ตอนที่ 1265 ข้าก็จะทําเฉกเช่นเขา..
หลินฟาน เขา.. กำลังจะไปแล้วเหรอ?
หยุน ชิงเย้า ไม่รู้ว่าทำไม ในใจมันถึงเต็มไปด้วยความรู้สึกอึดอัดเช่นนี้.. มันเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ หยุน ชิงเย้า นับตั้งแต่เล็กจนโต นี่มันก็ครั้งแรกที่เธอมีความรู้สึกแบบนี้ ทั้งมันยังให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า ..กำลังจะสูญเสียอะไรบางอย่างไป
หยุน จงเจิ้ง กําลังขอให้เธอออกไปส่ง หลินฟาน เธอจึงได้ลุกขึ้นมาอย่างมึนงงเล็กน้อย และเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างๆ หลินฟาน
“ผู้นำหยุน และบรรดาผู้คนในหยุนเหมิน หลินฟาน ขอกล่าวลา” หลินฟาน ได้กล่าวกับ หยุน จงเจิ้ง และหันหน้าไปหาทุกคนในงาน
เมื่อได้ยินว่า หลินฟาน กำลังจะจากไป ชนเผ่าหยุนทั้งหมดก็พากันแปลกใจเล็กน้อย หยุน ชิงเย้า ได้บอกความในใจต่อ หลินฟาน แล้วไม่ใช่หรือ หากถ้า หลินฟาน จะเข้าร่วมกับหยุนเหมิน ก็ไม่ควรจะจากออกไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หรือว่า หลินฟาน ไม่คิดจะเข้าร่วมหยุนเหมินแล้ว?
หลินฟาน ไม่คิดจะสนใจปฏิกิริยาของทุกคน เขาได้หันหลัง และเดินออกไป
หยุน ชิงเย้า ก็ได้ติดตามเขาออกไป และเดินเคียงข้างออกไปพร้อมกับ หลินฟาน
ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองของทุกคน ทั้งสองก็ได้เดินจากออกไป..
ระหว่างทางทั้งคู่ต่างก็เงียบ ไม่มีใครจะพูดอะไรออกไปอยู่สักพัก
หยุน ชิงเย้า เธอเองอยากจะเปิดปากพูดออกไปอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเริ่มที่จะพูดออกไป เธอก็กลับอดกลั้นมันเอาไว้อีกครั้ง
จากนั้นทั้งสองก็นิ่งเงียบ ก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนออกนอกประตูหมู่บ้าน
หลินฟาน จึงหยุด และกล่าวว่า : “คุณกลับไปเถอะ ผมออกจากภูเขาคนเดียวได้ คุณยังมีอาการบาดเจ็บตามร่างกายอยู่ ไม่เหมาะที่จะเดินออกไป กลับไปเถอะ”
“อืม” หยุน ชิงเย้า ได้แต่ก้มหน้าลงมองดูปลายเท้าของตัวเอง เธอขยับริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เหมือนกำลังลังเลที่จะพูดบางอย่าง
หลินฟาน สังเกตเห็น และยิ้มก่อนจะพูดไปว่า : “คุณมีอะไรอยากจะพูดกับผมไหม?”
หยุน ชิงเย้า เธอต้องการอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเธอก็ส่ายศีรษะ แล้วพูดว่า : “ม.. ไม่”
หลินฟาน กล่าวว่า : “นั่น.. ลาก่อน แต่ต่อไปคุณไม่น่าจะไปที่เมืองหยุนเฉิงแล้ว เกรงว่าพวกเราอาจจะเจอกันอีกได้ยากแล้ว”
พูดจบ หลินฟาน ก็หันหลังกลับ และเดินจากออกไป
เมื่อมองดูแผ่นหลังของ หลินฟาน ที่กำลังเดินจากไป หยุน ชิงเย้า ก็รู้ว่าตัวเองมันงี่เง่าอย่างบอกไม่ถูก และความรู้สึกที่ขมขื่นมันก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ, ..ใช่ เธอไปที่เมืองหยุนเฉิง เพื่อตามไล่ล่า เย่ เทียนอวี่ ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอ.. ก็ไม่เคยไปที่เมืองหยุนเฉิงมาก่อน, ตอนนี้เรื่องของ เย่ เทียนอวี่ ได้คลี่คลายลงแล้ว และเธอก็ไม่จำเป็นต้องไปที่เมือง ..หยุนเฉิง อีกต่อไปแล้ว
และหลินฟาน ก็เช่นกัน ตัวเขาจะมีเหตุผลอะไรที่จะมาที่หยุนเหมินอีก ..ในอนาคต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การจากลาครั้งนี้ พวกเขา.. อาจจะเป็นการจากลาตลอดไปจริงๆ
ความเป็นจริงแล้ว.. ในชีวิตของคนเราก็รู้จักผู้คนมากมาย แต่ถ้าเราไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด สร้างความสัมพันธ์ชีวิตที่ยาวนานได้ …คนที่เรารู้จักนั้น ก็เป็นเพียงแค่คนที่เดินสวนกันไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเข้าทํางานในบริษัท และได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงาน แต่พอเมื่อคุณออกจากบริษัทนี้ไป หรือเพื่อนร่วมงานของคุณออกจากบริษัทนี้ไป คุณเองอาจจะไม่มีโอกาสได้พบเจอพวกเขาอีกเลย ..ในอนาคต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง จริงๆ แล้ว ในขณะที่เราไม่รู้ตัว ในชีวิตของเรา หรือของใครๆ อีกหลายคนที่ได้พบเห็นหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าหลังจากแยกจากกันไปแล้ว เราจะยังคงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ แต่ก็กลับ.. ไม่มีโอกาสได้พบเจอหน้ากันอีก
แน่นอนว่า “ครั้งสุดท้าย” เหล่านี้ที่ตัวเองไม่ได้ตระหนักด้วยซ้ำนั้น ..มันเป็นการแสดงให้เห็นว่า ‘ไม่สําคัญ’ หรือก็คือการแค่มองผ่านๆ ไปเพียงเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทําให้อึดอัดจริงๆ ก็คือ “ครั้งสุดท้าย” ที่คุณสามารถตระหนักรู้ถึงมันได้ ครั้นคุณได้เข้าใจถึงสิ่งนี้ และจริงๆ แล้วมันก็แสดงให้เห็นว่าคุณมีคนคนนั้นอยู่ในใจ อย่างน้อยๆ คนนั้นก็มีตําแหน่งในใจของคุณ และคุณก็คือคนที่หวงแหน.. มัน
และสิ่งๆ นั้น.. อาจจะเป็นมิตรภาพ หรือ... ความรัก
หยุน ชิงเย้า เธอยืนอยู่นอกหมู่บ้าน โดยไม่ได้ขยับเขยื้อนมาเป็นเวลานาน แม้ว่าเงาของ หลินฟาน จะเลือนหายไปแล้ว แต่เธอก็ยังคงจ้องมองออกไปในทิศทางที่ หลินฟาน เดินจากไป ดวงตาของเธอนั้น.. มันเต็มไปด้วยความเศร้าโศก และหัวใจของเธอมันก็ดูเหมือนกำลังกรีดร้องให้ออกวิ่งตามหัวใจของเธอไป…
“เฮ้อ……”
มีเสียงถอนหายใจเบาๆ ดังมาจากด้านหลัง
ปรากฏว่าเป็น ท่านยาย ที่ได้เดินตามออกมา
ท่านยาย ได้เดินมาหา หยุน ชิงเย้า และพูดว่า : “ท่านหลิน ไปไกลแล้ว.. ชิงเย้า ถึงเวลากลับแล้ว”
แต่เมื่อเห็นแววตาของ หยุน ชิงเย้า ตอนนี้ ท่านยาย ก็ถอนหายใจในใจ.. ช่างเป็นชะตากรรมอันชั่วร้ายจริงๆ แววตาของ ชิงเย้า ในเวลานี้ ก็เหมือนกับตอนที่ ราชินีเมืองแม่ม่าย กล่าวอำลากับ พระถัง ..อยากได้ แต่ก็ไม่ได้ อย่างกับว่ามันถูกลิขิตไว้ ..ไม่ให้อยู่ด้วยกัน
มีบุพเพ แต่ไร้วาสนา.. มีโชคชะตานำพา แต่ไร้วาสนาที่จะอยู่ร่วมกัน
ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอย่าง ชิงเย้า เรียกได้ว่าเป็นอิริยาบถแห่งสวรรค์ ด้วยรูปโฉมที่โดดเด่นงดงามหาใครเทียบ ใครจะไปคิดว่า.. แม้แต่เธอก็ยังติดอยู่ในห้วงความรู้สึกของความรัก ผู้ชายที่สามารถทําให้ ชิงเย้า ติดอยู่ได้อย่าง หลินฟาน อาจกล่าวได้ว่าเป็นเพียงผู้ชายที่ดีที่สุดในโลกแล้ว..
