ตอนที่ 85 ไพ่ใบสุดท้ายของลุค(อ่านฟรี)
ตอนที่ 85 ไพ่ใบสุดท้ายของลุค
“เจนกระโดดลงมาหาพี่!!!”
เสียงดังขึ้นสะท้านไปทั้งพื้นที่เขต 3 ทุกคนต่างให้ความสนใจ แต่แค่ครู่เดียว เพราะทุกคนคิดว่าคำพูดของชายหนุ่มเปรียบดังสิ่งไร้ค่าเมื่อเทียบกับฉากที่ยักษ์ตาเดียวกำลังพาหญิงสาวคนนั้นข้ามประตูมิติไป
แต่แล้วทุกคนก็ต้องอึ้งและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมา องค์หญิงเทพอสูรผู้ครอบครองร่างของเจนกลับกระโดดออกมาจากฝ่ามือของยักษ์ตาเดียวซะอย่างนั้น
ทำเอาทุกคนและมอนสเตอร์อีกฝั่งได้พากันมองอย่างสับสนไปหมด มันเรื่องอะไรกันวะ!
“ไม่!!!” สิงโตอับบาสคำรามด้วยความสิ้นหวังที่เห็นว่าอยู่ ๆ องค์หญิงเทพอสูรก็กระโดดไปเฉย ๆ เลย
“ข้าทำอะไร ไม่นะ!” องค์หญิงเทพอสูรเหมือนจะพึ่งรู้สึกตัวพยายามเอื้อมมือไขว่คว้า แต่ก็สายไปแล้ว เธอตกลงมาห่างจากประตูมิติบนท้องฟ้าไกลเกินกว่าจะกลับไปได้แล้ว
ฟรึบ!
ยักษ์ตาเดียวเป็นเพียงตัวเดียวที่ข้ามผ่านประตูไปแบบงงงวย มันไม่เข้าใจว่าทำไมท่านผู้นั้นถึงกระโดดออกจากมือ ก่อนจะหันไปดูสิงโตอับบาสกำลังเสียสติบ้าคลั่ง
“องค์หญิงเทพอสูรท่านรีบมาเร็ว” สิงโตอับบาสไม่สนใจว่าประตูจะพังหรือไม่มันคิดจะยื่นมือขนาดใหญ่ของมันข้ามผ่านประตูมิติไปคว้าเอาตัวของเด็กสาวที่กำลังตกลงไป
“หึ ฉันจะไม่ยอมให้แกทำแบบนั้น ระเบิดไปซะ” หญิงสาวระดับ A ที่ใช้พลังต้านพลังโจมตีของสิงโตอับบาสอยู่ได้ทำลายสมดุลของพลังทั้งสองพร้อมกัน จากนั้นก็ผลักพลังทำลายล้างกลับไปที่ประตู
บึม!
แรงระเบิดกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าเหนือเมืองตามมาด้วยคลื่นกระแทกที่กวาดซัดเขต 3 อย่างรุนแรง ทำลายซากอาคารที่เสียหายถล่มจนราบไปหลายแห่ง เหนือมนุษย์ทุกคนรีบเข้าหาที่หลบ
นิโคลฝืนความเจ็บกระโดดไปกอดตัวของลุคไว้และใช้โซ่แทงใส่พื้นเพื่อยึดตัวเองเอาไว้
อีลิกอยู่ในสภาพอ่อนล้าและคว้าจับซากของมอนสเตอร์มนุษย์ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนพัดปลิวไป
หญิงสาวที่อยู่ใกล้แรงระเบิดที่สุดสะบัดมือทำลายคลื่นที่ซัดเข้ามาหาตัวและยืนอยู่กลางอากาศได้อย่างมั่นคง เธอกำลังมองดูประตูมิติที่เสียความเสถียรและปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว
“ข้าจะต้องแก้แค้น อ๊ากกก...” อับบาสตะโกนสิ้นเสียงหายไปพร้อมกับประตูที่ปิดลงสมบูรณ์
อับบาสที่ดึงอุ้งเท้ากลับไปทัน ทำให้ขาหน้าของมันโดนประตูมิติที่ปิดลงตัดจนขาดตกลงมาจากฟากฟ้า เลือดไหลออกมาตกลงมาเป็นฝนโลหิต
