นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 138 - รับสมัคร
“ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
มันเป็นไปตามที่เธอคาดเอาไว้ไม่มีผิด มีเสียงตวาดดังขึ้นมาในทันที แม้ว่าเอเวียนจะไม่ลงมือ แต่มีนักเรียนคนอื่นที่ไม่ยอมรับ และไม่ยอมตัดใจจากอุปกรณ์ไฮเทคระดับสูงนี่ง่าย ๆ อยู่แล้ว
เสียงนั่นดังมาจากนักเรียนชายคนหนึ่ง เสียงของเขายังไม่ทันสิ้นสุดลง การโจมตีที่ดุร้ายก็ถึงตัวฟิลลิดาที่ยังวางมือให้กล่องอุปกรณ์นั่นสแกนอยู่ มันไม่มีความปราณีเลยแม้แต่น้อย
แต่สีหน้าของฟิลลิดาไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับท่าทางของเธอ มันยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเพื่อหลบการโจมตีเลย
กลับเป็นสมาชิกของตระกูล ที่ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราดดังลั่นไปหมด
“กล้าดียังไง!?” “หยุดมือเดี๋ยวนี้!” “เจ้าเลวเอ้ย!”
และในวินาทีที่การโจมตีจะสัมผัสกับตัวของฟิลลิดา ประกายของสายฟ้าปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน มันโจมตีเข้าไปที่นักเรียนคนที่จู่โจมเข้ามาจนชะงักตกลงบนยอดอาคารนั่น ถ้าสังเกตให้ดี ๆ มันไม่ใช่สายฟ้าที่ฟาดลงมา แต่เป็นกระแสไฟฟ้าที่พุ่งออกมาจากฐานที่วางกล่องสีทองนั่นเอาไว้ต่างหาก
พลังทำลายของกระแสไฟฟ้านั่นรุนแรงเป็นอย่างมาก มันช็อตเสียจนสไปร์เยอร์คนหนึ่งไหม้ดำไปทั้งตัว และต้องนอนกองอยู่บนพื้นอย่างไม่สามารถขยับตัวได้เลยด้วยซ้ำ จากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น นักเรียนคนนี้ไม่น่าจะถึงกับเสียชีวิต แต่คงจะต้องพักฟื้นไม่ต่ำกว่า 10 วัน ในกรณีที่ไม่มีถังพลังงานช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บให้แก่เขา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้นักเรียนที่มองดูอยู่รอบ ๆ ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเหน็บหนาวทีเดียว
“น-นั่นมันอะไร? เกิดอะไรขึ้น?” เสียงของนักเรียนคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่วางแผนจะลงมือจู่โจมฟิลลิดา เพื่อแย่งกล่องอุปกรณ์สีทองนั้นมาเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้เขาต้องหยุดตัวเองเอาไว้ก่อน ในแววตาปรากฏความกลัวเกิดขึ้นไม่น้อย
“ฉันคิดว่า AI ของพื้นที่ปลอดภัยโจมตีเขา” มีนักเรียนบางคนเอ่ยตอบออกมา แต่น้ำเสียงนั้นไม่มีความแน่ใจเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าอย่างนั้น นี่ก็หมายความว่าในพื้นที่ปลอดภัย ไม่สามารถโจมตี หรือทำการต่อสู้ได้เลยอย่างนั้นสินะ” เสียงของนักเรียนหญิงคนหนึ่งสรุปออกมา
ไม่ใช่ว่านักเรียนทุกคนจะรับรู้ข้อห้ามในการต่อสู้กันในพื้นที่ปลอดภัยแห่งนี้มาก่อน ถึงแม้ว่ามันจะมีระบุเอาไว้ในคำแนะนำของการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ว่าผู้ที่ลงมือโจมตีผู้อื่นในพื้นที่ปลอดภัย จะถูก AI ประจำพื้นที่ช็อตด้วยกระแสไฟฟ้า แต่นักเรียนส่วนใหญ่เลือกที่จะสนใจศึกษาเกี่ยวกับของรางวัลที่จะได้รับมากกว่าเรื่องอื่น รวมทั้งระยะเวลาที่พวกเขามีในการอ่านคำแนะนำ ไม่ได้ยาวนานสักเท่าไรนัก มีนักเรียนน้อยคนที่จะอ่านคำแนะนำได้อย่างละเอียดและถี่ถ้วนมากพอ
และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้ฟิลลิดามั่นใจเป็นอย่างมาก ไม่สนใจว่าจะมีใครตัดสินใจโจมตีเพื่อแย่งชิงกล่องอุปกรณ์กับตัวเองหรือไม่ เพียงตั้งใจสแกนป้ายประจำตัวเข้ากับกล่องสีทองนี้เท่านั้น
ในที่สุดกระบวนการอ่านข้อมูลก็สำเร็จ ฝากล่องถูกเปิดออกในทันที พร้อมกับมือของฟิลลิดาที่เอื้อมเข้าไปหยิบของที่อยู่ด้านในอย่างไม่รีรอ เมื่อเธอดึงมือกลับออกมา ก็พบว่ามันเป็นเพียงผ้าลายพรางที่ดูนุ่ม ๆ ผืนหนึ่ง พร้อมกับหมวกเกราะอีกใบเท่านั้น
สีหน้าของฟิลลิดาเปลี่ยนไปอย่างมากในทันที เธอรีบเอามันกลับเข้าไปในกล่องอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็สายเกินไปแล้ว แม้ว่าระยะเวลาที่อุปกรณ์ในกล่องเผยโฉมออกมาจะเป็นแค่เพียงเสี้ยววินาที สายตาที่เฉียบคมของนักเรียนที่จ้องมองอยู่ก็สามารถสังเกตมันได้อย่างชัดเจนแล้ว
มีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่สงสัยว่าทำไมในกล่องเก็บอุปกรณ์ชั้นสูงใบนี้มีเพียงผ้าธรรมดา ๆ อยู่เท่านั้น แต่เหล่านักเรียนที่มีความรอบรู้อย่างเอเวียน ลู่ฟง จานีน และอีกหลายคน มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงเช่นเดียวกันกับฟิลลิดาไม่มีผิด พวกเขาระบุคุณค่าของมันได้ในทันที สายตาของแต่ละคนนั้นแสดงความประหลาดใจ และตามมาด้วยความโลภที่ปิดบังเอาไว้ไม่อยู่เลยแม้แต่น้อย
บรรยากาศในพื้นที่ปลอดภัยกลายเป็นตึงเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน เมื่อคลื่นสมองของนักเรียนส่วนหนึ่งแผ่ออกมาอย่างกดเอาไว้ไม่อยู่ กลิ่นอายที่เต็มไปด้วยเจตนาร้ายผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทั่วบริเวณ แรงกดดันเกือบทั้งหมดพุ่งตรงเข้าสู่ฟิลลิดา แต่ยังไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไรในพื้นที่ปลอดภัยแห่งนี้ ทุกคนได้แต่จ้องมองเข้ามาด้วยความต้องการแย่งชิงที่ชัดเจนเท่านั้น
หลังจากที่ฟิลลิดาเก็บของกลับเข้าไปในกล่อง มันก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตามมาทันที กล่องสีดำประกายทองเริ่มสลายตัว มันแตกออกเป็นชิ้นส่วนเล็ก ๆ จำนวนมากมายมหาศาล แต่ละส่วนนั้นสามารถขยับเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง และราวกับเป็นกองทัพมด เครื่องจักรนาโนจำนวนนับล้านค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นไปตามแขนของฟิลลิดา จนมารวมตัวกันเป็นกระเป๋าเป้สีน้ำตาลอยู่บนหลังของเธอ มันเปลี่ยนสีของตัวเองจนกลมกลืนไปกับชุดของฟิลลิดาได้เป็นอย่างดี
ใบหน้าของเธอนั้นมีรอยยิ้มกว้างปรากฏออกมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ฟิลลิดานั้นมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง และด้วยการหมุนเวียนเลือดในร่างกายอย่างง่าย ๆ เพียงรอบเดียว เธอก็สลายแรงกดดันทั้งหมดที่พุ่งเข้าหาตัวเองออกไปจนหมด ก่อนที่เสียงอันหวานไพเราะจะดังขึ้น “ในเมื่อทุกคนมารวมกันอยู่ที่นี่แล้ว ฉันก็ถือโอกาสกล่าวอะไรสักเล็กน้อยเลยก็แล้วกัน” เสียงของเธอนั่นนุ่มนวล แต่มันดังกังวานพอที่จะได้ยินกับไปทั่วบริเวณ เห็นได้ชัดว่าเธอเจตนาเพิ่มพลังบางอย่างลงไปในน้ำเสียงของตัวเองด้วย
และมันได้ผลไม่น้อยเลยทีเดียว เสียงซุบซิบพึมพำเริ่มเงียบลงหลังจากที่เธอกล่าวจบ
ฟิลลิดาเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา ก่อนจะกล่าวต่ออย่างไม่ลังเล “ฉันคิดว่าเกือบทุกคนในที่นี้รู้อยู่แล้วว่าตัวของฉันนั้นคือใคร! และสันนิษฐานว่า ส่วนใหญ่รู้ว่าฉันกำลังจะพูดอะไรอีกเช่นกัน”
หลังจากกวาดสายตาไปรอบ ๆ เธอก็เอ่ยออกมาอีก “ใช่! ถูกต้องแล้ว ฉันต้องการชักชวนนักเรียนบางคนให้มาร่วมมือกัน ช่วยเหลือให้ฉันสามารถชนะการแข่งขันในครั้งนี้ เอาอันดับที่ 1 มาครอบครอง”
ยังไม่ทันที่ฟิลลิดาจะพูดจบเสียด้วยซ้ำ เสียงคำรามลั่นราวกับสายฟ้าก็ดังสวนขึ้นมาก่อนแล้ว
นักเรียนชายผิวขาวผมสีบลอนด์คนหนึ่ง ที่มีท่าทางหยิ่งผยองจนมองไม่เห็นหัวใคร เป็นคนที่เปล่งเสียงคำรามนั้นออกมา และยังกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างมาก
“เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ความสามารถกระจอกงอกง่อยแค่นี้ คิดจะรับสมัครพวกเราให้เป็นผู้ช่วยอย่างนั้นหรือ ฝันไปหรือเปล่า? เธอแค่ไร้เดียงสา หรือว่าโง่จริง ๆ กันแน่เนี่ย?” เสียงของ ‘เฟอร์เดิร์น’ นั้นไม่เบาเลย มันแทบจะกลบเสียงพูดของฟิลลิดาลงไปจนหมด
แต่เธอยังคงยิ้มอยู่อย่างเดิม เพียงแค่หันหน้ามองไปทางเขาเท่านั้น
“ฉันรู้จักนาย ‘เฟอร์เดิร์น จากาอุส’ ถ้าฉันจำไม่ผิด การหมุนเวียนเลือดของนายถึงระดับ 60 รอบต่อนาทีแล้วใช่มั้ย?” น้ำเสียงของเธอราบเรียบ ไม่มีอารมณ์โกรธจากการถูกขัดจังหวะเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เธอกล่าวออกมานั้นน่าทึ่งไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อคิดว่าเธอสามารถกล่าวข้อมูลของนักเรียนธรรมดา ๆ คนหนึ่งออกมาได้ในทันทีแบบนี้
เฟอร์เดิร์นกระแอมออกมาเบา ๆ อกของเขายืดขึ้น แสดงท่าทางตอบรับคำพูดชื่นชมนั้นอย่างเต็มที่ ไม่มีอาการถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของฟิลลิดาก็ดังต่อเนื่องออกมาอีก แต่คราวนี้มันไม่อ่อนโยนเลย “นายอ่อนเกินไปหน่อย ฉันไม่คิดจะรับนายเข้าเป็นพวกด้วยเลย อย่ามารบกวนการพูดคุยในครั้งนี้ได้มั้ย?” น้ำเสียงของเธอนั่นช่างเหยียดหยาม มันแทบทำจะให้คนที่ได้ฟังต้องเอามือปิดหน้าลงไปเลยทีเดียว
และสีหน้าของเฟอร์เดิร์นนั้นก็กลายเป็นดำมืดจริง ๆ เขาโกรธจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก่อนที่จะได้ระเบิดคำผรุสวาทออกมาเพื่อโต้เถียง หางตาของเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าของนักเรียนคนอื่น แทบทุกคนมีอาการเหยียดหยามปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน และยังมีคนที่หันไปซุบซิบนินทาเขาอย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย ทุกคำพูดเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด เขาอ่อนเกินไปจริง ๆ!
และสิ่งที่เฟอร์เดิร์นทำได้ในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือหุบปาก! และค่อย ๆ ถอยตัวเองให้หายกลับเข้าไปในฝูงคนอย่างไร้ร่องรอย