ตอนที่ 19
“เออ พวกนายชื่ออะไรงั้นหรอ” อยู่ดีๆก็มีเสียงทักขึ้นมาจากข้างหลังพวกเข้าจนแพรกับอัคคีหันไปมองปรากฎเป็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนโบกมือยิ้มๆมาที่พวกเค้า
“อ๊ะโทษทีพวกเรามาจากสาขาศิลปะการสแดงของคณะนิเทศศาสตร์นะเราชื่อมาร์คส่วนนี้ชื่อมิว”มาร์คกล่าวแนะนำตัวเองออกมาพร้อมกับแนะนำเพื่อนสาวข้างๆตนไปด้วย
“โอวสวัสดีเราชื่อ อัคคีส่วนเธอชื่อแพรนะมาจากสาขาบริหารธุรกิจนะ”อัคคีกล่าวแนะนำตัวออกไปพร้อมหันไปมองที่มาร์คอย่างสงสัยพร้อมกล่าวถามออกมา
“แล้วอยู่ดีๆทำไมนายถึงเดินเข้ามาทักพวกเราละ”อัคคีกล่าวถามออกไป
“เอ๊ะนี้รุ่นพี่ของพวกนายไม่บอกงั้นหรอ”มาร์คกล่าวถาม
“ไม่นะเธอพาเรามาทิ้งไว้นี้แล้วก็แยกตัวออกไปแล้ว”อัคคีกล่าวออกมาอย่างปลงๆกับรุ่นพี่ของตน
“อ่าห๊ะงั้นหรอจริงๆแล้วการประกวดมันเริ่มตั้งแต่นายเดินเข้ามาในหอประชุมนี้แล้วละเพราะว่าคะแนนอันแรกคือปฎิสัมพันธ์นะส่วนคะแนนอย่างอื่นฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนั้นแหละ”มาร์คกล่าวแนะนำออกมา
“แต่เหลือจะเชื่อเลยแหะว่ารุ่นพี่ของพวกนายจะไม่บอกอะไรเลยนะ”มาร์คกล่าวออกมาด้วยท่าทาง งง งวยหรือสาขาบริหารธุรกิจกะจะไม่เอาดาวเดือนปีนี้อีกปีแล้วงั้นหรอ?
“เออไม่หรอกฉันว่าเธอบอกอยู่นะแต่เธอดันบอกอ้อมๆนะสิแหะๆ”อัคคีกล่าวออกมาพรางหัวเราะแห้งๆ
“งั้นหรองั้นไว้เจอกันใหม่แล้วกันยังไงเราก็คงได้เจอกันยาวๆอยู่แล้วไว้มาทำความรู้จักกันให้มากกๆนะ”มาร์คกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมเดินแยกออกไปทักทายคนอื่นๆต่อ
“ฉันว่าเค้าคงเล็งตำแหน่งเดือนของ.มอปีนี้เลยแหละถึงดูพยายามขนาดนี้”แพรกล่าวออกมาหลังจากเธอเดินกลับมาหาอัคคีเพราะเมื่อกี้เธอเดินแยกออกไปคุยทำความรู้จักกับมิวมา
“นายไม่สนใจบ้างหรอ”แพรหันมาถามอัคคี
“เราว่ามันคงไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่เพราะหลังจากนี้เราไม่รู้ว่าจะมีเวลาว่างมากขนาดนั้นไหมเพราะเห็นบอกดาวเดือนต้องทำกิจกรรมของมอด้วยแพรก็น่าจะรู้นี้ว่าเรากะจะตั้งบริษัทขึ้นมา”อัคคีกล่าวตอบออกไปพร้อมอธิบายเหตุผลของตนไป
“งั้นเราก็ยืนรอเวลาซ้อมอยู่ตรงนี้แล้วกันเราก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้นักหรอกคนอื่นๆก็คงไม่ว่าอะไรเนื่องจากแนวทางของสาขาเรามันดูจะไม่ค่อยเหมาะกับกิจกกรมนี้เท่าไหร่จริงๆนั้นแหละเพราะสาขาเราไม่เคยได้ดาวเดือนเลยนินะ”แพรกล่าวออกมา
“ก็คงงั้นแหละ”อัคคีตอบกลับไปหลังจากนั้นพวกเค้าก็คุยสัพเรหะกันไปก็มีบ้างที่มีคนอื่นๆเดินเข้ามาทักทายแต่ก็ไม่ได้มีมากมายเท่าไหร่นักเพราะพวกเค้าสองคนยืนหลบอยู่ที่มุมแหละนะหลังจากนั้นก็ถึงเวลาซ้อมซึ่งก็คือจะปล่อยออกไปทีละสาขาเดินออกจากฉากไปด้วยชุดนักศึกษาชุดแรกพร้อมแนะนำตัวว่ามาจากสาขาอะไรชื่ออะไรต่อมารอบสองก็จะเป็นชุดไปรเวทซึ่งตรีมปีนี้คืออิสระก็คือจะแต่งตัวแนวไหนก็ได้แต่พอมาถึงคิวซ้อมเดินของอัคคีกับแพรก็เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น
“แพรระวัง”อัคคีกล่าวออกมาพร้อมดึงตัวแพรกระโดดหลับฉากกั้นที่ล้มลง
“แพรเป็นอะไรมากไหม”อัคคีหันมาถามแพรหลังจากที่เค้ามองดูรอบๆว่าปลอดภัยแล้ว
“ไม่เป็นไรดีที่อัคคีไหวพริบดีเราจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่อัคคีรู้ได้ไงว่าฉากกั้นจะล้มลงมา”แพรกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะเดิมที่จุดที่จะต้องหยุดแนะนำตัวมันอยู่ในบริเวณที่ฉากกั้นล้มลงมาพอดีแต่อัคคีแนะนำว่าให้เดินเลยจุดมานิดหน่อย
“ลางสังหรณ์นะเราก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะตอนที่เราเดินออกมาจากฉากรู้สึกแปลกๆแค่นั้นเอง”อัคคีกล่าวออกไปพลางหันไปดูรอบๆที่มีแต่ความวุ่นวายจากฉากเมื่อครู่จะให้บอกไปว่าเพราะทักษะลางสังหรณ์ขั้นกลางก็ยังไงๆอยู่
“เห้ใครมันคนดูแลฉากกั้นวะปล่อยให้ฉากล้มมาได้ไง”
“ฝ่ายสตาฟกับฝ่ายปฎมพยาบาลหายหัวไปไหนวะเฮ้ยรีบขึ้นไปดูน้องเร็วว่ามีใครบาดเจ็บรึเปล่า”
“ตัวยึดกั้นฉากกับเสามันหลวมเปล่าวะเฮ้ยพวกแกทำงานกันยังไงวะ”
“ไม่นะฉันก็ว่าฉันยึดแน่นแล้วนะวะแล้วมันล้มได้ไงกันวะเนี่ย”
“เห้อัคคีแพรเป็นไรเปล่าวะ”น้ำวิ่งหน้าตื่นกระโดดขึ้นเวทีมาถาม
“เออๆบาดเจ็บตรงไหนไหมวะ”เน กับไฟท์ตามมาสมทบ
“น้องๆหลบไปหน่อยพี่เอากล่องปฐมพยาบาลมาน้องเป็นไรมากไหน”รุ่นพี่ขึ้นหนึ่งวิ่งมาพลางถือกล่องพยาบาลมาพลางพร้อมหันมาถามอัคคีกับแพร
“ไม่เป็นไรครับพี่พวกผมกระโดดหลบออกมาทัน”อัคคีกล่าวตอบกลับไป
“ฟู่ววโล่งออกไปทีอ้อพี่ชื่อโก้นะถ้าน้องไม่เป็นไรก็ดีแล้วละพวกน้องกลับไปผักผ่อนเถอะพี่ว่าคงซ้อมต่อไม่ได้แล้วละ”โก้กล่าวออกมาพลางมองดูรอบที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายพร้อมเดินแยกออกไปเพราะดูเหมือนจะมีคนอื่นโดนหางเล่ไปด้วย
“เห้ อัคคีแพรเป็นไรมากไหม”นิควิ่งขึ้นเวทีมาถาม
“ไม่ครับพี่”อัคคีหันไปตอบ
“บ้าเอ้ยรู้รึเปล่าว่าฉันตกใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าฉากกั้นล้มลงมาตอนคิวซ้อมของพวกเธอนะบ้าเอ้ยยัยนั้น….”นิคกล่าวออกมาพลางแสดงสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมขยี้หัวไปมา
“หืม”อัคคีหันไปมองทันทีพร้อมกล่าวถามออกมา
“ยันนั้นทำไมหรอครับรุ่นพี่”อัคคีกล่าวถามออกไปพร้อมจ้องเขม็งเข้าไปในตาของนิค
“อ..อ้อเปล่าหรอกเห้อช่างเถอะฉันว่าเพื่อนของนายก็คงรู้เรื่องแล้วละไม่งั้นเธอไม่ทำถึงขนาดนี้หรอกไว้รอฟังจากเพื่อนนายเองแล้วกันแต่ตอนนี้นายกับแพรกลับไปปผักผ่อนเถอะ”นิดกล่าวเลิกลักออกมาทำตัวไม่ถูกพร้อมหันหลังเดินจากไปพลางกุมหัวไปพลาง
“ใช่ตามนั้นแหละคนของฉันรู้แล้วละว่าเป็นใคร”เนกล่าวออกมา
“งั้นเดินไปคุยไปเถอะคนตรงนี้เยอะไม่ดีเท่าไหร่”อัคคีกล่าวออกมาพร้อมเดินนำคนทั้ง4ออกหอประชุมไป
.
.
.
“แล้วสรุปใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังวะไอ้เน”อัคคีกล่าวถามออกไปหลังจากที่พวกเค้าเดินพ้นหอประชุมออกมาแล้วและหันมองดูรอบๆแล้วว่าไม่มีคนจึงเอยถามออกไป
“พี่ดานะสิคนของฉันจับได้จากการที่เธอจ้างวานคนปล่อยข่าวลือนี้ออกมาหลักฐานก็มาจากแชทเธอนะฉันกะจะบอกแกหลังซ้อมเสร็จแต่ไม่นึกเลยว่ายัยนั้นจะทำถึงขนาดนี้”เนกล่าวออกมาด้วยท่าทางเคร่งเครียดแล้วรู้สึกผิด
“แล้วถ้าให้ฉันเดาพี่นิคแกคงรู้อยู่แล้วสินะ”ไฟท์กล่าวอกมา
“แกไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่าเนไม่ใช่ความผิดของแกหรอก”อัคคีกล่าวออกมาหลังจากเห็นท่าทางของเพื่อนตน
“งี้ก็แปลกแล้วดิแกไม่รู้จักพี่ดาไม่เคยมีความแค้นแล้วเรื่องทั้งหมดแกทำไปทำไมวะ”น้ำกล่าวออกมาอย่างงงๆ
“หุ้น คงเป็นเพราะหุ้นที่ฉันถือไว้อยู่สินะเห้ไอ้น้ำคนของแกสืบได้ไหมว่าพี่แกเอาข่าวนี้จะไปตีพิมพ์”อัคคีกล่าวถามเนออกไป
“ใช่ แต่ไม่มีสำนักไหนกล้ารับตีพิมพ์นะสิแล้วก็ใช่ที่แกพูดมาก็ถูกเพราะครอบครัวเธอต้องการหุ้นตัวนี้อยู่พอดี”เนกล่าวตอบไป
“งั้นก็หมายความว่าคนไม่ผิดหรอกจะผิดก็แต่ครอบครองหยกดูเหมือนว่าเธอคงเล็งหุ้นตัวที่ฉันถือไว้ก่อนอยู่แล้วสินะแต่ฉันกลับไปตัดหน้าเธอสะก่อนเธอเลยต้องการจะสร้างข่าวเพื่อโจมตีฉันจะได้ดึงราคาหุ้นให้ตกเพื่อดึงหุ้นจากมือฉันไปแต่ฉันคงคิดว่าคุณกิตติคงไม่ยอมหรอกถึงไม่มีคนกล้าตีพิมพ์ข่าวก็เพราะถ้าหุ้นตกยังไงสะทรัพย์สินก็ต้องลดลง”อัคคีกล่าวออกมาดูเหมือนว่าแผนการการตั้งบริษัทเพื่อสร้างรากฐานของตัวเองจะต้องเร่งขึ้นมาแล้วแหละ