ผู้รอดชีวิตต่างถอนหายใจและคิดว่าทุกอย่างนั้นจบลงแล้ว แต่แล้วพวกเขาก็พึ่งนึกขึ้นมาได้ยังมีหญิงสาวที่ไม่ได้ข้ามประตูไปด้วย หญิงสาวที่มอนสเตอร์ทำลายล้างเมืองเพื่อมาพาตัวของเธอไป
สายตาทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงเทพอสูรที่เท้าพึ่งสัมผัสพื้นยืนอยู่ใต้ฝนโลหิตและขาของสิงโตอับบาสระดับ A ที่พึ่งตกลงมาข้างตัวเธอ
ตูม! ขาของอับบาสตกลงมา แต่องค์หญิงเทพอสูรไม่มีจิตใจที่จะไปสนใจมัน เธอกลับหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ทำไมร่างกายของเธอถึงอยู่เหนือการควบคุม
ซึ่งเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่การกระทำของเจน ตอนนี้หญิงสาวก็สังเกตเห็นตราแปลก ๆ ที่หลังมือ มันเป็นรูปโซ่และแมงมุมสีดำที่ให้ความรู้สึกลึกลับ
“ตราที่มีพลังควบคุมทาส ตั้งแต่เมื่อไหร่” องค์หญิงเทพอสูรค้นพบความลับของมันในทันที แต่เธอไม่เข้าใจว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาก็ไม่ค้นพบความผิดปกติบนร่างกายและไม่มีใครเข้าถึงตัวของเธอได้
ยกเว้นก่อนหน้านั้น
“หรือว่าในตอนนั้น” องค์หญิงเทพอสูรนึกออกจะมองดูชายหนุ่มที่สภาพบาดเจ็บสาหัสคนนั้นจนแทบไม่อาจจะรักษาสติของตัวเองไว้ได้แล้ว
ข้างตัวชายหนุ่มมีหญิงสาวอีกคนพยายามช่วยห้ามเลือดที่แผลให้อยู่ แม้ตัวเธอเองจะบาดเจ็บก็ตาม
เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ลุคเข้ามากอดเธอไว้
ลุคเองก็รู้ว่าเขาปิดองค์หญิงเทพอสูรไม่ได้ เธอค้นพบแล้วว่าเมื่อครู่เขาได้ลงมือกับเธอหรือจะพูดให้ถูกคือกับเจน ตั้งแต่ที่ลุคค้นพบว่าอารมณ์และความรู้สึกขององค์หญิงเทพอสูรยังมีความรู้สึกของเจนอยู่ด้วยลุคก็มองเห็นโอกาสที่เขากำลังรอคอย
ตอนที่นั่งรถออกมาจากป่ากลายพันธุ์เอราบีเต้ลุคได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่หลังจากรักษาเจนด้วยยารักษาแหล่งกำเนิดคลื่นพลังแล้ว คนที่ตื่นขึ้นมาอาจจะไม่ใช่เจน และเขาจะต้องมีวิธีการควบคุมเธอ
หลังจากใช้เวลาคิดและทบทวนดีแล้ว คำตอบที่ลุคได้ก็ชี้ไปที่ ไอเทม “คัมภีร์ตราทาส”
ไอเทมที่เขาได้มาจากมอนสเตอร์แมงมุมปรสิตที่บังเอิญข้ามไปที่ระดับ D ได้แต่ต้องมาจบชีวิตลง ซึ่งไอเทมคัมภีร์ตราทาสมีความสามารถในการควบคุมสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับต่ำกว่าตัวไอเทมลงมา
และแม้ว่าพลังขององค์หญิงเทพอสูรที่ควบคุมร่างของเจนอยู่ที่ระดับ E เท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถแปลก ๆ และการแย่งเอาพลังของคนอื่นมา เธอคงไม่สามารถสะกดอีลิกที่เป็นระดับ D ได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรพลังพื้นฐานในตัวของเธอก็เป็นแค่ระดับ E อยู่ดี ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขการควบคุมของคัมภีร์ตราทาสระดับ D
และนี่คือไพ่ใบสุดท้ายที่ลุคเคยคิดจะให้กับน้องสาวของเขา ถ้าคนที่ตื่นขึ้นมาเป็นองค์หญิงเทพอสูร โดยลุคตั้งใจพาเจนไปที่สำนักงานเหนือมนุษย์ รอเธอฟื้นและใช้ ไม่ก็ไปที่ตลาดมืดและใช้มัน แต่เพราะโดนแผนการของผู้มองอนาคตผลักจนมาถึงที่นี่ ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ใช้มัน
ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงไม่ใช้มันก่อนหน้านั้น ในตอนที่เจนสลบ
ลุคไม่สามารถทำได้ เพราะแหล่งกำเนิดคลื่นพลังของเจนเสียหายและกำลังฟื้นตัว ถ้าเขาใช้คัมภีร์ตราทาสมันเสี่ยงที่ทำทำร้ายจนถึงฆ่าเจนได้
สุดท้ายแล้วลุคก็ต้องใช้มันในตอนที่เขากอดตัวของเจนไว้ช่วงที่ฟารันฉวยโอกาสโจมตี
ที่จริงลุคไม่อยากจะใช้ไอเทมชิ้นนี้ถ้าไม่จำเป็น เพราะมันทำร้ายทั้งเจนและเขา เจนถูกควบคุมโดยลุคผ่านตราทาส แต่ลุคก็ต้องจ่ายราคาที่มหาศาลเหมือนกัน
ไอเทมที่ใช้เป็นไอเทมระดับ D การที่ลุคฝืนใช้พลังของไอเทมในระดับที่สูงเกินไปมันก็ยังอยู่ในกฎของเหนือมนุษย์ที่ทุกคนต้องเจอ คือการแบกรับพลังที่มหาศาลเกินว่าแหล่งกำเนิดคลื่นพลังของเขาจะรับมันได้ มันได้ทำลายแหล่งกำเนิดคลื่นพลังของเขาจนเสียหายร้ายแรงคล้ายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจนมาก่อน
ตอนนี้เขาเหลือสติไม่มากแล้ว คลื่นพลังเขากำลังสลายไปเรื่อย ๆ จากความเสียหายที่แหล่งกำเนิดคลื่นพลัง
เขามองดูน้องสาวด้วยความยินดี อย่างน้อยการเดิมพันกับอนาคตที่เห็นว่าเจนจะไม่ตายก็เป็นจริง ๆ เจนไม่ตายและเขายังแย่งเธอกลับมาจากตัวตนระดับ A ที่น่าสะพรึงกลัวได้
องค์หญิงเทพอสูรปะติดปะต่อทุกอย่างได้และเข้าใจว่าทุกอย่างคือฝีมือของพี่ชายเจ้าของร่างนี้ เธอจ้องใบหน้าที่ซีดขาวราวกับศพ แต่กลับยิ้มออกมานั้นโกรธเคือง
“ข้าเกลียดเจ้า!” เธอตะโกนออกมาเป็นครั้งแรกและอารมณ์ที่อ่อนไหวอย่างชัดเจน
เธอเกือบจะได้ข้ามประตูมิติและไปจากที่นี่แล้ว แต่เพราะลุคทำให้ทุกอย่างพังทลาย ไม่มีทางที่พวกนั้นจะเปิดประตูอีกครั้งในเวลาอันสั้นและมาช่วยเธอได้
ตอนนั้นองค์หญิงเทพอสูรก็เห็นว่าหญิงสาวระดับ A มองลงมา เธอสัมผัสได้ในทันที
“ข้าต้องหนี” องค์หญิงเทพอสูรที่ใบหน้าเปื้อนฝนเลือดที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้า ได้หันไปเห็นแขนของสิงโตอับบาสที่เลือดกำลังไหลออกมาจนเปลี่ยนพื้นรอบ ๆ เป็นสีแดง จึงยื่นมือออกไป
“มา”
เลือดในแขนข้างนั้นไหลออกมาก่อนจะซึมเข้ากับตัวของเธอ เธอต้องการยืมพลังในเลือดเพื่อใช้พลังการโจมตีระดับ A ใช้มันหนีไปจากที่นี่ แม้เหมือนจะมีความหวังไม่มาก แต่องค์หญิงเทพอสูรก็ยังเชื่อว่าเธอจะทำได้ด้วยความรู้ที่เธอมีไม่มีทางที่มนุษย์เหล่านี้จะหยุดเธอได้
พลังขององค์หญิงเทพอสูรกำลังจะเพิ่มขึ้นคล้ายกับตอนที่เธอดูดซับเพลิงและสายฟ้ามาใช้มาก่อน
“เจนจงตื่นขึ้นมา”
เสียงของลุคก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันเบามาก แต่เนื่องจากตอนนี้ทุกคนกำลังอึ้งและนิ่งเงียบกับการเปลี่ยนแปลงในช่วงสุดท้ายของสนามรบ จึงทำให้เสียงของลุคดังพอจะได้ยิน
และนี่เป็นคำพูดสุดท้าย ก่อนที่ลุคจะสติดับไปอย่างแท้จริง
“ไม่นะเจ้าทำไม่ได้!” องค์หญิงเทพอสูรสั่นอย่างหวาดกลัว ถ้าเจนตื่นขึ้นมา เธอจะต้องโดนสะกดไว้และไม่อาจจะควบคุมร่างได้อีก
เธอพยายามควบคุมร่างกาย แต่ตราทาสแทรกเข้ามาควบคุมร่างกาย องค์หญิงเทพอสูรจึงต้องหันไปทำลายตราทาส ถึงอย่างนั้นตราที่มีผลในการควบคุม โดยเฉพาะสิ่งที่ต้องอาศัยความยินยอมจากเจ้าของร่าง
ซึ่งองค์หญิงเทพอสูรไม่ใช่คนที่ยินยอมแต่เป็นเจนที่โดนกักขังบังคับให้หลับใหลได้ทำมันไปตามสัญชาตญาณจากความเชื่อมั่นต่อพี่ชาย ร่างนี้จึงยอมรับตราไปโดยอัตโนมัติ
องค์หญิงเทพอสูรจึงต้องใช้เวลาในการทำลายตราทาสนี้นานกว่าปกติ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทันการแล้ว ตราทาสเป็นเหมือนกับกุญแจที่ไขประตูในจิตใจที่กักขังเจนไว้
เจนเปิดออกมา
“พอได้แล้ว ฉันจะออกไป” เจนกล่าวออกมา
“เจ้ากักขังข้าไม่ได้” องค์หญิงเทพอสูรยังไม่ยอมแพ้
“เฮ้อ...เธอได้อารมณ์และความทรงจำของฉันผสานเข้าไป ฉันเองก็ได้จากเธอเช่นกัน แม้จะไม่มาก แต่มันพอแล้ว”
ราวกับว่าเจนกำลังพูดกับตัวเอง ก่อนที่เธอจุหยุดนิ่งไม่มีการโต้เถียงอีก เพราะองค์หญิงเทพอสูรโดดกักขังไปแล้ว เจนมีสีหน้ากลับมาเป็นเจนคนเดิมได้ในที่สุด
เธอมองไปที่ลุคที่นอนหมดสิ้นสติในอ้อมกอดของนิโคล
เจนรีบวิ่งไปหาลุคที่นอนสิ้นสติไปแล้ว พอเธอเห็นสภาพของลุคความเจ็บปวดก็ถาโถมเข้ามา เด็กสาวตัวน้อยไม่อาจจะอั้นความรู้สึกได้อีก เธอร้องไห้อย่างโศกเศร้า น้ำตาไหลของน้องสาวก็ไหลหยดลงบนหน้าพี่ชาย แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ
“พี่...ฮือ ๆ อย่าทิ้งหนูไปนะ! หนูเหลือแค่พี่คนเดียว...ฮือ...ๆ”
...