ตอนที่แล้วตอนที่ 26 : หนูน้อยน่ารัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 28 : รู้หนังสือนำไปสู่ความวุ่นวาย

ตอนที่ 27 : วักปลาขึ้นมาเอง


ตอนที่ 27 : วักปลาขึ้นมาเอง

สวีฮุ่ยอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกมากกว่า นางจึงนั่งยองข้างกระบะทรายแล้วถามขึ้นว่า: “อาเล็ก หากวันนี้ข้าทำสิ่งที่ท่านมอบหมายได้สำเร็จแล้ว ตอนบ่ายช่วยพาข้าไปเดินเล่นที่ริมน้ำหน่อยได้ไหม ?”

“มิมีปัญหา ฉะนั้นตอนนี้เรามาเริ่มกันเลย !” โจวป๋อเทาเรียกหลานสาวให้ออกมา วันนี้เขาแค่ต้องการให้พวกนางเรียนรู้การใช้พู่กันและเขียนตัวอักษรง่าย ๆ ได้ก็พอแล้ว

ในตอนที่อาเล็กเรียกชื่อโจวตงชู นางได้หลบเข้าไปในโรงนาอย่างรวดเร็ว แล้วรีบถือกระบุงไม้ไผ่ขึ้นมาแบกไว้บนบ่า: “ที่บ้านมิมีธุระของข้าแล้ว ข้าขอตัวไปทำไร่ทำนาก่อนนะ !” หลังจากกล่าวจบ นางก็รีบสาวเท้าก้าวพรวดออกไป ตอนที่เดินออกประตูใหญ่ไปนั้น นางยังมิวายหันกลับมาดูพลางคิดในใจว่า: อันตรายมาก ! เกือบถูกอาเล็กจับไปฝึกเขียนอักษรแล้ว

ทางด้านหนูน้อยโจวตงหลิงนั้น นางทำราวกับขาทั้งสองข้างของตนเองถูกโซ่ล่ามไว้ กว่าจะก้าวเท้าแต่ละก้าวได้นั้นช่างดูยากลำบากเหลือเกิน ความเร็วของฝีก้าวมิได้เร็วไปกว่าหอยทากเลย

โจวป๋อเทาคร้านจะสนใจนางแล้ว เขาหยิบพู่กันเขียนหัวโล้นให้สวีฮุ่ยฝึกท่าจับพู่กันก่อน สวีฮุ่ยเผยไต๋ออกมาอย่างไร้เดียงสาและเป็นธรรมชาติ นางจับพู่กันแล้วถามเขาว่า: “จับแบบนี้ถูกหรือไม่ ?”

“ตอนอยู่บ้าน เจ้าเคยเขียนอักษรมาก่อนหรือไม่ ?” ท่าจับพู่กันของนางดูเหมือนถูกฝึกมาบ้างแล้ว แม้จะมิได้มาตรฐานไปบ้าง แต่ก็สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้

“พี่ใหญ่เคยสอนข้าและพี่รอง ข้าเขียนชื่อตัวเองได้ด้วยนะ เดี๋ยวข้าจะเขียนให้อาเล็กดู !” สวีฮุ่ยเขียนตัวอักษร ‘สวี’ และ ‘ฮุ่ย’ ออกมาทีละตัว

“ไม่เลว เจ้าเขียนได้กี่ตัวแล้ว ?”

“ก็พอเขียนได้บ้าง !” สวีฮุ่ยมิกล้าเปิดเผยตัวตนมากไป

ในตอนนี้เอง โจวตงหลิงได้เดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า: “ท่านอา ข้าเขียนอักษรมิเป็นสักตัว คงมิอาจเรียนกับพี่หญิงได้แล้ว เช่นนั้น……ให้ข้าไปออกนาเถิด ! ท่านอาเองก็จะได้มิต้องเหนื่อยด้วย จริงไหม ?” โจวตงหลิงถามด้วยรอยยิ้ม

