ตอนที่ 475 ผลพลัมหิมะ
ตอนที่ 475 ผลพลัมหิมะ
เซี่ยเฟยพาแอวริลออกไปเดินเล่นภายในสวน แต่แอวริลบอกว่าเธอเหนื่อยแล้วและต้องการที่จะพักผ่อน ชายหนุ่มจึงพาเธอกลับเข้าไปในห้องนอน
ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเซี่ยเฟยกับแอวริลมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ได้พบกันหลังจากที่พลัดพรากจากกันเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะต้องการเวลาส่วนตัว ดังนั้นแขกภายในงานจึงไม่คิดที่จะรั้งเขาเอาไว้และปล่อยให้เจ้าภาพของงานเลี้ยงกลับไปก่อนเวลา
แอวริลเปลี่ยนไปใส่ชุดนอนโปร่งใสสีชมพูแตกต่างจากในอดีตที่จะเป็นชุดนอนผ้านุ่ม ๆ ที่เต็มไปด้วยลวดลายของสัตว์น่ารัก ๆ ขณะที่เซี่ยเฟยประคองศีรษะของเธอด้วยแขนข้างหนึ่งและเล่านิทานก่อนนอนให้เธอฟัง
ตอนนี้ค่อนข้างดึกมากแล้วและเซี่ยเฟยก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงลุกยืนขึ้นเพื่อเตรียมจะกลับไปพักผ่อนภายในห้องของตัวเอง
แอวริลทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ เพราะวันนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนกับวันก่อน ๆ ที่เซี่ยเฟยพยายามทะนุถนอมเธอโดยไม่คิดที่จะแตะต้องร่างกายของเธอเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวก่อน!” แอวริลหยุดเซี่ยเฟยไว้ไม่ให้เขาเดินออกไปจากห้อง
“อะไร? แค่ฉันห่างไปแค่นี้เธอก็คิดถึงฉันแล้วงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยพูดติดตลก
แอวริลลุกขึ้นมาหยิบขวดไวน์ออกมาจากตู้เย็น ซึ่งเรือนร่างของเธอที่อยู่ภายใต้ชุดนอนโปร่งใสก็มากพอที่จะยั่วยวนผู้ชายทุกคนให้หลงใหลไปกับรูปร่างอันสมบูรณ์แบบนี้ได้อย่างง่ายดาย
หญิงสาวเทไวน์ให้ตัวเอง 1 แก้วแล้วเทไวน์ให้กับเซี่ยเฟยอีกหนึ่งแก้ว
“ฉันยังไม่อยากนอน นายอยู่กับฉันสักพักได้ไหม?” แอวริลกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
เซี่ยเฟยรับแก้วไวน์มาจากหญิงสาวก่อนที่เขาจะเดินไปที่หน้าต่างเปิดผ้าม่านเพื่อดูทิวทัศน์ยามค่ำคืน ซึ่งในตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้วแขกภายในงานจึงทยอยแยกย้ายกันกลับไป เหลือเพียงแค่ลมหนาวที่พัดโชยเข้ามาพร้อมกับบรรยากาศอันเงียบสงบที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย
หลังจากปิดหน้าต่างเซี่ยเฟยก็กลับมานั่งลงข้าง ๆ แอวริล ซึ่งหญิงสาวก็เอาแต่จ้องมองไปยังแก้วไวน์ภายในมือของชายหนุ่มอย่างไม่วางตา พร้อมกับดวงใจน้อย ๆ ของเธอที่กำลังเต้นตึกตักอย่างบ้าคลั่ง
เซี่ยเฟยยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบช้า ๆ ก่อนที่เขาจะวางแก้วไวน์นั้นลงไปยังโต๊ะด้านข้าง
ปฏิกิริยาของเซี่ยเฟยเริ่มทำให้แอวริลกระวนกระวายราวกับแมวน้อยที่กลัวโดนเจ้านายดุ ก่อนที่เธอจะรีบมุดตัวลงไปอยู่ใต้ผ้าห่ม
เซี่ยเฟยพยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับใช้นิ้วลูบศีรษะของแอวริลด้วยรอยยิ้ม
“เธอไม่อยากฟังนิทานของฉันแล้วเหรอ ทำไมมุดตัวลงไปอยู่ใต้ผ้าห่มแบบนั้นล่ะ?”
แอวริลกัดริมฝีปากเบา ๆ และไม่ตอบคำถามเป็นเวลานาน เซี่ยเฟยจึงคิดว่าเธอต้องการจะเข้านอนแล้วเขาจึงลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมที่จะเดินออกไป
“อย่าไปนะ!” ทันใดนั้นแอวริลก็รีบลุกขึ้นมาจากเตียงและโอบกอดเซี่ยเฟยเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง
—
เวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงเช้าตรู่ แสงสว่างยามเช้าจึงค่อย ๆ เล็ดลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ใบหญ้าด้านนอกยังคงเต็มไปด้วยหยดน้ำค้างพร้อมกับเหล่านกตัวน้อยที่เริ่มบินออกหากิน
เซี่ยเฟยที่สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวกำลังยืนชมวิวทิวทัศน์อยู่ริมหน้าต่าง แต่เนื่องมาจากเขาไม่ต้องการให้อันธเห็นว่าเขาทำอะไร สร้อยหินมัวร์ที่เคยคล้องคอเขาไว้ตลอดเวลาจึงถูกเก็บเข้าไปอยู่ในแหวนมิติ
หลังจากจัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย ชายหนุ่มก็หยิบสร้อยหินมัวร์ขึ้นมาสวมที่คอของเขาอีกครั้ง
“ยินดีด้วย! หลังจากผ่านความยากลำบากมานานในที่สุดนายก็ได้ลงเอยกับแอวริลสักที ไม่น่าเชื่อเลยว่าอดีตเด็กหนุ่มที่ปั่นจักรยานหาเลี้ยงชีพจะเติบโตขึ้นมาได้เป็นคู่ครองของคุณหนูผู้เป็นทายาทหนึ่งเดียวของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดแบบนี้ ถ้าหากว่าเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อนคงจะไม่มีใครเชื่อเรื่องบ้า ๆ นี้อย่างแน่นอน แต่นายก็ทำให้สิ่งที่เป็นเหมือนกับปาฏิหาริย์ได้กลายเป็นความจริง” อันธกล่าว
“ฉันไม่เคยสนใจคำพูดของคนอื่นตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อากาศด้านนอกยังคงเย็นอยู่เล็กน้อย เซี่ยเฟยจึงกลัวว่าแอวริลจะหนาว เขาจึงปิดหน้าต่างและเดินกลับไปนอนเคียงข้างเธอพร้อมกับเก็บสร้อยหินมัวร์เข้าไปไว้ในแหวนมิติ
หญิงสาวตัวน้อยค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ซึ่งค่ำคืนที่ผ่านมาเป็นค่ำคืนที่วิเศษราวกับความฝัน จนทำให้แอวริลไม่สามารถที่จะแยกแยะความจริงกับความฝันที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อคืนได้ชั่วขณะ
แต่ทันทีที่เธอได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเซี่ยเฟย เธอก็ตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่สิ่งที่เธอฝันไป
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหม?”
แอวริลไม่ตอบคำถาม แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอได้แสดงคำตอบออกมาเป็นอย่างดี
“พี่เซี่ยเฟยกลับมาแล้วใช่ไหม?”
“เบา ๆ ตอนนี้พี่เซี่ยเฟยน่าจะอยู่กับพี่สะใภ้ ฉันได้ยินมาว่าพี่สะใภ้เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ปล่อยให้พี่ชายมีความสุขกับพี่สะใภ้ไปก่อนก็ได้”
เสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านนอกไม่ใช่เสียงของใครเลยนอกเสียจากพวกมังกี้ ผู้ซึ่งเป็นลูกหลานของผู้บริหารระดับสูงจากสมาพันธ์จัสทิส และแม้แต่ซุนซานผู้ให้รองเท้าอีซูซุเซี่ยเฟยมาก็อยู่ในหมู่เด็กแสบพวกนี้ด้วยเหมือนกัน
เมื่อได้ยินเสียงเรียกว่าพี่สะใภ้ดังขึ้นมาจากด้านล่าง แอวริลก็ไม่สามารถทนความเขินอายได้อีกต่อไป เธอจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงโดยบอกเซี่ยเฟยว่าจะไปอาบน้ำ ก่อนที่จะรีบวิ่งก้มหน้าออกไปโดยไม่กล้าที่จะหันมาสบสายตากับเซี่ยเฟยอีก
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินลงไปทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้ม
พวกมังกี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่มีอายุน้อยกว่าเซี่ยเฟยมาก พวกเขาจึงเรียกเซี่ยเฟยว่าพี่ชายตั้งแต่ที่ได้พบเจอกันครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นสงครามในครั้งนี้เซี่ยเฟยยังได้สร้างวีรกรรมขึ้นมาอย่างมากมาย จนทำให้พวกเขานับถือเซี่ยเฟยมากยิ่งกว่าพี่ชายแท้ ๆ ของตัวเอง
หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพัก เซี่ยเฟยก็นึกถึงสมาคมหนานหมิงลึกลับที่ซุนซานเคยเป็นสมาชิกเมื่อในอดีต
สมาคมหนานหมิงเป็นสมาคมปรุงยาที่น่าทึ่งมาก ซึ่งเหล่าบรรดาผลไม้สมุนไพรที่ชายหนุ่มได้ซื้อไปจากซุนซานในครั้งก่อนต่างก็ล้วนแล้วแต่มีคุณภาพที่น่าเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายที่หลังจากเขาได้เข้าไปผจญภัยในดินแดนเซิร์ก เขาก็ได้ใช้ผลไม้สมุนไพรพวกนั้นไปจนหมดแล้ว
เมื่อชายหนุ่มเพิ่มพลังการต่อสู้ไปเรื่อย ๆ ผลไม้อย่างผลน้ำค้างขาวก็ไม่สามารถที่จะฟื้นฟูพลังงานของเขาให้กลับขึ้นมาอย่างว่องไวได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องการผลไม้ระดับสูงเพื่อเอาไว้ฟื้นฟูพลังงานในช่วงเวลาสำคัญ และมันย่อมทำให้เขานึกถึงสมาคมหนานหมิงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ซุนซานฉันขอถามอะไรหน่อยสิ สมาคมหนานหมิงที่นายเคยอยู่ถูกโจมตีโดยพวกเซิร์กในระหว่างสงครามหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“สมาคมหนานหมิงเป็นเพียงสมาคมเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในสถานที่อันห่างไกล หลังจากสงครามได้จบลงแม่ก็ได้เล่าให้ผมฟังแล้วว่าสมาคมของเราไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่น่าเสียดายที่พ่อยังไม่ยอมยกโทษให้ผมที่ผมได้หนีออกมาจากบ้านแบบนี้” ซุนซานกล่าว
“ไม่ต้องห่วง หลังจากเวลาผ่านไปพ่อของนายก็จะค่อย ๆ ยอมรับตัวตนของนายเอง ในเมื่อตัวของนายเกิดมาเป็นนักรบนายก็ควรจะทำสิ่งที่นายถนัดให้ได้อย่างเต็มที่มากที่สุด” เซี่ยเฟยพยายามกล่าวปลอบใจ
“ผมก็หวังว่าสักวันพ่อจะยอมรับในตัวผมเหมือนกัน” ซุนซานกล่าวอย่างหมดหนทาง โดยในตอนนี้เขาได้สวมชุดเครื่องแบบของสมาพันธ์จัสทิส และมีเหรียญตราของจัสทิสระดับทองแดงติดอยู่ที่หน้าอก ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าในช่วงสงครามเขาน่าจะทำผลงานได้น่าพอใจเลยทีเดียว
“หลังจากฉันมีพลังเพิ่มมากขึ้นผลน้ำค้างขาวกับผลเนตรนาคาก็มีประโยชน์กับฉันน้อยลงเรื่อย ๆ ตอนนี้ฉันอยากได้ผลไม้ชนิดใหม่เอาไว้ใช้เติมเต็มพลังงานในช่วงเวลาฉุกเฉิน ถึงแม้ว่าน้ำยาหลาย ๆ ชนิดจะทำหน้าที่แทนผลไม้พวกนั้นได้ แต่น่าเสียดายที่น้ำยาทุกชนิดต่างก็ล้วนแล้วแต่มีผลข้างเคียงไม่เหมือนกับผลไม้ที่ได้มาจากธรรมชาติ”
“ว่าแต่นายพอจะแนะนำผลไม้สมุนไพรที่มีลักษณะประมาณนี้ให้กับฉันได้ไหม?” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“จริง ๆ แล้วมันมีผลไม้ชนิดหนึ่งชื่อว่าพลัมหิมะ มันเป็นผลไม้ที่สามารถฟื้นฟูพลังงานได้มากกว่าผลน้ำค้างขาวถึง 12 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นพลังงานภายในผลไม้ชนิดนี้ก็เป็นพลังงานที่บริสุทธิ์มาก แต่น่าเสียดายที่มันค่อนข้างจะหายากอยู่สักหน่อย พี่เซี่ยเฟยต้องการผลไม้ชนิดนี้หรือเปล่า?” ซุนซานกล่าวหลังจากก้มหน้าครุ่นคิดอยู่สักพัก
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะทันได้ตอบคำถาม มังกี้ก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“ซุนซาน นายนี่มันเป็นพวกไม่มีหัวคิดจริง ๆ พี่เซี่ยเฟยถามมาขนาดนี้มันก็หมายความว่าเขาต้องการมันอยู่แล้ว ฉันว่านายรีบโทรหาพ่อแล้วอธิบายสถานการณ์ของพี่เขาให้พ่อนายฟังดีกว่า ถ้าพ่อนายได้ฟังเรื่องของพี่เซี่ยเฟยแล้วฉันเชื่อว่าพ่อนายย่อมไม่ปฏิเสธความต้องการของพี่เขาแน่นอน ท้ายที่สุดพี่ชายของเราก็คือวีรบุรุษผู้กอบกู้พันธมิตร ดังนั้นมนุษย์ทุกคนจึงติดหนี้พี่ชายครั้งใหญ่แล้ว”
“เป็นไง! ผมพูดถูกไหมพี่เซี่ยเฟย?” มังกี้เท้าสะเอวพร้อมกับยืดหน้าอกด้วยความภาคภูมิใจ
“ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อของนายให้แบ่งพลัมหิมะขายให้ฉันสักหน่อยจะได้ไหม? เดี๋ยวฉันจะช่วยเกลี้ยกล่อมพ่อของนายเรื่องของนายด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
แม้ว่าเขาจะหนีออกมาจากบ้านและเข้าร่วมกับสมาพันธ์จัสทิส แต่ซุนซานก็ยังคงเป็นห่วงความรู้สึกของครอบครัวอยู่เสมอ และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยช่วยพูดกับพ่อของเขาให้ พ่อของเขาย่อมยกโทษให้เขาเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวผมรีบโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้เลย” ซุนซานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากห้องโถงพร้อมกับติดต่อกลับไปหาที่บ้าน
***************