“ท่านยาย ท่านกับ หลินฟาน คุยอะไรกันที่ห้องโถงด้านหลัง?” หยุน ชิงเย้า ได้หลับตา ครู่หนึ่ง และหันหลังกลับไปมอง ท่านยาย
ท่านยาย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดไปว่า : “เขา... ไม่ต้องการแต่งงาน”
หยุน ชิงเย้า ได้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ได้ยิ้มออกมา : “เขาจะแบกรับชนเผ่าหยุนเพื่อข้าหรือ? เขา.. ไม่ได้มีความรู้สึกต่อข้า และข้าก็เป็นแค่ปัญหาที่เขาต้องแก้ไข เมื่อปัญหาได้รับการแก้ไขแล้ว เขาก็เพียงแค่จากไป ..แค่นั้น”
ท่านยาย มองไปที่ หยุน ชิงเย้า : “แล้วเจ้าล่ะ?”
หยุน ชิงเย้า กล่าวว่า : “ข้าก็จะทําเฉกเช่นเขา.. ท่านยาย ข้าที่ไม่สวมผ้าคลุมหน้า ไม่ใช่เพราะสนใจเขา…”
ท่านยาย พูดว่า : “ใช่หรือ ถ้าในใจเจ้าไม่มีเขา แล้วทําไมเจ้าถึงเปิดเผยใบหน้าให้แค่เขาคนเดียวล่ะ?”
หยุน ชิงเย้า : “......”
คําถามนี้ เธอตอบไม่ได้.. ใช่ ทําไมถึงไม่ใช่อาแมวอาหมา ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่.. ทำไมถึงต้องเป็น หลินฟาน ด้วยล่ะ?
ท่านยาย มองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งมานานแล้ว : “เขาบอกข้าหมดแล้ว และเจ้าก็พูดกับเขาออกไปแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม?”
หยุน ชิงเย้า พูด : “อืม…”
ท่านยาย ได้ถอนหายใจไปพร้อมกับกล่าวว่า : “ถ้าเจ้าแสดงความปรารถนาต่อเขา บางทีผลลัพธ์อาจจะแตกต่างออกไป”
หยุน ชิงเย้า ได้ส่ายศีรษะ แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าความเข้าใจของ หลินฟาน นั้นไม่มีใครเทียบได้ในโลก อีกอย่างคนอื่นสามารถมองออกได้ว่าคําพูดของเธอเมื่อกี้นั้น ไม่ใช่ความจริงจากใจ และหลินฟาน จะไม่สามารถแยกแยะออกได้อย่างไร?
หลินฟาน รู้ดีว่าใจจริงๆ เธอต้องการอะไร แต่เขาก็ยังจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามอง หึ ไอ้คนใจร้าย!
“ท่านยาย ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยได้ไหม?” หยุน ชิงเย้า ได้ถาม
ท่านยาย กล่าวว่า : “อะไรล่ะ?”
หยุน ชิงเย้า กล่าวว่า : “ผู้หญิงชาวเผ่าหยุนของเรา ต้องแต่งงานโดยไม่มีข้อยกเว้นเลยหรือ?”
ฟังคำถามนี้แล้ว ท่านยาย ก็มีสีหน้าเรียบเฉย : “แน่นอนว่านี่เป็นกฎของเผ่าหยุนของเรา กฎนี้มีไว้เพื่อให้แน่ใจถึงการสืบเผ่าพันธุ์ของหยุนเหมินเรา เมื่อกฎถูกทำลายก็จะส่งผลกระทบต่อรากฐานของชนเผ่าหยุนของเรา ชิงเย้า เจ้าคงไม่มีความคิดอื่นใดใช่ไหม?”
หยุน ชิงเย้า ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว : “ไม่”
ลึกๆ แล้ว : จริงๆ นะ.. ไม่มีเลย?
ท่านยาย กล่าวว่า : “ไม่มีก็ดี.. ถ้าหากเจ้ากับ หลินฟาน สามารถอยู่ด้วยกันได้ เงื่อนไขคือ หลินฟาน เขาต้องแต่งเข้ามา มิฉะนั้นพวกเจ้าก็ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ..”
“ท่านยาย เรากลับไปกันเถอะ เขาจากไปแล้ว อนาคตของพวกเราก็เป็นแค่คนแปลกหน้ากัน” หยุน ชิงเย้า ได้ยิ้มออกมา เธอตอนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังฝืนใจยิ้มออกมา : “ท่านยาย วางใจได้ ข้ายอมรับว่าข้าหวั่นไหวต่อ หลินฟาน แต่เมื่อเขาจากไปแล้ว หัวใจของข้าก็เท่ากับตายไปแล้ว และไม่มีอยู่อีกต่อไปเช่นกัน ในอนาคตข้าก็จะเป็นข้า เขาก็จะเป็นเขา ไม่เกี่ยวข้องกัน หรือสำคัญกันแม้แต่น้อย”
คำพูด หยุน ชิงเย้า ที่ดูแข็งกร้าวเช่นนี้ ท่านยาย กลับรู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ และเธอก็แค่ปากแข็งไปเท่านั้น เธอเองได้พูดหยั่งเชิงไปว่า : “ที่จริงข้าคิดว่า ท่านหลิน ก็น่าเสียดายไปจริงๆ เขาเป็นเลิศทั้งในด้านการแพทย์ และศิลปะการต่อสู้ ถ้าสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหยุนของข้าได้ ชนเผ่าหยุนของข้าก็จะสามารถคาดหวังกับอนาคตได้!”
หยุน ชิงเย้า กล่าวว่า : “ท่านยาย ลืมๆ ไปซะ ในอนาคตข้าจะพยายาม ด้วยความสามารถของข้าเอง และข้าจะทําให้ชนเผ่าหยุนของเราเจริญรุ่งเรืองให้ได้!”
ท่านยาย ได้ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ : “หลานรัก มันจะดีมากหากเจ้าคิดได้แบบนี้ สำหรับ หลินฟาน ข้าเองก็รู้สึกเสียใจจริงๆ แต่ด้วยความภาคภูมิใจของเขา ในที่สุดเขาก็ไม่ยอมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรา หยุนเหมิน และไม่ใช่กลายมาเป็นคนของหยุนเหมินของข้า เช่นนี้ก็ได้แต่ต้องปล่อยไปเท่านั้น และข้าก็เชื่อว่าลูกหลานของข้าที่ยอดเยี่ยมมากถึงขนาดนี้ ในอนาคตก็คงจะสามารถหาลูกเขยที่ดีกว่าเขาได้อย่างแน่นอน!”
“อืม…” หยุน ชิงเย้า อยากจะตอบอยู่ แต่ลึกๆ แล้ว เธอกลับถอนหายใจออกมา ใช่ไหม เธอเองไม่คิดว่าในโลกนี้จะยังมีคนที่สองที่ดีกว่า หลินฟาน ได้อีก นับประสาอะไรกับของบางอย่าง เมื่อคุณหยิบมันขึ้นมาแล้ว จะบอกว่าปล่อยก็ปล่อยไปหรือ แล้วที่ไหนมันจะง่ายขนาดนั้น...
…ด้วยการจากไปของ หลินฟาน งานเลี้ยงก็สิ้นสุดลง
หยุน จงเจิ้ง หลังจากนั่งอยู่สักพักก็ออกจากงานเลี้ยงไปก่อนแล้ว
หยุน จงเจิ้ง ได้ออกจากงานเลี้ยง และมาถึงสถานที่ที่ซึ่งกักขัง ชายใบหน้าเหลี่ยม.. ในเวลานี้ ชายใบหน้าเหลี่ยม ได้เปลือยท่อนบน และถูกโซ่เหล็กเจาะเข้ากระดูกไหปลาร้า (กระดูกด้านข้างศีรษะ และคอบนไหล่) และถูกแขวนขึ้นลอยอยู่เหนือพื้น สภาพของเขาตอนนี้ดูบอบช้ำมาก อีกทั้งเขายังมีลมหายใจที่อ่อนแรง รวยริน..
เมื่อมองไปที่ ชายใบหน้าเหลี่ยม หยุน จงเจิ้ง ก็พูดออกไปด้วยสีหน้าเรียบ : “เจ้าอย่าเพิ่งตายก่อนจะดีกว่า ข้าเองยังมีคําถามมากมายที่จะถามเจ้า…”