“รอให้พ่อกับแม่ของเจ้ากลับมากินข้าวเที่ยงก่อน เจ้าค่อยถามพวกเขา เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองมิได้ !” โจวป๋อเทามิอยากไปยั่วยุเฉินกุ้ยฮวา

สวีฮุ่ยเขียนตัวอักษรง่ายๆ ที่นางนึกออก โจวป๋อเทาพยักหน้ารับอย่างพอใจ เขามิได้มองคนผิดไปจริงด้วย นางฉลาดเหมือนเขา

“เจ้าท่องคัมภีร์สามอักษรได้หรือไม่ ?” โจวป๋อเทาถาม

“ข้าเคยได้ยินพี่ใหญ่ท่องให้ฟัง !” สวีฮุ่ยนั่งขัดสมาธิบนพื้นพลางท่องคัมภีร์สามอักษรอย่างต้องตั้งใจ

ฟังหลานสาวท่องคำภีร์สามอักษรเสร็จแล้ว โจวป๋อเทาอารมณ์ดีมาก เพราะผลสำเร็จมันเกินกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้สูง เขาจึงตอบรับที่จะพาเด็กน้อยทั้งสองไปเดินเล่นที่ริมน้ำ

สวีฮุ่ยจึงวิ่งไปหาโจวถงซื่อ: “ท่านยาย ท่านช่วยหาถังไม้หรือไม่ก็กะละมังให้ข้าได้ไหม !”

“เจ้าจะเอาถังไม้ไปทำอะไร ?” โจวถงซื่อถาม

“อาเล็กจะพาข้าและเสี่ยวหลิงไปเดินเล่นริมน้ำ หากพวกเราเห็นปลาขึ้นมา……”

สวีฮุ่ยยังไม่ทันพูดจบ ก็มีคนมาเขกหน้าผากเธอแล้ว: “เด็กน้อยช่างเพ้อฝัน คิดว่าพวกเราไปเดินเล่นริมน้ำแล้วจะสามารถจับปลาได้งั้นหรือ ? จะให้ใช้มือเปล่าจับปลาหรือไร !”

“อาเล็ก หากพวกเราจับปลาได้ขึ้นมา ท่านจะทำเยี่ยงไร !”

“ต่อไปนี้ข้าก็จะเป็นลูกสมุนของเจ้า จะรักและทะนุถนอมเจ้าเหมือนลูกสาวคนหนึ่งเลยดีหรือไม่ ?” โจวป๋อเทาให้คำมั่น

สวีฮุ่ยยื่นมือเล็ก ๆ ของนางไปหามือของโจวป๋อเทาเพื่อเกี่ยวก้อยสัญญาต่อกัน นอกจากนี้ยังให้ท่านยายและโจวตงหลิงเป็นพยานอีกด้วย สวีฮุ่ยให้โจวป๋อเทายกถังน้ำเดินตามพวกนางออกจากบ้านไป

เพียงมินาน ทั้งสามคนก็มาถึงริมน้ำ โจวป๋อเทาเดินเล่นรอบริมน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า: “ฮุ่ยฮุ่ย เจ้าบอกอาเล็กมาสิว่าปลาอยู่ที่ใด ?”

“ท่านอาอย่าเพิ่งใจร้อน คำโบราณท่านว่าของดีต้องรอหน่อย เราต้องอดทนถึงจะได้ !” สวีฮุ่ยและโจวตงหลิงหยิบก้อนหินก้อนเล็กจากริมฝั่งขึ้นมาโยนลงไปในน้ำ ในขณะที่โจวป๋อเทาเอามือไพล่หลังแล้วมองไปยังแม่น้ำ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เด็กน้อยทั้งสองคนเล่นอยู่ริมน้ำไปได้สักพัก สวีฮุ่ยจึงอาศัยช่วงที่พวกเขาไม่ได้สังเกตรีบปล่อยปลาลงไปในน้ำ

“อาเล็ก ท่านดูสิ มีปลาด้วย !” สวีฮุ่ยชี้มือไปยังฝูงปลาพวกนั้นแล้วตะโกนเสียงดัง

มีปลาจริงด้วย ! โจวป๋อเทาและโจวตงหลิงเดินมาที่ริมฝั่ง สวีฮุ่ยถือถัง ถอดรองเท้าแล้วก้าวลงไปในน้ำสองสามก้าว

“ฮุ่ยฮุ่ย กลับมา !” โจวป๋อเทารีบถอดรองเท้า ดึงเสื้อคลุมขึ้นมาเหนือเอวแล้วเหน็บไว้ที่เข็มขัด จากนั้นก็รีบก้าวเท้าลงไปในน้ำ ขณะเดียวกันก็ยังมิลืมที่จะตะโกนบอกมิให้หลานสาวเข้าไปใกล้ริมน้ำเกินไป

“ปลา !” และในตอนที่โจวป๋อเทาเพิ่งไปถึงตัวสวีฮุ่ย สวีฮุ่ยก็ปล่อยปลาตะเพียนลงไปอีกบางส่วน ซึ่งถังไม้สามารถดักพวกมันไว้ได้พอดี

โจวป๋อเทาที่เห็นปลาว่ายเข้าไปในถังไม้ก็ถึงกับหยุดชะงักไป มันจะมหัศจรรย์เกินไปหน่อยไหม !

“อาเล็ก ข้ายกมิไหว รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า !” ถังไม้ที่มีปลาอยู่เต็มถังกำลังจะจมลงไปในน้ำ เมื่อน้ำไหลเข้ามา ทำให้ปลาหลุดไปได้หลายตัว

จะหนีก็หนีไปเถิด เพราะถึงเยี่ยงไรปลาเยอะขนาดนี้ก็กินมิไหวอยู่แล้ว สวีฮุ่ยมิได้ใส่ใจมากนัก

โจวป๋อเทาได้สติกลับมา เขาจึงรีบคว้าถังไม้ขึ้นมาจากแม่น้ำ ถึงแม้ว่าปลาบางส่วนจะหลุดไปได้ แต่ก็ยังมีอยู่ในถังอีกมาก

“เดี๋ยวอาจะเอาปลาไปไว้บนตลิ่ง ส่วนเจ้าต้องตามหลังอามา !” โจวป๋อเทามองหลานสาวผู้นี้มิวางตา เด็กคนนี้เป็นนางเงือกกลับชาติมาเกิดหรือไร ? มิเช่นนั้นจะมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ ?

ตอนแรกสวีฮุ่ยตั้งใจว่าจะขึ้นฝั่งแล้วเช่นเดียวกัน แต่เฮ่อจิ่นที่อยู่ในมิติได้บอกให้นางอย่าเพิ่งขึ้นจากน้ำ ให้นางยื่นมือลงไปใต้น้ำเพื่อเก็บน้ำพวกนี้มาขยายบ่อปลาในมิติ

สวีฮุ่ยจึงเดินตามหลังผู้เป็นอาอย่างช้า ๆ ที่ใกล้จะถึงริมฝั่งแล้วก็แสร้งทำเป็นหมดแรงเสียดื้อ ๆ นางนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งแล้วยื่นมือเล็ก ๆ ลงไปในน้ำ

“พี่หญิง เหตุใดท่านถึงมิขึ้นมาเสียที !” เมื่อเห็นว่าปลาในถังมีมากพอแล้ว โจวตงหลิงจึงตะโกนเรียกสวีฮุ่ย

“ขาข้าเป็นเหน็บน่ะ จึงนั่งอยู่ตรงนี้สักพัก !” สวีฮุ่ยที่ลุกขึ้นยืนแล้วกำลังจะขึ้นฝั่งกลับพบว่าปลาตะเพียนพวกนั้นดันว่ายกลับมา และมิได้มีแค่พวกมันเท่านั้นที่ว่ายกลับมาเช่นนี้ แต่พวกมันยังพาปลาชนิดอื่นมาว่ายล้อมตัวสวีฮุ่ยโดยมิยอมไปไหน

นี่มันอะไรกัน สวีฮุ่ยและโจวป๋อเทาที่กลับลงมาในน้ำถึงกับชะงักไป: “ปลาพวกนี้……” สวีฮุ่ยมิรู้จะอธิบายปรากฏการณ์นี้เยี่ยงไร แต่ในเมื่อพวกมันกลับมาแล้ว สวีฮุ่ยก็จะมิเกรงใจเช่นกัน นางถอดเสื้อออกแล้ววักทวนกระแสน้ำตรงบริเวณที่มีปลามากที่สุด

“หลานคนนี้งกจริง ๆ” โจวป๋อเทาเห็นสวีฮุ่ยใช้เสื้อของตนเองล้อมจับปลา ราวกับว่าต่อให้ช้างมาฉุดนางก็มิยอมไปไหน ทำเอาเขาถึงกับอดหัวเราะออกมามิได้

มิง่ายเลยกว่าที่เขาจะลากหลานสาวและปลาพวกนั้นมาจนถึงฝั่งได้ โจวป๋อเทาจึงให้เด็กน้อยทั้งสองนั่งอยู่ริมตลิ่งคอยดูปลาในถังเอาไว้ ส่วนเขาก็รีบเอาปลาที่อยู่ในเสื้อของหลานสาวไปไว้ที่บ้าน แล้วจะได้รีบนำเสื้อผ้าตัวใหม่มาเปลี่ยนให้สวีฮุ่ย

โจวป๋อเทากลับมาถึงบ้านก็เทปลาลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่ โจวถงซื่อได้ยินว่ามีเสียงดังอยู่ที่ลานบ้านจึงออกมาดู ในตอนที่นางเห็นปลาในอ่างไม้นั้น นางก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ผ่านไปครู่ใหญ่ นางถึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหลานสาวทั้งสองยังมิกลับมา

“พวกนางยังอยู่ที่ริมตลิ่ง ตรงนั้นยังมีปลาอีกถังหนึ่ง ท่านแม่ไปหาเสื้อตัวใหม่มาให้ฮุ่ยฮุ่ยเร็ว ข้าจะรีบกลับไปรับพวกนาง !”

โจวถงซื่อเข้าไปหาในห้องครู่หนึ่งก็เจอเสื้อคลุมของหลานสาว จึงนำมายื่นให้ลูกชาย: “เจ้ารีบไปเถิด แล้วก็รีบพานางกลับมา !” แม้นางจะเกิดความสงสัยอยู่เต็มอก ทว่าโจวถงซื่อยังคงอดทนไว้ รอให้พวกเขากลับมาแล้วค่อยถามก็ยังมิสาย !

โจวป๋อเทาถือถังไม้กลับมาบ้าน ส่วนด้านหลังของเขามีเด็กหญิงตัวน้อยสองคนเดินจับมือกันตามหลังเขามา เมื่อทั้งสามเข้าไปในลานบ้าน พวกเขาก็เห็นว่าทั้งครอบครัวกำลังรายล้อมอ่างไม้ขนาดใหญ่ไว้ สะใภ้ใหญ่สะใภ้รองกำลังยุ่งกับการทำปลา ในขณะที่บุรุษรุ่นพ่อรุ่นลูกรุ่นหลานพากันชี้ไปที่ปลา มิรู้ว่าพวกเขากำลังพูดคุยอะไรกัน

“ยังมีปลาอีกรึ !” โจวซิ่งอี้อยากจะมายืนแอบข้างกายพี่หญิง แต่ถูกอาเล็กดึงไว้ อยากดูปลาไม่ใช่หรือ ? โจวป๋อเทาจึงยกถังใส่ปลาให้เขาถือ

เจ้าเด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่กลับมิสนใจเรียน วัน ๆ จะเอาแต่คอยมาเฝ้าพี่หญิงอยู่นั่นแหละ อย่าพูดถึงผู้อื่นเลย ลำพังแค่ครอบครัวของพี่สะใภ้รองคนนั้น โจวป๋อเทาจะมิยอมให้หลานสาวคนนี้ของเขาต้องกระโดดลงกองไฟ ตบแต่งเข้าบ้านพี่รองเด็ดขาด !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด