ตอนที่แล้วตอนที่ 476 มองหาผลไม้ชนิดใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 478 สร้างกองยานชั้นนำ

ตอนที่ 477 แผนพัฒนาอาณานิคมใหม่


ตอนที่ 477 แผนพัฒนาอาณานิคมใหม่

ฟินิกซ์เริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยมีเป้าหมายคือสมาคมหนานหมิง

“เจ้านี่ชื่อกระป๋อง มันมีหน้าที่เป็นเหมือนพ่อบ้านประจำตัวของฉัน” เซี่ยเฟยเรียกกระป๋องมาแนะนำให้แอวริลกับซุนซานได้รู้จัก

“นายหญิง? คุณคือนายหญิงใช่ไหม? นายท่านมักจะละเมอเรียกชื่อนายหญิงระหว่างที่เขานอนหลับตลอดเลย” กระป๋องกล่าวอย่างมีความสุข

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์ในความคิดของมนุษย์ยุคปัจจุบันก็ไม่ต่างไปจากเพชฌฆาตที่เคยทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเขามาก่อน ดังนั้นครั้งแรกที่แอวริลกับซุนซานได้เห็นกระป๋อง พวกเขาจึงรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย

แอวริลพยายามตั้งสติก่อนจะเข้าไปกอดกระป๋องด้วยความเอ็นดู หลังจากนั้นเธอก็เริ่มถามเรื่องของเซี่ยเฟยจากหุ่นยนต์ตัวน้อย และท่าทางการแสดงออกของกระป๋องก็ทำให้ซุนซานเริ่มยอมรับการมีอยู่ของมันด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุดกระป๋องก็เป็นเพียงแค่หุ่นยนต์ไร้เดียงสาไม่ได้มีท่าทีเป็นเหมือนหุ่นยนต์ร้ายในตำนาน แล้วมันก็ทำให้ซุนซานเริ่มตั้งข้อสงสัยขึ้นมาภายในใจ

“บางทีพวกเราอาจจะเข้าใจหุ่นยนต์ผิดไป เท่าที่ฉันสัมผัสมาด้วยตัวเองมันก็ดูเหมือนหุ่นยนต์จะไม่ได้ทรยศมนุษย์ทุกตัว” เซี่ยเฟยกล่าวกับซุนซานเมื่อได้เห็นสีหน้าของชายหนุ่มที่กำลังครุ่นคิดหลังจากเห็นท่าทางของกระป๋อง

ซุนซานพยักหน้ารับ เพราะเขาก็เริ่มมีความคิดเหมือนเซี่ยเฟยด้วยเหมือนกัน

กระป๋องชะงักไปเล็กน้อยหลังจากที่มันได้ยินคำพูดของเซี่ยเฟย แต่หลังจากนั้นมันก็แสดงท่าทางออกมาอย่างมีความสุข พร้อมกับเริ่มให้บริการเหล่าบรรดามนุษย์ด้วยความขยันขันแข็ง เพราะท้ายที่สุดความไว้วางใจของเซี่ยเฟยก็สำคัญมากกว่าคำชมใด ๆ ที่มันจะได้รับ

ด้านในยานฟินิกซ์เป็นเหมือนกับเมืองขนาดใหญ่ที่ลูกเรือสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ทั้งเล่นฟุตบอล, ว่ายน้ำ, ตกปลาหรืออะไรก็ได้เท่าที่สิ่งอำนวยความสะดวกภายในยานให้การรับรอง

หลังจากพาแอวริลกับซุนซานเดินชมยานลำใหม่ของเขาแล้ว ชายหนุ่มก็จัดให้ซุนซานได้เข้าพักในห้องพักที่หรูหรา ซึ่งแน่นอนว่าแอวริลย่อมเลือกที่จะอยู่กับเซี่ยเฟย

“ผมขอติดต่อกลับไปหาครอบครัวได้ไหม?” ซุนซานกล่าวถาม

“ในห้องพักมีระบบสื่อสารอยู่ เชิญนายใช้เครื่องสื่อสารได้เต็มที่เลย เดี๋ยวถึงเวลาอาหารเย็นฉันจะไปเรียกนายออกมาเอง” เซี่ยเฟยกล่าว

ซุนซานรีบวิ่งไปที่ห้องด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะตอนนี้เวลาได้ผ่านพ้นมาหลายวันแล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถติดต่อกับใครในครอบครัวของเขาได้เลย

ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็จูงมือแอวริลกลับไปที่ห้องบัญชาการ ซึ่งกระป๋องผู้กระตือรือร้นก็รีบนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ จากนั้นมันก็กลับไปทำความสะอาดฟินิกซ์อีกครั้ง

แต่ยานลำนี้ใหญ่เกินไปจนกระป๋องไม่สามารถที่จะจัดการได้คนเดียว เซี่ยเฟยจึงมอบหมายให้กระป๋องควบคุมหุ่นยนต์บริการกึ่งอัจฉริยะตัวอื่น ๆ ที่เขาเก็บมาอย่างอิสระ กระป๋องจึงกลายเป็นเหมือนหัวหน้าแม่บ้านที่คอยชี้นิ้วสั่งให้แม่บ้านคนอื่นไปจัดการงานส่วนต่าง ๆ ภายในตัวยาน

“กระป๋องขยันกับใจดีแบบนี้มาตลอดเลยงั้นเหรอ?” แอวริลถามพร้อมกับมองไปทางกระป๋องที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“เธอเชื่อเรื่องที่หุ่นยนต์ทำลายอารยธรรมโบราณด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม

“จากบันทึกในประวัติศาสตร์อารยธรรมโบราณถูกทำลายโดยพวกหุ่นยนต์แน่นอน แต่ฉันกำลังคิดว่าแม้แต่พวกหุ่นยนต์ก็อาจจะถูกแบ่งออกเป็นคนเลวกับคนดีเหมือนมนุษย์ และกระป๋องก็น่าจะเป็นหุ่นยนต์นิสัยดีที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการทำลายล้างในครั้งนั้น”

“อารมณ์ของมนุษย์ซับซ้อนกว่าหุ่นยนต์มาก เพราะนอกจากจะมีคนดีกับคนเลวแล้วมนุษย์ยังมีคนทรยศ, มีคนดื้อรั้น, มีคนหยิ่งผยองและมีคนบ้าหลากหลายประเภทไปหมด แต่พวกหุ่นยนต์เป็นเครื่องจักรที่คอยทำหน้าที่ตามที่พวกมันได้รับคำสั่งมาเท่านั้น”

“แน่นอนว่าพวกหุ่นยนต์ที่เคยได้รับคำสั่งให้กำจัดมนุษย์ก็น่าจะหายไปจากจักรวาลแห่งนี้จนหมดแล้ว ดังนั้นตราบใดก็ตามที่กระป๋องยังคงภักดีต่อพวกเรา พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปกังวลเรื่องนิสัยของหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับโอบแขนกอดแอวริลเอาไว้

“แล้วไม่ทราบว่าคุณชายเซี่ยเฟยเป็นคนประเภทไหนคะ?” แอวริลกล่าวถามอย่างซุกซน

“ฉันก็เป็นคนที่อยากจะกินเธอยังไงล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวกระซิบที่ข้างหูแอวริลเบา ๆ

“ตาบ้า! ตอนนี้ยังกลางวันอยู่เลยนะ” แอวริลกล่าวด้วยใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“ตอนนี้พวกเราอยู่ในจักรวาลนะ ไม่ว่าจะมองยังไงท้องฟ้ามันก็เหมือนกับเวลาตอนกลางคืน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าต่าง

“แต่ว่ามันยังเจ็บ…” แอวริลพูดขึ้นมาเบา ๆ จนแทบที่จะไม่ได้ยิน

“ครั้งนี้ฉันจะพยายามเบามือให้ก็แล้วกัน”

เมื่อพายุที่รุนแรงพัดผ่านไปแอวริลก็นอนหลับด้วยความเหนื่อยล้า แต่บนใบหน้าของเธอยังคงเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความสุข

เซี่ยเฟยเฝ้าดูแอวริลหลับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสวมเสื้อผ้าอย่างเงียบ ๆ และค่อย ๆ เดินกลับไปยังห้องบัญชาการ

หน้าจอสื่อสารถูกเปิดออกทีละคน ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานสมาชิกหลักของบริษัทควอนตัมทั้งหมดก็ได้มารวมตัวกัน โดยการประชุมในครั้งนี้ได้รวมซันนี่เข้ามาด้วย เพราะเขากับโบเดนได้สร้างทีมเพื่อเดินทางล่วงหน้าไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬที่อยู่ห่างออกไปเรียบร้อยแล้ว

เซี่ยเฟยพูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนานเพื่อเป็นการพยายามผ่อนคลายความทุกข์ใจหลังจากหายนะในช่วงสงคราม ซึ่งในตอนนี้จุดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของพวกเขาก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลงเหลือเพียงความรุ่งโรจน์ที่กำลังรอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า

“เดี๋ยวฉันจะเริ่มออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ เซี่ยเฟยถ้านายว่างก็มาทานอาหารพร้อมฉันกับวินด์ไชม์ด้วยนะ” พอตเตอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ผมต้องฝากขอโทษพี่สาววินด์ไชม์ด้วยนะครับที่ยังไม่มีเวลาไปกินข้าวกับเธอเลย แต่เมื่อผมมีเวลาผมจะไปแน่นอน ตอนนี้เรามาคุยเรื่องแผนการขั้นต่อไปของบริษัทและขั้นตอนการพัฒนาในภูมิภาคดาวเหวทมิฬกันก่อนดีกว่า”

“ซันนี่ตอนนี้สถานการณ์ในภูมิภาคดาวเหวทมิฬเป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าว

ซันนี่เปิดวีดีโอภาพรวมของภูมิภาคดาวเหวทมิฬให้ทุกคนได้ดูในหน้าจอ ก่อนที่มันจะเผยให้เห็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่สวยงามดวงหนึ่ง

“ดาวเคราะห์ดวงนี้ชื่อดาวฟรีเดลเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวทั่วทั้งภูมิภาคที่มีคุณสมบัติเป็นดาวมีชีวิตระดับ A ส่วนดาวมีชีวิตดวงอื่น ๆ จะอยู่ในระดับ B กับระดับ C”

“ถึงแม้ดาวเคราะห์พวกนั้นจะสามารถอยู่อาศัยได้ แต่สภาพแวดล้อมภายในดาวก็สวยงามน้อยกว่าดาวดวงนี้มาก”

“ด้วยสถานการณ์ในก่อนหน้านี้มันจึงทำให้ภูมิภาคดาวอยู่ในสภาวะไร้ผู้ปกครอง มันจึงทำให้สถานการณ์ในภูมิภาคดาวตกอยู่ในความวุ่นวาย ระหว่างทางที่ผมเดินทางไปยังดาวฟรีเดลผมได้เจอกับกลุ่มโจรสลัดหลายกลุ่มตลอดทั้งทาง”

“โชคดีที่กองยานของเราค่อนข้างแข็งแกร่งและยานรบของพวกเราก็เป็นยานรุ่นใหม่ กองยานของเราจึงยังไม่เจออันตราย แต่ถ้ามนุษย์โลกต้องการอพยพมาที่ภูมิภาคดาวนี้ ผมก็เกรงว่าเราจะต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในระหว่างการเดินทางอย่างหนัก”

ทุกคนต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความเห็นของซันนี่ ท้ายที่สุดภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็กว้างขวางมากและการพยายามขนย้ายผู้อพยพมาที่นี่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย

“ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดคุยกับนายพลย่าเหวยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้มีอำนาจของภูมิภาคดาวมฤตยูเอาไว้ว่า เขาจะช่วยผมจัดตั้งทีมคุ้มกันในเขตทุ่งดาวแห่งความตายขึ้นมา ทหารศึกในค่ายทหารของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นทหารที่มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย และพวกเขาก็ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการจัดการกับพวกโจรสลัด”

“สิ่งที่ผมอยากรู้คือมีผู้อาศัยประจำถิ่นบนดาวฟรีเดลกี่คน พอจะมีโอกาสไหมที่ดาวดวงนี้จะรองรับประชากรนับพันล้านคนได้ในคราวเดียว?” เซี่ยเฟยถาม

“อย่าว่าแต่พันล้านเลยครับ หมื่นล้านคนก็ยังไหว เจ้าของดาวคนเก่ายึดดาวดวงนี้เอาไว้ใช้ส่วนตัว บนดาวเลยมีแต่คนในครอบครัวกับคนรับใช้ของเขาไม่กี่แสนคนเท่านั้น ทำให้ตอนนี้ดาวฟรีเดลกลายเป็นดาวที่ไร้ผู้อาศัยโดยสมบูรณ์” ซันนี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เซี่ยเฟยนายไม่ได้ต้องการจะย้ายชาวโลกทั้งหมดไปไว้ในดาวดวงนั้นในคราวเดียวใช่ไหม? แบบนั้นแล้วดาวโลกล่ะ เราจะทำยังไง? ทิ้งมันไปเลยเหรอ?” อู่หลงถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ถึงยังไงโลกก็ยังเป็นดาวบ้านเกิดของเรา ผมจะทิ้งมันไปได้ยังไงครับ ไม่ต้องห่วงทุกอย่างบนโลกจะยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกันหัวเราะออกมาเบา ๆ

“ซาร่าห์”

“ค่ะ” ซาร่ายืดอกอย่างภูมิใจเมื่อเซี่ยเฟยเรียกชื่อเธอ

“ฉันขอมอบหมายให้เธอคอยดูแลกองยานผู้อพยพ ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้มีคนต้องการอพยพไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬจำนวนเท่าไหร่? มีคนต้องการกลับไปยังดาวโลกทั้งหมดเท่าไหร่? หากใครต้องการกลับไปยังดาวโลกพวกเราจะช่วยพวกเขาสร้างบ้านขึ้นมาใหม่อย่างเต็มที่”

“ส่วนใครที่ต้องการไปภูมิภาคดาวเหวทมิฬ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย, เด็กเล็กหรือคนแก่ พวกเขาจะถูกนับว่าเป็นพนักงานของบริษัทควอนตัมทั้งหมด ซึ่งบริษัทจะจ่ายค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับเขา เช่น เงินบำนาญและค่ารักษาพยาบาล” เซี่ยเฟยออกคำสั่ง

“ได้ค่ะ ฉันจะรีบจัดการเรื่องนี้ทันทีหลังประชุมเสร็จ” ซาร่ากล่าวพร้อมกับพยักหน้า

“ตอนนี้บริษัทควอนตัมถือได้ว่าเป็นองค์กรชั้น 1 ในพันธมิตรและทุกคนก็ตระหนักแล้วว่าพนักงานของเราได้รับการดูแลอย่างดีมากแค่ไหน ผมคิดว่าคนบนโลกอย่างน้อยครึ่งหนึ่งน่าจะเต็มใจเดินทางไปยังภูมิภาคดาวเหวทมิฬ”

“เพราะท้ายที่สุดการได้เข้าร่วมกับบริษัทควอนตัมก็จะทำให้พวกเขาเลิกกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาหรือค่าชดเชยเมื่อพวกเขาล้มตายต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นภาระของบริษัททั้งหมด แต่สิ่งที่ผมกังวลคือถ้าหากมีคนเข้าร่วมบริษัทพวกเรามากเกินไป มันจะสร้างปัญหาเรื่องสภาพคล่องให้กับบริษัทหรือเปล่า?” ชาร์ลีกล่าวถามอย่างกังวล

“สภาพคล่องของบริษัทตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม

“การจัดหาอาหารเครื่องนุ่งห่มให้กับคน 6,000 ล้านกว่าคนสร้างค่าใช้จ่ายให้กับพวกเราเป็นจำนวนมาก โชคดีที่การขายสินค้าของเราไม่ได้หยุดลงในช่วงเวลาสงคราม พวกเราจึงยังสามารถรักษาสภาพคล่องเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงที่คุณได้ทิ้งเอาไว้ยังไม่สามารถเอาไปแปรสภาพเป็นเงินในตอนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะถูกกดราคาสินค้าพวกนั้นอย่างหนัก” ชาร์ลีกล่าว

“เนื่องมาจากสภาวะสงครามมันเลยทำให้อาหารกับของใช้ประจำวันมีราคาแพง แต่พวกยานรบกับเครื่องจักรชนิดต่าง ๆ มีราคาลดลงจากเดิมเป็นอย่างมาก และมันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญตกงานอยู่อีกหลายคน ตราบใดก็ตามที่เราเสนอค่าแรงอย่างเหมาะสม เราจะสามารถจ้างผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่าง ๆ เข้ามาในช่วงเวลานี้ได้เป็นจำนวนมากเลย” เซี่ยเฟยกล่าว

“ใช่ครับ ตอนนี้ราคายานรบลดลงมาจาก 15,000 ล้านสตาร์คอยน์เหลือไม่เกิน 5,000 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น และพวกเราก็ได้นักวิจัยชั้นนำเข้ามาในระหว่างช่วงสงครามอีกประมาณ 30,000 คน แต่พวกเรายังไม่ได้เริ่มรับผู้เชี่ยวชาญทางด้านอื่นเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าหากเราเปิดรับสมัครผู้เชี่ยวชาญในช่วงนี้เราก็คงจะได้ผู้เชี่ยวชาญจากสาขาอื่น ๆ เข้าสู่บริษัทจำนวนมาก” ชาร์ลีกล่าวพร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

“แม้ว่าราคาของหัวใจจักรวาลสีม่วงจะถูกกดราคาลง แต่มันก็คุ้มค่าที่จะแลกเปลี่ยนหัวใจจักรวาลนั้นมาเป็นค่าใช้จ่ายในการลงทุนในอนาคต หลังจากนี้นายค่อย ๆ เอาหัวใจจักรวาลสีม่วงออกไปขายทีละกล่องเพื่อซื้อยานบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ให้ได้อย่างน้อย 1,000 ลำ และจัดหาพนักงานในทุก ๆ ส่วนให้ได้อย่างเพียงพอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเตรียมเสบียงเต็มตัวยานเราจะเริ่มออกเดินทางในทันที”

“นอกเหนือจากนี้ให้ทำการออกโฆษณาว่าบริษัทควอนตัมรับสมัครผู้ชำนาญการจากทุกสาขาจำนวน 1 ล้านคน คนพวกนี้จะช่วยให้เราฝึกอบรมพนักงานขึ้นมาใหม่ และพวกเขาก็จะเป็นกระดูกสันหลังในแผนการพัฒนาภูมิภาคดาวของพวกเรา”

แผนการอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ทำให้ทุกคนอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้ แล้วแม้แต่อันเดร์ที่ใจเย็นตลอดเวลาก็ยังรู้สึกประหม่ากับแผนการในครั้งนี้อยู่เล็กน้อย

“เซี่ยเฟยกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียวนะ พวกเราเพิ่งจะเริ่มเข้าไปพัฒนาภูมิภาคดาวเหวทมิฬเอง การตัดสินใจในคราวนี้รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า?” อันเดร์กล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ทำตามที่ผมบอกเถอะครับ ผมเหลือเวลาช่วยบริษัทอีกไม่มากแล้วแต่ทุกคนอย่าพึ่งถามว่าทำไม ดังนั้นผมจึงต้องการที่จะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เสร็จภายใน 30 เดือน ในช่วงเวลานั้นผมจะพยายามทำให้ภูมิภาคดาวเหวทมิฬกลายเป็นอาณานิคมใหม่ที่ปลอดภัยสำหรับชาวโลกให้ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปยังท้องฟ้าอันไกลแสนไกล

***************

พี่เฟยนับถอยหลังการไปดินแดนกฎแล้ว ทุกอย่างเลยดูเร่งไปหมดเลยเน๊าะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด