ตอนที่แล้วตอนที่ 15
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17

ตอนที่ 16


"เอาละมาถึงแล้วห้องนี้แหละ"ไฟท์หันกลับมาบอกเพื่อนๆหลังจากออกมาจากลิฟต์์แล้วเดินเลี้ยวซ้ายมาหยุดอยู่หน้าห้องๆหนึ่ง

“ห้อง 11 กระบวนการบริหารการจัดการความรู้ การจัดการ ชั้นปีที่1 เวลา8.00-12.00 โอวโหวแหะเรียนรวดเดียว3ชม.”อัคคีกล่าวขึ้นหลังอ่านป้ายประกาศที่ติดอยู่หน้าประตู

“เอาละเข้าไปกันเถอะ”น้ำกล่าวบอก

“ใช่เข้าไปเถอะคงได้นั่งหลังนั้นแหละมาสายขนาดนี้”เนกล่าวขึ้นมาเพราะเค้าคงไม่หวังได้นั่งหน้าหรอกตอนนี้ในใจแค่หวังมาอาจารย์ยังไม่เข้าก็พอ

“ตามนั้น”ไฟท์กล่าวตอบพร้อมเปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปโดยภายในห้องจะเป็นโต๊ะตัวยาวพร้อมเก้าอีวางเรียงกันขึ้นมาข้างบนแบบขั้นบันไดขึ้นมาส่วนตรงล่างสุดจะมีกระดานไวท์นิลกับจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ติดไว้อยู่พร้อมโต๊ะขนาดกลางที่ตั้งเยื้องมาด้านหน้ากระดานไวท์นิลอีกที

“โอวโหวคนมาเยอะมากเลยนะนิน่าจะมาครบเลยมั้ง”น้ำกล่าวออกมาหลังจากกวาดสายตาไปรอบๆเพราะพวกเค้าได้นั่งหลังสุดจึงเห็นบริเวณรอบๆได้กว้างควางจึงเห็นแทบทุกอย่างในห้อง

“เออไอ้แบบนี้ถ้าคนสายตาสั้นคงต้องมาเข้าเรียนเช้าอน่างเดียวแล้วแหละ”เนบ่นออกมาเพราะหลังห้องค่อนค้างที่จะไกลกับกระดานอยู่มากพอสมควร

“คาบแรกก็งี้แหละอีกอย่างวิชานี้เรียนรวมสองห้องนะคนก็ต้องเยอะธรรมดา”อัคคีกล่าวขึ้นมาหลังเห็นน้ำทำท่าโอเวอร์แอคติ้งมากเกินไป

“เห้ยขนาดเรียนอาคารไหรวิชาอะไรแกยังไม่รู้เลยแล้วเอ็งรู้ได้ไงวะว่าเรียนรวม”น้ำหันมากล่าวถาม

“นี้ไงระบบบริหารนักศึกษามีอธิบายบอกทุกอย่าง”อัคคีกล่าวตอบพร้อมโชว์โทรศัพท์ของตนให้ดูที่ขณะนี้กำลังเปิดดูรายวิชาของชั้นปีที่1ที่ต้องเข้าเรียนให้ครบตามหน่วยกิตที่ทางมหาลัยกำหนดไว้อยู่

“เอาละๆนักศึกษาเลิกคุยกันได้แล้วอาจารย์เข้ามาตั้งนานแล้วพวกเธอยังไม่หยุดคุยกันรึไงไอ้พวกลูกลิงทั้งหลาย”อาจารย์สาววัยกลางคนกล่าวขึึ้นมาหลังจากเธอเดินเข้ามาภายในห้องแล้วเสียงคุยกันจอแจยังไม่เลิกสักทีบางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเะอเดินเข้าห้องมานานแล้วเธอจึงได้กวาดสายตาไปดูรอบๆแล้วกล่าวขึ้นมา

“เงียบแล้วฟังเนื่องจากนี้เป็นคาบแรกอาจารย์จะแค่แนะนำตัวและอธิการเรียนการสอนการเก็บคะแนนต่างๆก่อนแล้วกันอาจารย์ชื่อ นิด หรือคือผู้ช่วยศาสตร์จารย์ กชมน ญาณธิชา ส่วนเรื่องการเก็บคะแนนอาจารย์จะแบ่งเป็น 70 30 คือคะแนนระหว่างเรียน 70% คะแนนสอบ 30% คะแนนระหว่างเรียนก็จะประกอบไปด้วยการมาเรียน งาน แค่นั้นแหละส่วนคำอธิบายรายวิชาอืมไหนมีใครบอกอาจารย์ได้บ้าง”ผศ.นิดกล่าวอธิบายออกมาพร้อมกวาดสายตาถามคำถามเรื่องคำอธิบายรายวิชาที่จะเรียน

“ผมครับๆ”อัคคียกมือตอบ

“อืมเยียมมากเธอชื่อ”ผศ.นิดกล่าวชมพร้อมกล่าวถามชื่อ

“อัคคี อัคคี อัครแสง ครับ”อัคคีกล่าวตอบ

“เอาละอัคคีพูดมาเลย”ผศ.นิดกล่าว

"ขั้นตอนหลักของกระบวนการความรู้มี 7 ขั้นตอน

1. การบ่งชี้ความรู้ ( Knowledge Identification )

ขั้นตอนนี้เป็นการค้นหาว่าองค์กรมีความรู้อะไรบ้าง รูปแบบใด อยู่ที่ใคร และความรู้อะไรที่องค์กรจำเป็นต้องมี ทำให้องค์กรทราบว่าขาดความรู้อะไรบ้าง หรือการทำแผนที่ความรู้ ( Knowledge Mapping ) เพื่อหาว่าความรู้ใดมีความสำคัญสำหรับองค์กร แล้วจัดลำดับความสำคัญของความรู้เหล่านั้น เพื่อให้องค์กรวางขอบเขตของการจัดการความรู้และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

2. การสร้างและแสวงหาความรู้ ( Knowledge Creation and Acquisition )

จากแผนที่ความรู้ องค์กรจะทราบว่ามีความรู้ที่จำเป็นต้องมีอยู่หรือไม่ ถ้ามีแล้วองค์กรก็จะต้องหาวิธีการในการดึงความรู้จากแหล่งต่างๆ ที่อาจอยู่กระจัดกระจายมารวมไว้เพื่อจัดทำเนื้อหาให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ สำหรับความรู้ที่จำเป็นต้องมีแต่ยังไม่มีนั้น องค์กรอาจสร้างความรู้จากความรู้เดิมที่มีอยู่ หรือนำความรู้จากภายนอกองค์กรมาใช้ก็ได้

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขั้นตอนนี้ประสบความสำเร็จคือ บรรยากาศและวัฒนธรรมขององค์กรที่เอื้อให้บุคลากรกระตือรือร้นในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อใช้ในการสร้างความรู้ใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ระบบสารสนเทศก็มีส่วนช่วยให้บุคลากรสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกันได้รวดเร็วและการเสาะแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ จากภายนอกก็ทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

3. การจัดความรู้ให้เป็นระบบ ( Knowledge Organization )

เมื่อมีเนื้อหาความรู้ที่ต้องการแล้ว องค์กรต้องจัดความรู้ให้เป็นระบบ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและนำความรู้ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ได้ การจัดความรู้ให้เป็นระบบหมายถึง การจัดทำสารบัญ และจัดเก็บความรู้ประเภทต่างๆเพื่อให้เก็บรวบรวมการค้นหา การนำมาใช้ทำได้ง่ายและรวดเร็ว

ตัวอย่างการแบ่งชนิดหรือประเภทของความรู้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้นำไปใช้อย่างไร และลักษณะการทำงานของบุคลากรเป็นแบบไหน โดยทั่วไปแบ่งตามสิ่งต่อไปนี้

� ความชำนาญ หรือความเชี่ยวชาญของบุคลากร เช่น จัดทำทำเนียบผู้เชี่ยวชาญ

� หัวข้อ/ หัวเรื่อง

� หน้าที่/ กระบวนการ

� ประเภทของผลิตภัณฑ์ บริการ ตลาด หรือกลุ่มลูกค้า เป็นต้น

4. การประมวลและกลั่นกรองความรู้( Knowledge Codification and Refinement )

นอกจากการจัดทำสารบัญความรู้อย่างเป็นระบบแล้วองค์กรต้องประมวลความรู้ให้อยู่ในรูปแบบและภาษาที่เข้าใจง่าย และใช้ได้ง่าย ซึ่งอาจทำหลายลักษณะคือ

� การจัดทำหรือปรับปรุงรูปแบบของเอกสารให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วทั้งองค์กร ทำให้การป้อนข้อมูล การจัดเก็บ การค้นหาและการใช้ข้อมูลทำได้สะดวกและรวดเร็ว

� การใช้ “ภาษา” เดียวกันทั่วทั้งองค์กร โดยจัดทำคำอภิธานศัพท์ของคำจำกัดความ ความหมายของคำต่างๆที่แต่ละหน่วยงานใช้ในการปฏิบัติงานเพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน มีการปรับปรุงให้ทันสมัยตลอดเวลารวมทั้งต้องให้ผู้ใช้สามารถค้นหาและเปิดใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

� การเรียบเรียง ตัดต่อ และการปรับปรุงเนื้อหาให้มีคุณภาพดีในแง่ต่างๆ เช่น ครบถ้วน เที่ยงตรง ทันสมัยสอดคล้องและตรงตามความต้องการของผู้ใช้

5. การเข้าถึงความรู้( Knowledge Access )

องค์กรต้องมีวิธีการในการจัดเก็บและกระจายความรู้เพื่อให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์ได้ โดยทั่วไปการกระจายความรู้ให้ผู้ใช้มี 2 ลักษณะคือ

1.“Push” (การป้อนความรู้) คือการส่งข้อมูล/ความรู้ให้ผู้รับโดยผู้รับไม่ได้ร้องขอ เช่น การส่งหนังสือเวียนแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ หรือข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือปริการขององค์กร

2.“Pull” (การให้โอกาสเลือกใช้ความรู้) คือการที่รับผู้รับสามารถเลือกรับหรือใช้แต่เฉพาะข้อมูล/ความรู้ที่ต้องการเท่านั้น ซึ่งช่วยลดปัญหาการได้รับข้อมูล/ความรู้ที่ไม่ต้องการมากเกินไปองค์กรควรทำให้เกิดความสมดุลระหว่างการกระจายความรู้แบบ “Push” และ “Pull” เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้ข้อมูล/ ความรู้

6. การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ ( Knowledge Access )

การแบ่งปันความรู้ประเภท Explicit วิธีที่นิยม เช่น การจัดทำเอกสาร จัดทำฐานความรู้ หรือการจัดทำสมุดหน้าเหลืองโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ทำสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้นการแบ่งปันความรู้ประเภท Tacit สามารถทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับความต้องการและวัฒนธรรมองค์กร ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีผสมผสานเพื่อผู้ใช้ข้อมูลสามรถเลือกใช้ได้ตามสะดวก วิธีการหลักๆมีดังนี้

- ทีมข้ามสายงาน

- lnnovation &Quality Circles(IQCs)

- ชุมชนแห่งการเรียนรู้ Community of Practice หรือ CoP

- ระบบพี่เลี้ยง ( Mentoring System)

- การสับเปลี่ยนสายงาน ( Job Rotation) และการยืมตัวบุคลากรมาช่วยงาน ( Secondment )

- เวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ ( Knowledge Forum )

7. การเรียนรู้ ( knowledge Access )

วัตถุประสงค์ที่สำคัญที่สุดในการจัดการความรู้คือ การเรียนรู้ของบุคลากรและนำความรู้นั้นไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาและปรับปรุงองค์กร กล่าวคือหากองค์กรใดก็ตามถึงแม้จะมีวิธีการในการกำหนด รวบรวม คัดเลือกถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้ที่ดีเพียงใดก็ตาม หากบุคลากรไม่ได้เรียนรู้และนำไปใช้ประโยชน์ก็เป็นการสูญเปล่าของเวลาและทรัพยากรที่ใช้ ดังคำกล่าวของ Peter Senge ที่ว่า “ความรู้คือความสามารถในการทำอะไรก็ตามอย่างมีประสิทธิผล”การเรียนรู้ของบุคลากรจะทำให้เกิดความรู้ใหม่ๆขึ้น ซึ่งจะไปเพิ่มพูนองค์ความรู้ขององค์กรที่มีอยู่แล้วให้มากขึ้นเรื่อยๆความรู้นี้ก็จะถูกนำไปใช้เพื่อสร้างความรู้ใหม่ๆอีกเป็นวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด ที่เรียกว่า “วงจรการเรียนรู้”ซึ่งวงจรความรู้ เริ่มจาก องค์ความรู้ แล้วไปสู่ การนำความรู้ไปใช้ เมื่อนำความรู้ไปใช้แล้วก็จะทำให้ เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งจะหมุนวนกลับไปเป็น องค์ความรู้ อีกครั้งหนึ่ง ถูกไหมครับอาจารย์"อัคคีกล่าวอธิบายออกมาพร้อมถามอาจารย์ออกมา

“ถูกต้องยอดเยี่ยมมากแสดงว่าเธอเตรียมพร้อมมาดีมาก อาจารย์จะให้คะแนนพิเศษกับเธอคะแนนนี้จะช่วยเธอได้มาก”ผศ.นิดกล่าวตอบพร้อมชื่นชมในตัวอัคคีที่มาการเตรียมมตัวมาอย่างดี

(บทความของ https://www.dla.go.th/work/km/home/kmstory/kmstory4.htm)

“ขอบคุณครับอาจารย์”อัคคียิ้มตอบกลับไปพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณสำหรับคะแนนพิเศษ

“อืมมใช่วันนี้ก็มีแค่นี้แหละอาจารย์จะปล่อยพวกเธอจอยๆหน่อยอ้อแล้วอย่าลืมเลือกประธานของชั้นปีด้วยละ”ผศ.นิดกล่วบอกนักศึกษาทั้งคลาสเรียนก่อนเดินออกจากห้องไป

“เออเห้ยเอาจริงดิวะนี้ฉันต้องแหกขี้ตาตื่นนอนเพื่อมาแค่เนี่ยอะนะ”ไฟท์สขบออกมา

“เออก็คงงั้นแหละเพื่อเพราะอาจารย์แกเดินออกไปแล้ว”อัคคีหันมากล้าวตอบยิ้มๆให้ไฟท์แต่ระหว่างนั้นเพื่อนๆในคลาสพวกเค้าก็คุยกันจอแจเสียงดังว่าใครอยากจะเป็นประธานชั้นปีของตัวเองแล้วก็พูดสเนอชื่อของคนอื่นบ้างจนมีคนลุกขึ้นมากล่าวว่า

“เออเพื่อนๆทุกคนเราว่าถึงคุยกันไปแบบนี้ก็ไม่มีข้อสรุปหรอกงั้นเรามาสเนอชื่อกันไหมว่าใครเหมาะกับตำแหน่งนี้”

“งั้นฉันเสนอเธอเลยแล้วกันแพรเพราะในสถานการณ์แบบนี้เราเห็นความเป็นผู้นำในตัวของแพรเลยแหละ”

“ขอบคุณมากเลยนะฟ้า”แพรยิ้มตอบพร้อมกล่าวขอบคุณที่เสนอชื่อของตนเอง

“งั้นเราจะถามไปทีละแถวเลยไหมละว่าเสนอชื่อใครบ้าง”ฟ้ากล่าวเสนอความคิดเห็นออกมาซึ่งทุกคนก็ตกลงตามนั้น

“อืมมในระหว่างนี้ฉันไม่มีไรทำลงชื่อเข้าใช้ของวันนี้ดีดว่าแหะ”อัคคีพรึมพรำขึ้นมา ระบบลงชื่อเข้าใช้

ติ๊ง ยืนยันการลงชื่อเข้าใช้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ(8/20) โฮสต์ต้องการยืนยันการลงชื่อเข้าใช้หรือไม่

ยืนยัน

ยืนยันเรียบ

ยินดีด้วยโฮสต์ ได้รับทักษะการบริหารธุกิจขั้นสุดยอด ได้รับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สุดไฮเทคล้ำหน้าปัจจุบันไป10ปี

โอวโหวสุดยอดนี้ระบบมีลดแลกแจกแถมด้วยรึไงเนี่ย

ติ๊ง โฮสต์แค่โชคดีระบบไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก

“อัคคี อัคคีเห้ยเหม่อไรของแกวะ”น้ำสะกิดอัคคีอยู่เพราะเห็นว่าเพื่อนของตนดูเหม่อๆ

“ทำไมวะไอ้น้ำ”อัคคีหันมาถาม

“ก็มันเหลือแค่แถวเรานะสิยังไม่สเนอชื่ออะ”เนหันมากล่าวตอบ

“ใช่แล้วเราจะสเนอใครวะส่วนใหญ่ก็มีแพรแล้วก็คิว”ไฟท์กล่าวเสริม

“อืมมเหลือแถวสุดท้ายทางด้านหลังห้องยังไม่สเนอชื่อนะอ้ออัคคีจะสเนอชื่อใครงั้นหรอเราคาดหวังเลยนะเนี่ยว่าจะสเนอชื่อเรานะ”แพรกล่าวขึ้นมาแต่หลังจากมองดูชัดๆแล้วรู้ว่าเป็นอัคคีจึงกล่าวแซวขึ้นมา

“อืมก็ใช่เราว่า….”แต่อัคคีกล่าวยังไม่ทันจบก็มีเสียงกล่าวขึ้นมาก่อน

“เหอะมันจะเสนอชื่อใครละสุดท้ายมันก็สเนอชื่ออยู่แค่สามชื่อเท่านั้นแหละได้แต่เกาะคนอื่นไปวันๆ”…..

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด