมือให้กับการแสดงของไทสันได้ด้วยหัวเราะเยาะไอ้หัวหน้าทีมถู่หาวไปด้วยทำให้เจ้าตัวแทบจะปอดระเบิด
‘ไหนมึงว่าเป็นการต่อสู้แห่งเกียรติยศยุติธรรมไง แล้วไมมึงมีแต่คนชื่นชมส่วนกูมีแต่คนสมเพชละโว่ย!’
หัวหน้าทีมถู่หาวโกรธมาก หลังจากลุกขึ้นได้ก็กระโจนใส่ไทสันอย่างดุเดือดเลือดพล่านมากขึ้น แต่ก็ต้องลงไปหมอบกระแต เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทางด้านไทสันโดนหมัดเฉี่ยวหน้าไปนิดหน่อยเพราะประมาทเองแต่ก็ยังหัวเราะอารมณ์ดีเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาได้อยู่
เมื่อหัวหน้าทีมถู่หาวกำลังจะร่วงไปเป็นครั้งที่ยี่สิบกลับถูกไทสันดึงขอบกางเกงไว้ไม่ให้ล้ม ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะปลื้มและกอดไทสันอยู่นั้นเองกลับรู้สึกเหมือนตัวลอยขึ้นก่อนจะถูกทุ่มลงกับพื้นในสภาพที่แขนถูกจับงอในสภาพแปลก ๆ ซึ่งเหมือนโดนล็อคไพล่หลังทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้อีก
หลังจากนั้นไทสันก็ตะโกนบอกคนดูรอบ ๆ ว่า “ดูให้ดี ๆ ล่ะ! นี่เขาเรียกว่าเอ่อ... ใช่ ๆ ศิลปะการต่อสู้! เออนั่นแหละ! มันจะใช้การโจมตีตามข้อต่อร่างกายบวกกับจุดอ่อนทั้งหลายเรียกว่าวิชาหักข้อต่อ! เห็นไอ้หมอนี่มั้ย มันมีพละกำลังหมาศาลแต่พอเจอท่านี้เข้าไปมันก็ทำไรไม่ได้แล้ว!”
หลังจากไทสันพูดจบก็ปล่อยมือทันทีและเตะตูดของหัวหน้าทีมถู่หาวอย่างแรง หัวหน้าทีมถู่หาวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็กระเด็นไปข้างหน้าสร้างฉากฉากแอ็คชั่นที่ตลกโปกฮาอีกรอบ
ต่อมาไทสันดูจะติดหล่ม จัดการใช้มันเป็นกระสอบทรายในการทดสอบทักษะต่าง ๆ ที่ตัวเองได้เรียนรู้มาในขณะที่อีกฝ่ายล้มแล้วล้มอีก!
ในตอนจบคือหัวหน้าทีมถู่หาวถึงกับระบมปูดบวมไปหมดทั้งตัวและต้องยอมรับแม้จะไม่เต็มใจว่าตัวเองไม่อาจเอาชนะไทสันได้ อีกฝ่ายมันก็อุบายเยอะซะเหลือเกิน ส่วนตัวเองก็ไม่รู้จักยอมแพ้ซักทีจนสุดท้ายแค่ยืนก็ยังไม่ไหวเลยต้องนอนแกล้งตายให้ทุกคนหัวเราะเยาะไปก่อน
และไม่รู้ทำไม หลังจากที่มันโดนไทสันทุบตีจนลุกไม่ไหวแล้วจู่ ๆ ก็กลายมาเป็นลูกน้องของไทสันเฉยเลย มีโอกาสเมื่อไหร่จะยิ้มแย้มประจบสอพลอตลอด แต่เวลาที่ไทสันเรียนรู้กระบวนท่าใหม่ ๆ ได้ไอ้นี่มันจะพยายามหลีกหนีให้ไว
แม้จะโง่แต่มันก็รู้เรื่อง เมื่อไหร่ที่ไทสันเหล่ตามองมันตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมยิ้ม ๆ มันจะตระหนักได้ถึงเจตนาร้ายของอีกฝ่ายและรีบหนีทันที
‘ไอ้ห่าหนิ ไม่อยากเรียนวิชาของกูแล้วเสือกอยากแก้แค้นกูเนี่ยนะ แต่สมองหมาปัญญาความอย่างมึงสอนไปก็เรียนไม่ได้อยู่ดี!’ แล้วไทสันก็เตะตูดมันแล้วจากไปอย่างหยิ่งผยอง
อย่างไรก็ตามหัวหน้าทีมถู่หาวมันก็ยังมีความมานะพยายาม ด้วยความที่ในหัวมีแต่กล้ามเนื้อ ครั้งนี้โดนทืบ ครั้งต่อ ๆ ไปยังโดนทืบอีก มันก็ยังไม่เลิกประจบประแจง
จนในท้ายที่สุดมันก็ทนต่อไปไม่ไหว เมื่อมันเห็นไทสันมันก็จะหดหัวหนีไปเลย เพราะมันกลัวคนผู้นี้จริง ๆ จะให้ทนโดนทืบอยู่ตลอดก็ไม่ไหว จะสู้กลับก็สู้ไม่ได้อีก เพราะงั้นทำได้อย่าเดียวคือหลบลี้หนีหน้าดีกว่า
ถังเจิ้นกลับมาคิดถึงเรื่องราวที่น่าสนใจของหัวหน้าถู่หาวอีกครั้งแล้วให้ทหารไปเรียกตัวอีกฝ่ายมาพบหน่อย
เมื่อหัวหน้าทีมถู่หาวได้ยินว่าถึงเจิ้นเรียกพบก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาและหยุดยืนต่อหน้าเขาพร้อมพูดเสียงดังฟังชัดด้วยรอยยิ้มว่า “มีอะไรให้ผมรับใช่เหรอครับนายท่าน! ขอแค่บอกมาคำเดียวเดี๋ยวผมจัดให้!”
ถังเจิ้นพยักหน้าอย่างพึงพอใจแล้วหยิบบุหรี่ยื่นให้อีกฝ่ายซึ่งเกือบทำเอามันน้ำมูกไหล เพราะแม้แต่ชาวเมืองเชิ่งหลงเองก็มีแค่ไม่กี่คนที่มีคุณสมบัติพอที่จะได้สูบบุหรี่
แถมตอนนี้ตัวเองได้ตั้งซองหนึ่งเลยเชียวนะ ซึ่ทำเอาทหารเมืองเชิ่งหลงลูกน้องเฒ่าไมค์ต้องมองด้วยความอิจฉา!
เห็นแบบนี้หัวใจของมันก็รู้สึกเหมือนเอาน้ำผึ้งหอมหวานมาชโลม ปากฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงรูหู!